ตอนที่ 7 โรงแรมนักล่า(อ่านฟรี)
ตอนที่ 7 โรงแรมนักล่า
โบเวนลากศพของซอมบี้ซากศพเข้ามาด้านในบ้านทั้งหมด สิบเอ็ดศพเรียงรายชิดติดกันอยู่ในห้องนั่งเล่น โดยมีเพียงผ้าผืนใหญ่ที่หาได้ในบ้านปูรองไม่ให้เลือดเลอะรอบ ๆ ก่อนที่จะทำการคว้ามีดสปาต้าผ่าเปิดหน้าอกของซอมบี้จนเผยให้เห็นอวัยวะภายใน
เขากำลังทำอะไร
เรย์เฝ้าดูการกระทำของโบเวนอย่างงุนงงและสงสัย
ตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าจะมีแค่เลือดสีดำและเนื้อเน่าเหม็นอยู่ภายในตัวของซอมบี้ แต่มันกลับมีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปอยู่ในนั้นด้วย
ของเหลวสีขาวขุ่นราวกับน้ำนมกำลังไหลจากร่างกาย เส้นเลือดและทุก ๆ ส่วนของซอมบี้รวมตัวกันหนาแน่นที่บริเวณหน้าหัวใจ มันคือสิ่งที่แปลกประหลาดในความคิดของเรย์
ในบางของเหลวสีขาวก็ไหลจากที่ต่ำขึ้นมาที่สูงเหมือนกับว่าหัวใจของซอมบี้ได้ดึงดูดของเหลวสีขาวมารวมกันในจุดเดียว
ฟาริสนั่งลงเปิดกล่องโลหะเล็ก ๆ หยิบเอาเข็มฉีดยาแก้ว ใช้ปลายเข็มจุ่มลงไปในของเหลวสีขาว จากนั้นก็ดูดของเหลวสีขาวขึ้นมาด้วยความระวัง ก่อนจะนำไปฉีดใส่ขวดแก้วขนาดเท่านิ้วมือที่เตรียมไว้อยู่ก่อนแล้ว
ของเหลวสีขาวถูกเติมเต็มในขวด ฟาริสก็ปิดฝาและทำแบบนี้จนศพของซอมบี้ตัวแรกไม่มีของเหลวสีขาวเหลืออยู่อีก
เรย์เดินเข้ามาพร้อมกับเอามือปิดจมูกไว้เล็กน้อยมองดูการกระทำของทั้งสองด้วยความสนใจ เขาอยากจะรู้เรื่องของซอมบี้ให้มากขึ้นกว่านี้
“พวกมันคือเลือดสีขาว” ฟาริสพูดกับเรย์ ขณะที่เดินไปยังศพที่สอง
“มันใช้ทำอะไร”
ฟาริสเพียงยิ้มออกมาไม่ได้ตอบ เรย์รู้ว่าสิ่งที่เขาถามคงเป็นข้อมูลลับอีกเรื่อง เขาพูดออกไปว่า “คุณคอนราด ได้มาชักชวนผมเข้าร่วมกับหน่วยนักล่าความตาย”
ฟาริสได้ยินก็เงยหน้ามองเรย์อย่างแปลกใจ โบเวนได้ยินเช่นกัน ก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาหาเรย์และถามอย่างสนใจ
“จริงอย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นนายก็กลายเป็นพวกเราหมาล่าเนื้อแล้วสิ” โบเวนพูดด้วยความยินดี
เรย์งงกับการที่โบเวนเรียกตนว่า “หมาล่าเนื้อ”
เป็นอีกหนึ่งชื่อเรียกไม่เป็นทางการของหน่วยงานนักล่าความตายหรือเปล่า? เรย์คิดได้ดังนั้นก็ตอบกลับไป “ผมยังไม่ได้ตอบรับ แต่จากเรื่องที่เกิดคืนนี้ ผมคงตกลงเข้าร่วมด้วย”
“เยี่ยม...!” โบเวนพูดและรอยยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะยกมือจะตบไหล่ของรุ่นน้องตรงหน้าอย่างสนิทสนม แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตนนี้มือของตนเต็มไปด้วยเลือดของซอมบี้ก็หยุดชะงักไป
โบเวนหันไปพูดกับฟาริส
“ฟาริสยังไงเด็กนี่ก็จะเข้าร่วมหมาล่าเนื้ออยู่แล้ว...เราบอกเขาเรื่องเลือดสีขาวเลยก็ได้มั้ง”
ฟาริสได้ยินว่าหัวหน้าของพวกตนได้ชักชวนเด็กหนุ่มเข้าร่วมหน่วยนักล่าความตายก็คิดว่าควรจะบอกเรื่องเลือดสีขาวให้เรย์นี่ได้รู้บ้าง คงไม่เสียหายอะไร
“ของเหลวพวกนี้เรียกว่า เลือดสีขาว เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวของซอมบี้ หลังจากซอมบี้ตายเลือดสีขาวจะรวมตัวกันที่บริเวณใกล้ ๆ หัวใจ ส่วนประโยชน์ของมันนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือแหล่งพลังงานให้กับพวกเราผู้มีพลังพิเศษ”
“แหล่งพลังงานให้กับผู้มีพลังพิเศษ” เรย์ทวนคำพูดของฟาริสด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ในตอนนั้นเองเสียงดังกึก ๆ กระทบกันของฟันดังขึ้น โบเวนเดินไปดู ก็เห็นว่าซอมบี้ที่ร่างกายแหลกเละจากกระสุนปืนที่ยิงถล่มมันยังไม่ตาย
แต่มันก็เคลื่อนไหวไม่ได้นอกจากหัว ปากและดวงที่ขยับได้เล็กน้อยแสดงให้เห็นว่ายังไม่ตาย
เรย์มองด้วยมือที่สั่นเทา ภาพในห้องน้ำเข้ามาในหัวอีกครั้ง ขาของเขาถอยหลังเล็กน้อย แต่ก็รีบตั้งสติข่มความกลัวในใจลง จับจ้องไปที่ซอมบี้ตัวนั้น
“กลัวซอมบี้มันอย่างนั้นเหรอ” โบเวนถามอย่างสงสัย
“เปล่า..เพียงแต่ครั้งก่อนที่เจอกับซอมบี้มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก” เรย์ส่ายหัวตอบไป
โบเวนเห็นดังนั้นก็ส่งมีดสปาต้าในมือให้กับเรย์ “ยกให้”
เรย์มองไปที่โบเวนก่อนจะเลือนไปที่มีดสปาต้าที่มีคราบโลหิตเหนียวหนืดติดอยู่ ชายหนุ่มเข้าใจความหมายของโบเวน
หลังจากมองอย่างลังเล สุดท้ายเรย์ยื่นมือไปรับมีดสปาต้า ก่อนจะหันไปหาซอมบี้ที่นอนอยู่บนพื้น
ซอมบี้งับปากดังกึก ๆ คล้ายกับมันกำลังจินตนาการว่าจะสามารถกัดเนื้อของชายหนุ่มได้ เรย์จับมีดในมือแน่นเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หัวของซอมบี้ ดวงตาของเรย์เบิกกว้างมองซอมบี้อย่างเยือกเย็น
เมื่อเรย์มองไปที่ดวงตาของซอมบี้ เขาก็โยนความกลัวทิ้งไป ยกมีดสปาต้าขึ้นสูง ก่อนจะแทงไปที่หัวของซอมบี้ที่อยู่ตรงเท้า
เรย์สัมผัสได้ถึงกระดูกที่มีดฟันลงไป การแทงครั้งแรกยังไม่ลึกเพียงพอถึงสมองทำให้ซอมบี้ยังไม่ตาย เขาจึงแทงมันซ้ำไปอีกหลายครั้งในที่สุดหัวของซอมบี้ที่เท้าก็แหลกเละและแน่นิ่งไป
“ถ้าสิ่งใดที่เราสามารถฆ่ามันได้เราก็ไม่ต้องไปกลัวมัน” โบเวนที่อยู่ข้างพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม
เรย์มองไปที่ซอมบี้มือที่เคยสั่นเทา กลับมาปกติไม่มีอาการสั่นอีกแล้ว ความกลัวที่ฝังลึกในใจก็หายไปเช่นกัน
“ถ้าสิ่งใดที่เราสามารถฆ่ามันได้เราก็ไม่ต้องไปกลัวมัน ขอบคุณ” เรย์พึมพำตามคำพูดของโบเวน พร้อมกับส่งมีดคืน
“นายลอกเอาคำพูดของหัวหน้ามาทั้งดุ้นเลย” ฟาริสส่ายหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของโบเวน
เรย์ได้ยินก็เข้าใจ เพราะดูจากท่าทีของโบเวนแล้ว มันถือเป็นคำพูดที่ไม่สมกับตัวเขาเลย ถึงแบบนั้นเรย์ก็ยังยิ้มขอบคุณอยู่ดี ถึงความหวังดีของโบเวน
โบเวนกระแอมเบา ๆ กลบเกลื่อนราวกับรุ่นพี่ที่กลัวเสียหน้ากับรุ่นน้องอย่างเรย์ “เอาน่าไม่ว่าใครพูดก็เหมือนกันถ้ามันใช้ได้ผล เรารีบจัดการเลือดสีขาวก่อนที่พวกมันจะสลายตัวเถอะ”
เรย์ไม่รบกวนทั้งสองคนอีก
เขาเดินกลับไปที่ห้องทำงาน เพื่อดูว่าริชาร์ดเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าริชาร์ดนั่งอยู่บนเก้าอี้ บนโต๊ะมีแก้วและขวดไวน์ตั้งอยู่ ข้าง ๆ ยังมี Webley Mk. VI ปืนพกลูกโม่วางอยู่
“พี่เป็นอะไรไหม”
“ไม่เป็นอะไรมาก แล้วนายล่ะ” ริชาร์ดรีบเปลี่ยนท่าทีให้ดูเข้มแข็งขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเรย์
“ผมไม่เป็นอะไรเหมือนกัน ว่าแต่เจออะไรบ้างไหมเกี่ยวกับดวงตามิติที่เข้ามาอยู่ในบ้านเราได้ยังไง”
ริชาร์ดเงยหน้ามองไปที่เรย์ก่อนจะสั่นหัวเบา ๆ “ฉันไม่เจออะไร แต่เดี๋ยวจะลองหาอีกรอบ...ฝากนายจัดการเรื่องข้างนอกที”
“อืม...เรื่องข้างนอกฉันจัดการเอง” เรย์รับคำและเดินออกมา
เมื่อแน่ใจว่าเรย์เดินออกจากห้องทำงานไปแล้ว ริชาร์ดก็หยิบเอกสารที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะออกมา ที่หัวเอกสารเขียนว่ารายการบัญชี ที่มีตัวเลขจำนวนเงินแปลก ๆ อยู่จำนวนหนึ่งและเอกสารสองสามฉบับ
ริชาร์ดอ่านตัวเลขในบัญชีและเอกสาร ก่อนจะพึมพำด้วยเสียงที่สั่นเบา ๆ “พ่อ...ทำแบบนี้ทำไม? ทำไมต้องลักลอบเอาดวงตามิติเข้ามาในเมืองเรซีด้วย”
...
เรย์เดินออกมาจากห้องทำงาน ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คอนราดกลับมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย
ตำรวจพวกนี้เป็นมืออาชีพมาก ลงมือเก็บกวาดศพของซอมบี้ไปอย่างรวดเร็ว
เรย์สังเกตว่าเจ้าหน้าที่พวกนี้ไม่ได้ตื่นตกใจกับซอมบี้เลยแม้แต่น้อย คล้ายกับพวกเขาคุ้นชินกับซากศพของซอมบี้มาก
“เรย์ คุณจะเข้าร่วมกับหน่วยนักล่าความตาย สาขาเมืองเรซีหรือไม่” คอนราดเดินเข้ามาหาเรย์และถามย้ำอีกครั้ง
“ตกลง ผมจะเข้าร่วมกับพวกคุณ”
“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้คุณมาตามที่อยู่นี้ก็แล้วกัน” คอนราดส่งนามบัตรสีดำให้กับเรย์และกระดาษที่มีชื่อของสถานที่นัดเจอ
จากนั้นก็กล่าวต่อ “ในเมื่อเรื่องทุกอย่างจบแล้ว ทางเราคงต้องขอตัวกลับก่อน ไว้เจอกันในฐานะเพื่อนร่วมงาน พวกเราไปกันเถอะ”
คอนราดเดินออกจากประตูหน้าบ้านไป ฟาริสและโบเวนก็ตามออกไปด้วยเช่นกัน
หลังจากพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจและคนของทางนั้นจัดการเก็บซากศซอมบี้ไปจนหมด ก็ไม่มีใครเข้ามาสอบปากคำอะไรเรย์และริชาร์ดแม้แต่น้อย
เรย์มองดูสภาพห้องนั่งเล่นและประตูบ้านที่พังยับเยินเกินกว่าจะซ่อมได้
ตามผนังบ้านเต็มไปด้วยร้อยแตกร้าว ที่พื้นมีคราบเลือดสีดำที่หลงเหลืออยู่ส่งกลิ่นเน่าเหม็นคละคุ้มไปทั่วบ้าน กำแพงข้างทางเดินขึ้นบันไดจุดที่ตู้ไม้และซากซอมบี้กระแทกแหลกเละยังมีเศษเนื้อเน่าติดอยู่บ้างในบางจุดเนื่องจากไม่สามารถเก็บออกไปได้
“เฮ้อ...”
เรย์ถอนหายใจกับสภาพบ้านของตนเอง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสองและจัดการล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดไหม ทิ้งตัวลงนอนโดยไม่สนใจกลิ่นจากชั้นล่าง
...
เช้าวันต่อมา ริชาร์ดมาบอกกับเรย์ว่าพวกเขาจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้และก็ออกจากบ้านไป เรย์รู้ว่าอย่างไรพวกเขาก็คงไม่สามารถอยู่ในบ้านนี้ได้อีก จึงไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่ริชาร์ดบอกมากนัก
หลังจากแต่งตัวด้วยชุดที่สุภาพ หยิบนามบัตรสีดำและกระดาษที่อยู่และเดินลงมาที่ชั้นล่าง เรย์มองดูสภาพด้านในบ้านที่ยังคงเน่าอยู่เหมือนเคย เรย์เดินหลบคาบเลือดแห้งดำของซอมบี้ตามพื้นไปที่ประตูหน้าบ้าน
เขายื่นมือออกไปจะเปิดประตูด้วยความเคยชิน แต่ก็ชะงักไป เพราะพึ่งนึกได้ว่าประตูหน้าบ้านของตัวเองกลายเป็นเศษซากไปแล้ว มันไม่มีประตูหน้าบ้านอีกแล้ว
เรย์ยิ้มออกมาอย่างเจือน ๆ ส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกมาจากบ้านและมานั่งรถแท็กซี่สาธารณะของเมืองแทน
...
หน้าอาคารแห่งหนึ่ง
“โรงแรมนักล่า”
เรย์หยุดยืนอ่านชื่อของโรงแรมและมองนามบัตรในมือ ที่นี่คือสถานที่ระบุอยู่ในนามบัตร ในตอนแรกเรย์คิดว่าสถานที่พวกคอนราดอยู่นั้นจะเต็มไปด้วยทหารที่คอยเฝ้ายามอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง หรือไม่ก็เป็นโกดังลึกลับที่ยากจะมีใครหาเจอ
แต่สถานที่ด้านหน้านี้กลับต่างจากที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิง มันไม่ได้หลบซ่อนหรือมีทหารคอยยืนเฝ้ายาม 24 ชั่วโมง กลับกลายเป็นว่ามันคือโรงแรมธรรมดาที่ไม่ธรรมดาแห่งหนึ่ง
เรย์ผลักประตูโลหะที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมเดินเข้าไปด้านใน ภายในชั้นแรกของโรงแรมนักล่านั้นให้ความรู้สึกเรียบง่าย แต่แฝงไว้ซึ่งความหรูหรา
มีห้องอาหารภายในขนาดเล็ก มีบาร์เครื่องดื่มรวมอยู่ในตัว อีกส่วนเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน ใจกลางมีของชั้นล่างมีเคาน์เตอร์ต้อนรับตั้งเด่นอยู่ ด้านในไม่มีลูกค้าหรือใคร นอกจากพนักงานต้อนรับสาวนั่งประจำอยู่หนึ่งคน
ซึ่งจากที่เห็นเธอกำลังอ่านหนังสือนิยายเรื่องโปรดอย่างสบายใจอยู่ที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม
เรย์เดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ของโรงแรมนักล่าด้วยท่าทีประหม่าเล็กน้อย
เมื่อพนักงานสาวเห็นเด็กหนุ่มอายุราว ๆ สิบเจ็ดถึงสิบแปดปีเดินเข้ามา เธอก็เงยหน้าถามด้วยรอยยิ้มสุภาพ “คุณลูกค้าต้องการมาพักที่โรงแรมนักล่าใช่หรือไม่ค่ะ พอดีทางเรารับเฉพาะสมาชิกของทางโรงแรมเท่านั้น ดังนั้นต้องขออภัยด้วยค่ะ”
พนักงานสาวพูดออกมาราวกับท่องจำประโยคนี้ไว้อยู่ก่อนและดูเหมือนจะใช้บ่อยมาก
ที่นี่จะไม่รับคนนอกอย่างนั้นเหรอ แต่ก็ไม่แปลกในเมื่อมันไม่ได้เป็นโรงแรมจริง ๆ สักหน่อย...เรย์รำพันจิกกัดในใจ ก่อนจะล้วงหยิบนามบัตรสีดำที่ได้มาจากคอนราดออกจากกระเป๋าเงินและส่งให้กับพนักงานสาวคนนั้นด้วยความสุภาพ