ตอนที่แล้วตอนที่ 1 ความทรงจำของเรย์(อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3 คำชวนเข้าหน่วยนักล่าความตาย(อ่านฟรี)

ตอนที่ 2 มันถูกเรียกว่า “ซอมบี้”(อ่านฟรี)


ตอนที่ 2 มันถูกเรียกว่า “ซอมบี้”

เรย์รู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะสิ่งที่เคยเห็นในความทรงจำสุดท้าย คือชายชุดดำผู้นั้นที่สามารถควบคุมไฟเผาร่างของซากศพที่ขาดครึ่งในห้องน้ำได้

บางทีเราอาจจะแค่เบลอไปในตอนสุดท้ายมนุษย์จะทำแบบนั้นได้ยังไง แต่ก็อาจจะได้ เพราะซากศพพวกนั้นมัน...ยังลุกขึ้นมาเดินได้เลย

เรย์พยายามตั้งสติไตร่ตรองเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะหลายสิ่งที่กลับคืนมาในความทรงจำกำลังทำลายสามัญสำนึกและความรู้พื้นฐานหลายอย่างที่ตนเคยเข้าใจมาทั้งชีวิต

ซากศพและชายปริศนาที่ใช้ไฟคนนั้น กำลังทำให้เรย์เป็นบ้า!...ถ้าเขาไม่อาจจะรู้คำตอบของสิ่งที่เจอได้

“ไม่เป็นอะไรนะ” ริชาร์ดเดินเข้ามาตอนไหนเรย์ก็ไม่รู้ ตอนนี้กำลังยืนจ้องเขาอยู่

“ไม่เป็นไร แต่ที่ฉันบอกไปคือความจริงทั้งหมด ริชาร์ดเราต้องตามหาพ่อกับแม่...” เรย์พูดมาถึงตรงนี้ก็เงียบไป ในเมื่อทั้งสองหายไปในรอยแยกมิติแล้ว เขาที่ไม่รู้อะไรเลยจะไปตามหาที่ไหนเช่นกัน

ริชาร์ดส่ายหัวมองน้องชายด้วยสายตาเศร้า ๆ

“เรย์...นายควรพักผ่อน ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นจากที่เล่ามา...ฉันเชื่อว่านายพูดจริง แต่ตอนนี้นายยังไม่หายดีดังนั้นควรรักษาตัวก่อน”

“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้าตกลง

เรย์รู้ว่าตอนนี้ตัวเขาคงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะสภาพของตัวเองยังเอาไม่รอด

“ฉันยังมีเรื่องต้องจัดการที่บ้าน ไว้พรุ่งนี้ถ้าอาการของนายหายเป็นปกติแล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่” ริชาร์ดบอกกับเรย์พลางถอนหายใจเดินออกจากห้องไป

ริชาร์ดหันกลับไปปิดประตูด้วยใบหน้าเศร้าเล็กน้อย ยากที่ใครจะสังเกตเห็น

หลังจากการหายตัวไปของมาคัสและเรญ่า ในฐานะพี่ชายและบุตรชายคนโตของบ้านเรนเดล ริชาร์ดต้องลาออกจากกองทัพเมืองเรซีกลับมาที่บ้านอย่างกะทันหัน เพื่อจัดการเรื่องที่บ้านโดยเร่งด่วน

ริชาร์ดทั้งกังวลและเป็นห่วงเรย์ น้องชายสุดท้องเพียงคนเดียวนี้มาก เขากลัวว่าเรย์จะช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเสียสติได้

จึงยังไม่บอกปัญหาที่บ้านในตอนนี้ เพราะการหายไปของมาคัสและเรญ่านั้นส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด

อีกอย่างจากข้อมูลทั้งหมดที่ตำรวจบอกกับริชาร์ดได้รู้ พวกตำรวจคิดว่ามีโอกาสมากที่ทั้งบิดาและมารดาของตนที่หายไปจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็เป็นข้อสันนิษฐานเท่านั้น เพราะยังไม่เจอศพของทั้งสองคน

ส่วนเรื่องที่เรย์เล่า ริชาร์ดเองก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ เพราะถึง ณ ขณะนี้ตำรวจก็ไม่บอกข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกเลยแม้แต่น้อย

...

ภายในห้องพักทีมคอนราด

ชายชุดดำที่เรย์เห็นที่โรงพยาบาลกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ มือหยิบแก้วที่มีน้ำเปล่าขึ้นมาเททิ้งลงในกระถางต้นไม้ประดับแถวนั้น มือหยิบหลอดทดลองที่มีของเหลวสีขาวบางอย่างอยู่ภายในออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนเทของเหลวสีขาวลงไปแก้วเปล่าหนึ่งหยด ของเหลวสีขาวที่ตกกระทบก้นแก้วกับไม่ได้แตกตัวออกไปอย่างที่ควรจะเป็น ของเหลวสีขาวไหลรวมกันอย่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจ

ชายชุดดำไม่รอช้าล้วงมือไปในชายเสื้อโค้ตหยิบเอาหลอดบรรจุเลือดที่ด้านข้างติดกระดาษเขียนว่า เรย์ เรนเดล ที่ได้มาจากโรงพยาบาลออกมา จากนั้นก็เทเลือดในหลอดทั้งหมดลงไปในแก้วอย่างไม่ใส่ใจ

ชายชุดดำไม่สนใจการกระทำหยาบ ๆ ของตนเองมากนัก เขากำลังจับจ้องไปที่แก้วน้ำด้วยสายตาไม่กะพริบ

ทันใดนั้นแก้วก็เริ่มสั่นไหวของเหลวสีขาวและเลือดของเรย์หลอมรวมกันอย่างรุนแรงตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงหลากหลายจนน่าตกใจ

สีของเลือดและของเหลวสีขาวเปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดตาม มันส่องแสงออกมา แต่แล้วอยู่ ๆ ก็ลอยขึ้นและสลายหายไปในอากาศอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ตอนแรกคิดว่าจะเป็นพวกผู้ใช้พลังจิต เพราะมีจิตใจที่กล้าจะสู้กับซอมบี้ได้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นพวกผู้ใช้พลังเวทไปซะได้

ชายชุดดำคิดและถอนหายใจอย่างผิดหวัง แต่ลึก ๆ แล้วเขาดีใจ เพราะผู้ใช้พลังเวทนั้นหายากมากกว่า

หลังนิ่งไปสักพักก่อนจะเอาบุหรี่ออกมาจุดด้วยไฟแช็กน้ำมันโลหะสีเงินมันวาว ด้านข้างสลักข้อความไว้ว่า “หน่วยนักล่าความตาย คอนราด”

เปลวไฟจากไฟแช็กน้ำมันวูบไปมาอย่างแปลกประหลาด คอนราดสูดเข้าไปเต็มปอดและพ่นควันสีขาวออกมา

คอนราดใช้นิ้วคีบบุหรี่ในมือออกมาดีดเบา ๆ ให้ขี้บุหรี่ตกลงไปในแก้วที่ใช้ทดลองเมื่อครู่

ไม่ใช้ผู้ใช้พลังจิตก็ดีเพราะสามารถเอาเด็กนี่ไปใช้หนี้ให้ไดร่าได้...คอนราดยิ้มมุมปากกับความคิดของตนเอง

หลังจากตัดสินใจได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นยืนเดินทางไปที่โรงพยาบาลในทันที

...

เรย์ที่กำลังนอนหลับอยู่ในห้องพักที่ปิดไฟมืดสนิท เสียงเปิดประตูเข้ามากลางดึกพร้อมกับแสงไฟที่ลอดเข้ามาทำให้เรย์ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย

ในตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าเป็นพยาบาลสาวที่คอยทำหน้าที่ดูแลตัวเอง แต่ก็ต้องตกใจ เพราะเบื้องหน้ากลับเป็นชายชุดดำที่เคยเห็นมาสองครั้งแล้ว

ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เรย์ไม่ได้ร้องโวยวาย เขารู้ดีว่าชายคนนี้คงไม่ได้มีเจตนาจะมาทำร้ายหรือฆ่าตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นชายชุดดำจะมาเสียเวลาช่วยเขาไว้ในครั้งแรกทำไม แต่เรย์ก็ยังคงระวังตัวเพราะกลับว่าชายชุดดำคนนี้จะมีเจตนาแอบแฝงอะไร

“คุณคือคนที่ช่วยผมไว้ ต้องการอะไร”

“คุณจะไม่ถามผมเหรอว่าเป็นใคร” ชายชุดดำเดินเข้าหยุดยืนด้านข้างเตียง

ภายในห้องมืดมากเพราะประตูได้ปิดลงไปแล้ว เรย์เห็นหน้าตาของชายชุดดำไม่ชัดเจน แต่สามารถบอกได้เลยว่าชายตรงหน้าสูงไม่ต่ำกว่า 1.8 เมตรอย่างแน่นอน การแต่งตัวราวกับพวกลึกลับ เพราะชายคนนี้ส่วนชุดเกราะยุทธวิธีที่เรย์ก็ไม่เคยเห็น

แต่เขาพอจะรู้ว่ามันเป็นของราคาแพงที่พวกทหารอยากได้กัน เนื่องจากเรย์เคยฟังริชาร์ดเล่าให้ฟังบ่อย ๆ

“ถ้างั้นคุณเป็นใคร แล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นในคืนนั้นกัน ศพพวกนั้นเป็นตัวอะไรกันแน่” เรย์ถามอย่างต่อเนื่อง

เขาอยากจะรู้คำตอบให้ได้ และตอนนี้คนที่ตอบคำถามที่ตนเองอย่างรู้ได้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว

“ที่ถามมาแสดงว่าจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ข้อมูลที่คุณถามคือความลับที่ไม่อาจจะเปิดเผยได้ แต่ในเมื่อคุณเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นคุณควรมีสิทธิ์รู้ในบางอย่าง เริ่มจากการแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกัน ผมชื่อคอนราด เป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยนักล่าความตายและผู้ที่นำทีมเข้าไปช่วยคุณที่บ้านในคืนนั้น ส่วนตัวที่จู่โจมพวกคุณนั้นมันถูกเรียกว่าซอมบี้...”

แต่พอพูดมาถึงตรงนี้คอนราดก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง จึงล้วงไปที่หินในกระเป๋าเสื้อและกล่าว “พวกเราคงคุยกันได้แค่นี้ไว้ผมจัดการธุระเสร็จแล้วเราค่อยมาคุยกันต่อ”

คอนราดกล่าวจบก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อนไม่รอให้เรย์พูดตอบอะไร

หลังจากพบเขอกับคอนราดในคืนนี้ เรย์ก็นอนไม่หลับทั้งคืนจนกระทั่งเช้า ตอนนี้ชายหนุ่มยืนยันได้แล้วว่าสิ่งที่ตนเจอนั้นมีอยู่จริงและยังมีชายที่ชื่อคอนราดเป็นหัวหน้าหน่วยนักล่าความตายอะไรนั้นอีก

“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กัน” เรย์พึมพำออกมาเบา ๆ

แต่แล้วเรย์ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าลืมถามเรื่องหนึ่ง

ชายที่ชื่อคอนราดมาพบกับเราทำไม?

เรย์ไม่เชื่อว่าคอนรอดจะไม่มีจุดประสงค์ในการมาพบกับตัวเองในครั้งนี้

ไว้ค่อยถามตอนที่ชายคนนั้นมาหาอีกครั้งก็แล้วกัน...

เช้าวันต่อมาอาการของเรย์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาฟื้นตัวเร็วมากจนน่าเหลือเชื่อ หมอจึงอนุญาติให้เรย์กลับบ้านได้

เรย์จึงออกจากโรงพยาบาลในช่วงสายของวันพอดี

เขานั่งรถที่ริชาร์ดจ้างคนขับรถมารับกลับไปที่บ้าน รถยนต์ไฟฟ้าที่เรย์นั่งอยู่นี้เป็นของที่บ้านตระกูลเรนเดล มันเป็นรุ่นแรก ๆ ที่มีการกู้ซากเก่าของสมัยยุคสงครามร้อยปีขึ้นมาใหม่ เขาไม่รู้ว่าเมื่อก่อนมันเรียกว่าอะไร แต่ในตอนนี้มันถูกตั้งชื่อว่า PWC2-003 ถ้าให้เข้าใจคือ PWC คือ รถหลังสงคราม ส่วน 2 คือ พลเรือน และ 003 คือรถรุ่นที่ 3 ที่พัฒนา

และแน่นอนว่ารถในยุคของเรย์นั้นใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก

ตอนนี้รถยนต์ PWC2-003 แม้จะเหมือนดูดี แต่ในเมืองหลวงเอลินเมียมันตกรุ่นมานานแล้ว ถึงแบบนั้นที่เมืองห่างไกลความเจริญอย่างเมืองเรซีนั้น รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น PWC2-003 ก็ยังนิยมอยู่ในกลุ่มคนที่มีฐานนะปานกลาง หรือเหล่าพ่อค้าและบริษัทเล็กและกลาง

ส่วนรุ่น PWC2-001- PWC2-002 ก็ยังมีอยู่ทั่วไปให้เห็น เพราะสองรุ่นรองลงมาราคามันถูกมาก ๆ นอกจากรถยนต์ก็ยังมีมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าก็เป็นที่นิยมใช้กันมากเช่นกันในหมู่ผู้ใช้แรงงาน

แน่นอนว่ามันยังมีรถที่เหลือรอดมาจากยุคเก่าอีกมากแต่ราคาของมันนั้นก็แพงมากเช่นกัน

เรย์มองออกไปนอกหน้าต่างรถยนต์ไฟฟ้า PWC2-003 เมืองยังเต็มไปโรงงานและปล่องควัน เมืองเรซีนั้นมีอุตสาหกรรมหลักเกี่ยวกับด้านเหมืองแร่ การขุดหาแร่ การขนส่งแร่ และการถลุงแร่

ดังนั้นผู้อยู่อาศัยในเมืองส่วนใหญ่จึงเป็นชนชั้นแรงงานซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะเห็นได้จากตลอดทั้งเส้นทางมีคนงานเหมืองหรือคนงานในโรงงานเดินกันอยู่เป็นจำนวนมาก

นอกจากคนเหล่านี้ยังมีผู้คนที่แต่งกายดูดีแบบเดียวกับเรย์อยู่จำนวนมาก

พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางของที่นี่ บางคนอาจจะเป็นผู้จัดการโรงงานถ่านหิน หรือไม่ก็พวกนายหน้าและพ่อค้าแร่และถ่านหินแบบเดียวกับบิดาของเรย์ ที่เป็นเจ้าของบริษัทเล็ก ๆ ทำเกี่ยวกับขนส่งแร่และถ่านหินจากเหมืองไปยังเมืองต่าง ๆ

พอคิดมาถึงตรงนี้เรย์ก็คิดว่าอาชีพของคนที่นี่ช่างวนเวียนอยู่กับถ่านหินและแร่โลหะ

บางครั้งเมืองเรซีก็จะถูกเรียกว่าเมืองถ่านหินเรซี ไม่ก็เมืองแร่เหล็กเรซี ซึ่งมีพื้นที่กว่า 5,000 ตารางกิโลเมตรรอบเมืองนั้นเต็มไปด้วยถ่านหินและเรย์เหล็ก ทั้งยังมีเทือกเขาเมฟเคียแหล่งแร่ขนาดใหญ่

เมืองเรซีถูกจัดเป็นเมืองระดับ 4 ประเภทเมืองสัมปทานของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ของกลุ่มบริษัทเคลินเนีย กรุ๊ป ภายใต้อาณาจักรลัวอา

เคลินเนีย กรุ๊ป ปกครองเมืองถ่านหินเรซีอย่างเต็มรูปแบบในด้านการบริหารงานและการทหาร มีทหารและตำรวจขึ้นตรงกับบริษัทโดยตรง แต่มีจำนวนจำกัดตามข้อกำหนดของอาณาจักรลัวอา

ทุกเดือนจะต้องเสียภาษีให้กับอาณาจักรเป็นจำนวนเงิน 20% ของกำไรสุทธิของเมืองถ่านหินเรซี

ในความคิดของเรย์เขาคิดว่าสักวันควรที่จะออกจากเมืองถ่านหินแห่งนี้แล้วไปหาอย่างอื่นทำบ้าง แน่นอนว่าเป้าหมายของเรย์นั้นคือ เมืองเอลินเมีย เมืองหลวงของอาณาจักรลัวอา

ที่นั่นเป็นศูนย์กลางของความเจริญเทคโนโลยีและวัฒนธรรมของประเทศนี้ ซึ่งกำลังฟื้นฟูมาหลังจากหลายอย่างสูญหายไปในสงครามร้อยปี

เรย์กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้งหลังจากอยู่โรงพยาบาลหลายวัน ตอนนี้สภาพบ้านต่างจากที่เขาเห็นในครั้งสุดท้าย

ในตอนนั้นก่อนที่จะสลบไปบ้านสองชั้นขนาด 8 ห้องแห่งนี้มีสภาพที่เก่าทรุดโทรมราวกับขาดคนดูแลมาเป็นร้อย ๆ ปี ทั้งที่มันไม่เคยจะเป็นแบบนั้นมาก่อน แต่ตอนนี้มันกลับมาเป็นเหมือนเช่นที่เรย์เคยอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็กนั้นคือมีสภาพที่ใหม่ เพราะการดูแลอย่างดี

ริชาร์ดคงส่งคนมาจัดการบ้านทำความสะอาดบ้านบ้างแล้วสินะ

แม้จะยังมีร่องรอยของการต่อสู้อยู่บ้าง แต่คราบเลือดและร่องรอยการต่อสู้ทั้งหมดถูกจัดการแล้ว ถึงแบบนั้นบ้านหลังนี้ก็ยังเคยมีคนตายจำนวนมาก มันจึงให้ความรู้สึกแปลกออกไปอย่างบอกไม่ถูก

เรย์เปิดประตูเข้าไปก็เจอกับริชาร์ดที่รอเขาอยู่ก่อนแล้ว บ้านหลังนี้ที่เมื่อก่อนมีคนรับใช้สองสามคนและพ่อบ้านอีกหนึ่งกลับไม่มีอยู่อีกแล้ว

“เข้ามาก่อน”

“อืม”

เรย์เดินตามหลังริชาร์ดเข้าไปที่ห้องทำงาน ซึ่งเมื่อก่อนห้องนี้เคยเป็นห้องของมาคัส บิดาของเขา แต่ตอนนี้ริชาร์ดได้ใช้ห้องนี้ทำงานอยู่ ด้านในห้องยังมีของว่างเกะกะไม่เป็นระเบียบอยู่เช่นเคย ส่วนหนึ่งเกิดจากก่อนหน้านั้น ในช่วงหลัง ๆ เรย์มักจะเห็นบิดาของตนและคนงานพากันขนกล่องโลหะแปลก ๆ ของเข้าออกห้องนี้อยู่บ่อยครั้ง

และในคืนที่เกิดเหตุก็มีคนงานอยู่ในบ้าน 14 คน ซึ่งรวมกับคนรับใช้ 3 คนและคนตระกูลเรนเดลอีก 3 คน ในบ้านก็มีกันถึง 20 คน ซึ่งนั้นทำให้มีคนตายจำนวนมาก และนี้คือเหตุผลที่ร้อยตำรวจเอกฟินทันเรียกคดีนี้ว่าโศกนาฏกรรมเลือดที่บ้านตระกูลเรนเดล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด