1083-1084
7/8
Ep.1083
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่กล้าก้าวออกมา เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”
ซูเฉินหรี่ตาลง กลิ่นอายสังหารค่อยๆแพร่กระจายออกจากร่างเขา
จนถึงตอนนี้ ซูเฉินฆ่าพวกต่างเผ่ายังไม่ถึง 20 คนด้วยซ้ำ ชิ้นส่วนที่ดรอปก็มีน้อยมาก ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเขา
ดังนั้น พวกต่างเผ่าที่อยู่ล่างสังเวียนประลอง เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!
“เขาหมายความว่ายังไง?”
“อย่าบอกนะ ว่าเขาต้องการจะฆ่าพวกเราทุกคน?”
ชาวต่างเผ่าที่อยู่ด้านล่างรู้สึกสับสนในตอนแรก แต่เมื่อเริ่มเข้าใจถึงความหมายในคำพูดของซูเฉิน ระลอกคลื่นของความตื่นตระหนกก็แพร่กระจายไปทั่วห้องหัวใจของพวกเขา
หากซูเฉินยืนกรานจะฆ่าพวกเขา ไม่มีใครสามารถหยุดมันได้อย่างแน่นอน บางทีพวกเขาอาจถูกฆ่าทิ้งทั้งหมด
เมื่อคิดได้แบบนี้ ชาวต่างเผ่าหลายคนเริ่มล่าถอย
ซูเฉินไม่เสียเวลาอีกต่อไป ดึง [ดาบเสริมมนตรา] ออกมา ตัดกวาดลงไปเป็นแนวนอน
เห็นแค่เพียงกระแสพลังสามสีพุ่งออกจากมัน สามเพลิงเอกลักษณ์กระโจนเข้าไปเช่นกัน
ในพริบตา ความผันผวนของพลังเวทย์อันน่าสะพรึงแผ่ขยายออกไป อำนาจของมัน ชวนให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าสามารถทำลายได้ทั้งสวรรค์และปฐพี!
กระบวนท่าสังหารขั้นสูงนี่มันอะไรกัน?
ชาวต่างเผ่าในที่นี้ตื่นตกใจ สติสตังค์หลุดลอย เมื่อได้สติ ก็วิ่งเตลิดไปทุกทิศทุกทาง
ต้องเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารเช่นนี้ พวกเขาไหนเลยจะมีความกล้าเข้าสู้กับมัน
“นี่ซูเฉินยังเป็นปรมาจารย์มนตราด้วย? แต่ว่าก็ว่าเถอะ เหตุใดการโจมตีทางเวทมนต์ของเขาถึงได้ทรงพลังนัก?”
เฉินฉางตกใจเกินบรรยาย แม้อยู่ห่างไกล แต่หัวใจเขายังสั่นไหว เต็มไปด้วยความหวาดผวา
เผ่าพันธุ์อื่นๆยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เวลานี้ส่วนใหญ่แข้งขาอ่อนเปลี้ย ล้มลงกับพื้น ทั้งร่างสั่นเทิ้มไม่หยุด
อ๊าาาาาา!
ตามมาด้วยเสียงครวญคราง เห็นแค่เพียงกระแสพลังสามสีพัดผ่าน ชาวต่างเผ่าสัมผัสมันเพียงเล็กน้อย ก็สลายกลายเป็นผงโดยตรง
ในชั่วพริบตาเดียว ชาวต่างเผ่าหลายพันคนจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ พื้นที่ขนาดใหญ่ใต้สังเวียนประลอง กลายสภาพเป็นพื้นที่สูญญากาศอย่างสิ้นเชิง ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ!
อึก!
เห็นภาพนี้ เฉินฉางกลืนน้ำลายอย่างแรง ลมหายใจขาดห้วง
หลังจากฆ่าชาวต่างเผ่านับพันในกระบวนท่าเดียว ซูเฉินยังไม่ยอมหยุดมือ เขาเปิด [มิติสันโดษ] และ [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] อย่างรวดเร็ว เรียกเหล่าผู้แข็งแกร่งและสัตว์เลี้ยงวิญญาณอกอมา จากนั้นโบกมือใหญ่ให้สัญญาณ
“ฆ่าพวกต่างเผ่าให้หมด!”
“ฆ่า!”
เสียงประกาศฆ่าฟันดังสะเทิ้นฟ้าสะเทือนดิน สัตว์เลี้ยงวิญญาณและเหล่าผู้แข็งแกร่งต่างแย่งกันไล่ล่าพวกต่างเผ่า
“มีผู้ฝึกตนขั้น 10 และสัตว์เลี้ยงวิญญาณขั้น 10 มากมายถึงเพียงนี้ ...”
เฉินฉางตะลึงงันอย่างสิ้นเชิง
ซูเฉินไม่ได้มีส่วนร่วมในการไล่ล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆ หรือหงส์เพลิงและเหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณ เดิมทีทั้งหมดอยู่ในระดับเทวะ
แม้พวกเขาจะถูกสะกดพลังเหลือแค่ขั้น 10 แต่ในความเป็นจริงแล้ว กำลังรบนับว่าเหนือกว่าลำดับชั้นเดียวกันมาก
พวกต่างเผ่าที่นี่ ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้ ถูกสังหารหมดเมื่อไหร่ เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น
จากนั้น ซูเฉินหันไปมองตราหยกกำเนิดเซียน หลังจากเพ่งพินิจอย่างถี่ถ้วน เขาปลดปล่อยพลังจิตและดึงมันมาอยู่ในมือ
ทันทีที่เขาสัมผัสกับตราหยก จู่ๆพิกัดบางแห่งก็ปรากฏขึ้นในใจเขา ราวกับกำลังชี้นำให้เดินทางไปที่นั่น
“หรือว่าพิกัดนี้จะเป็นหนึ่งในสองตำแหน่งที่ตราหยกกำเนิดเซียนอยู่?” ซูเฉินพึมพำ ถือตราหยกกำเนิดเซียนเดินไปหาเฉินฉาง
เมื่อไม่มั่นใจ เขาจึงคิดว่าควรถามเฉินฉาง
“เฒ่าเฉิน ข้าจะหาตราหยกกำเนิดเซียนอีกสองชิ้นได้อย่างไร?”
“เจ้าน่าจะมีพิกัดอยู่ในหัวแล้วถูกไหม? พิกัดนั้นคือกุญแจสำคัญในการหาตราหยกกำเนิดเซียนอีกสองชิ้น” เฉินฉางอธิบาย
“อ้อ”
ซูเฉินพยักหน้า เมื่อยืนยันจนมั่นใจแล้ว เขาเก็บตราหยกกำเนิดเซียนลงในถุงเก็บของ หันมาถามต่อว่า “เฒ่าเฉิน แล้วกรุสมบัติอยู่ที่ไหน?”
หากสามารถรวบรวมตราหยกกำเนิดเซียนครบ จะสามารถเปิดกรุสมบัติได้
แต่ตำแหน่งที่ตั้งของกรุสมบัติอยู่ที่ไหน เขายังไม่รู้เลย
8/8
Ep.1084
“เมื่อเจ้ารวบรวมตราหยกกำเนิดเซียนได้ครบทั้งสามแผ่น มันจะมอบพิกัดใหม่ให้เจ้า ซึ่งนั่นน่าจะเป็นที่ตั้งของกรุสมบัติ”
เฉินฉางพูดไม่เต็มปากเต็มคำ เพราะจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครสามารถรวบรวมตราหยกกำเนิดเซียนได้ครบทุกชิ้นเลย
ส่วนสาเหตุที่เขารู้เรื่องนี้ เป็นเพราะมันถูกเล่าขานต่อๆกันมา
หลังจากคิดว่าได้ข้อมูลมามากพอแล้ว ซูเฉินก็ไม่ถามอะไรเพิ่มอีก หันกลับไปที่สังเวียนประลอง เริ่มเก็บชิ้นสวน
ณ ขณะนี้ ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆยังคงไล่ล่าพวกต่างเผ่าอยู่ แต่เสียงกรีดร้องโหยหวน ฟังยังไงก็รู้ว่าไม่รุนแรงเหมือนช่วงแรก
นี่หมายความว่า พวกต่างเผ่าถูกสังหารลงเกือบหมดแล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลังสิ้นเสียงกรีดร้องสุดท้าย รอบสังเวียนก็เหลือเพียงความเงียบงัน
ผู้ที่รอดชีวิตมาได้ หากไม่นับซูเฉินและสมาชิกกลุ่มของเขาแล้ว เหลือเพียงเฉินฉางและเผ่ามนุษญ์อีก 40-50 คนเท่านั้น
มองไปยังซากศพพวกต่างเผ่าที่นอนเกลื่อนอยู่ทุกหนแห่ง เฉินฉางระบายลมหายใจยาว หัวใจเขาไม่อาจสงบลงได้เป็นเวลานาน
แม้แต่ในความฝัน เขายังไม่กล้าจินตนาการถึงเหตุการณ์นี้เลย!
ผู้ฝึกตนต่างสายพันธุ์นับหมื่น ได้ถูกซูเฉินและกลุ่มของเขาสังหารสิ้น
อีกด้านหนึ่ง ซูเฉินพอเก็บชิ้นส่วนทั้งหมด ก็รวบเหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณและสมาชิกคนอื่นๆ เข้า [มิติสันโดษ] และ [พื้นที่เลี้ยงสัตว์]
ขั้นต่อไปคือการค้นหาตราหยกกำเนิดเซียนอีกสองชิ้น ก่อนเขากำลังจะจากไป ได้บอกร่ำลาเฉินฉาง ชั่วพริบตาเดียวหายวับไปจากสถานที่นี้
“ในที่สุดก็ไปเสียที ...”
เฉินฉางผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก แม้ซูเฉินจะเป็นเผ่ามนุษย์เช่นกัน และไม่ได้มุ่งเป้ามายังพวกเขา แต่กลิ่นอายของซูเฉินรุนแรงเกินไป มันทำให้เวลาอยู่ด้วยเขารู้สึกหายใจไม่ออก
เฝ้ารอจนกระทั่งซูเฉินหายไป ถึงค่อยกลับมาสูดหายใจได้เต็มปอดอีกครั้ง
...
ซูเฉินพอแยกตัวออกมา ก็มุ่งหน้าไปยังพิกัดที่ปรากฏขึ้นในใจทันที
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขามาหยุดอยู่หน้าทะเลสาบแห่งหนึ่ง
ทะเลสาบแห่งนี้ คือที่ตั้งของพิกัด
ซูเฉินหรี่ตาลง กวาดสำรวจไปรอบๆ
ในตอนนั้นเอง น้ำวนขนาดใหญ่เริ่มม้วนเป็นวงกลางทะเลสาบ จากนั้นแสงสีขาวพุ่งออกมาจากมัน เริ่มรวมตัวกัน เปลี่ยนร่างกลายเป็นชายชราผู้หนึ่ง
“หือ? ผู้คว้าตราหยกกำเนิดเซียนครั้งนี้เป็นเผ่ามนุษย์อย่างงั้นหรือนี่?”
ชายชรามองซูเฉิน แสดงท่าทีแปลกใจ
“ท่านคือใคร?” ซูเฉินเอ่ยถามเสียงเรียบ
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของชายชราลึกลับผู้นี้ แม้มันจะทำให้เขาประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็รู็สึกได้ว่ากลิ่นอายที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมาไม่ถึงขั้น 10 ดังนั้นไม่หวาดกลัวใดๆ
“หมื่นปีก่อน โลกภายนอกเรียกข้าว่าผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวน” ชายชราหัวเราะเหอ เหอ
หมื่นปีก่อน?
หางตาหางซูเฉินกระตุกทันใด
หากผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนเป็นตัวตนเมื่อหมื่นปีก่อนจริงๆ งั้นไม่ใช่ว่าเขาก็คือหนึ่งในผู้ที่ผ่านมหาศึกมิติมาก่อนหรอกหรือ?
แต่ทำไมกำลังรบถึงเป็นแบบนี้? เขาต้องเป็นคนในขอบเขตเทพเจ้าสิ? ต้องเป็นเหมือนหวูซางไม่ใช่หรอ?
ซูเฉินรู้สึกสับสน พยายามเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสคือคนที่รอดชีวิตจากมหาศึกมิติใช่หรือไม่?”
“นี่เจ้ารู้เรื่องมหาศึกมิติด้วย? แสดงว่ามาจากภายนอกใช่ไหม?”
ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนเผยอปากเล็กน้อย แสดงท่าทีตกใจ
ไม่ว่าใครที่อาศัยอยู่ในสถานที่สาบสูญ ไม่มีเลยซักคนที่ล่วงรู้เรื่องมหาศึกมิติ เขาจึงสันนิษฐานว่า ซูเฉินน่าจะเข้ามาจากโลกภายนอก
กระนั้น หากต้องการเข้าสู่สถานที่แห่งนี้ จำเป็นต้องผ่านวังวนมิติที่เชื่อมต่อ
และการที่สามารถฝ่ากระแสวังวนโดยรอดชีวิตมาได้ อย่างน้อยต้องมีฐานฝึกตนใน ระดับเทวะขั้น 10
แต่ซูเฉินดูยังไงก็อายุราวๆ 20 ปีเท่านั้น แล้วเขาจะเป็น ระดับเทวะขั้น 10 ได้อย่างไร?
“ผมมาจากข้างนอกจริงๆ” ซูเฉินไม่ได้ปิดบัง สารภาพตามตรง
“เมื่อเป็นเช่นนั้น แสดงว่าสมุนไพรกำเนิดเซียนทั้งสองที่ข้าทิ้งไว้ภายนอกคงอยู่ในมือเจ้าแล้ว”
ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนพึมพำ ก่อนเอ่ยถามว่า “แล้วเจ้าชื่ออะไร? ตอนนี้มีฐานฝึกตนขั้นไหน?”
“ผู้เยาว์ซูเฉิน อยู่ใน ระดับเทวะขั้น 7” ซูเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
เพราะถึงอย่างไรผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนก็เป็นตัวตนเมื่อหมื่นปีก่อน ซูเฉินย่อมต้องให้ความเคารพเขา