ตอนที่ 15 สลักคาถาบอลเพลิง(อ่านฟรี)
ตอนที่ 15 สลักคาถาบอลเพลิง
รวมพลังงานนานขึ้นก่อนเริ่มการร่ายคาถาและทำให้พลังงานเสถียรมากขึ้น เรย์หลับตาลงก่อนจะรวบรวมพลังงานไว้ จากนั้นก็ส่งออกมาอย่างช้า ๆ เรย์ทำการรวมพลังงานอยู่ 5 วินาทีจนในที่สุด เขาก็ร่ายคาถาอย่างเชื่องช้าอีก 1 วินาที “ฟา....ลัน”
อักษรเวทมนตร์ที่อยู่ในมือของเรย์รวมกันเป็นบอลแสงลูกแรก วินาทีเดียวกันในจุดพลังงานก็ก่อตัวเป็นอักษรเวทมนตร์ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดเรย์ก็สามารถร่ายคาถาบอลแสงออกมาได้แล้ว ส่วนที่ทำตามวิธีของหัวหน้าไดร่า เรย์ลองครั้งแรกก็สำเร็จเลยนั้นเพราะทั้งวันที่ผ่านมาเขาทำพื้นฐานการร่ายซ้ำ ๆ จนชำนาญ พอจับจุดได้ก็ร่ายออกมาสำเร็จในทันที
“ใช้เวลา 6 วินาทีต่อการร่ายหนึ่งครั้ง” เรย์พึมพำออกมา แม้จะนานแต่ถ้าเขามีเวลาเตรียมตัวก็ไม่มีปัญหาอะไร
เขาลองหลับตาและสำรวจจุดพลังงาน ตอนนี้ใจกลางของจุดพลังงานมีบอลแสงลูกเล็ก ๆ กำลังอาศัยอยู่ด้านใน เมื่อมองลึกไปเรื่อย ๆ จะเห็นว่าที่จริงแล้วมันคืออักษรเวทมนตร์ของคาถาบอลแสง
“การสร้างคาถาติดตัวหมายถึงการสร้างอักษรเวทมนตร์บรรจุไว้ในจุดพลังงานสินะ แต่จุดพลังงานมันเหมือนกับเป็นเปลือกไข่ที่ด้านในมีอักษรเวทมนตร์ยังไงไม่รู้ เรื่องนี้ค่อยไปถามหัวหน้าไดร่าก็แล้วกัน”
เรย์ลองบังคับลูกบอลแสงลอยไปมารอบ ๆ ห้องอย่างตื่นเต้น ทั้งห้องของเรย์นั้นสว่างได้ด้วยแสงของบอลแสง เรย์ควบคุมให้มันลอยมาเบื้องหน้า
ตอนนี้เราได้คาถาติดตัวมาแล้ว ลองมาดูวิธีการใช้เวทมนตร์อีกแบบก่อก็แล้วกัน
เรย์หยิบสมุดบันทึกของไดร่าขึ้นมาอ่าน วิธีที่สองคือ การสลักอักษรเวทมนตร์ลงไปในวัตถุหรือใช้ผ่านอุปกรณ์เวทมนตร์
การใช้เวทมนตร์วิธีนี้คือการสลักอักษรเวทมนตร์ของคาถานั้น ๆ ลงไปในวัตถุ จากนั้นก็เติมเต็มพลังงานลงไป ด้วยเลือดสีขาวและโลหิตของผู้ใช้เวทมนตร์ ซึ่งจะมีเพียงผู้ใช้เวทมนตร์ที่เป็นผู้วาดเท่านั้นถึงจะใช้งานมันได้
และวัตถุที่ใช้สร้างจะต้องมีส่วนผสมของแร่หรือของที่สามารถรองรับพลังเวทมนตร์ได้ ที่นิยมใช้กันนั้นก็คือ ทองคำและเงิน
หลังจากใช้งานอักษรเวทมนตร์ทั้งหมดนั้นจะสลายหายไปพร้อมกับวัตถุบางส่วนที่สลักอักษรเวทมนตร์ของคาถาเวทมนตร์บทนั้น ๆ ไว้
“ถ้าอย่างนั้นนี่คือหลักการเดียวกันกับที่ใช้สร้างกระสุนชำระล้าง แต่ต่างตรงที่กระสุนชำระล้างนั้นไม่ต้องบังคับว่าจะต้องเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ก็สามารถใช้ได้เพราะมันถูกตั้งตัวกระตุ้นไว้ ถึงแบบนั้นก็มีข้อเสียตรงที่หลังจากใช้งานมันไปแล้ววัตถุทั้งหมดจะสลายหายไปจนหมด ส่วนอีกแบบที่มีข้อจำกัดนั้นจะหายไปเพียงบางส่วนเท่านั้นและโดยภาพรวมการใช้วิธีนี้ต่อหนึ่งคาถาเวทมนตร์จะใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แถมยังไม่ต้องเสียเวลามาร่ายคาถาอะไร แสดงว่าเป็นเวทมนตร์ที่ใช้ได้ในทันที”
“ถ้าอย่างนั้นวิธีการสลักอักษรเวทมนตร์ลงวัตถุก็ยังมีการใช้ได้หลากหลายรูปแบบย่อยลงไปอีกสินะ และนั้นก็ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบด้วย ทองและเงิน...” พอพูดถึงทองคำและเงิน เรย์ก็รู้สึกว่าผู้ใช้เวทมนตร์จะสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว
ในยุคนี้แม้จะมีทองคำและเงินอยู่ แต่มันกลับมีน้อยมากต่างจากในยุคก่อน ๆ เพราะทองคำและเงินนั้นมีค่ามาก มันเป็นแร่ที่ใช้งานได้หลากหลาย ดังนั้นจึงเป็นที่ต้องการของขุมอำนาจมากมาย
เรย์กลืนน้ำลายคิดถึงอนาคตของตนเองว่าต้องใช้เงินมากแค่ไหนในการซื้อทองคำมาใช้งาน แต่พอมาคิดดูว่าเขาจะไปกังวลทำไม ในเมื่อหน่วยงานนักล่าความตายนั้นคือหน่วยงานของรัฐบาล
ดังนั้นถ้าผู้ใช้เวทมนตร์ต้องการของพวกนี้ทางนั้นก็คงหาช่องทางจัดซื้อมาให้ได้อยู่แล้ว ที่สำคัญราคาของมันยังถูกกว่าท้องตลอดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นี่คือสิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานนักล่าความตาย ที่แลกมาด้วยการไปเสี่ยงตายทุกวัน
“ถ้าอย่างนั้นหนังสือเวทมนตร์ที่หน้ากระดาษผสมทองคำและเงินให้มานี้ก็คืออุปกรณ์ที่ผู้ใช้เวทมนตร์ใช้ในการบันทึกคาถาเวทมนตร์ลงไปสินะ” เรย์เปิดกล่องเอาหนังสือเวทมนตร์ออกมา “มีทั้งหมด 30 หน้า แบ่งออกเป็น 10 หน้าที่เป็นกระดาษผสมทองคำและอีก 20 หน้าที่เป็นกระดาษผสมเงิน ตามที่ในบันทึกของหัวหน้าไดร่าบอกมา กระดาษผสมทองคำนั้นสามารถใช้สลักเวทมนตร์ซ้ำลงไป 10 ครั้ง และกระดาษผสมเงินสามารถใช้ซ้ำได้ 3 ครั้ง ไม่สามารถใช้งานได้อีก”
เรย์มองไปที่หนังสือเวทมนตร์และก็มองไปยังกระดาษคาถาในกล่องซึ่งเป็นของที่ได้เช่นกัน “คาถาบอลเพลิง”
เขาเอื้อมมือไปหยิบกระดาษคาถาบอลเพลิงออกมาคี่ดู ก่อนจะเริ่มทำตามการสลักคาถาในบันทึกที่สอนไว้ ไดร่านั้นอธิบายอย่างละเอียดมากและยังใส่ข้อเสนอแนะไว้ให้กับเรย์ด้วย ซึ่งข้อเสนอเหล่านั้นก็คือสิ่งที่เรย์สงสัยพอดีในการอ่านแต่ละส่วนของเนื้อหา
“หัวหน้าไดร่าน่าจะไปเป็นอาจารย์คอยสอนนักเรียนนะ แต่ไม่ใช่ว่าเธอก็เป็นกึ่งอาจารย์ของเราอยู่ตอนนี้หรือไง เพราะตอนนี้เรากำลังเรียนรู้ในสิ่งที่เธอสอนมาอยู่” เรย์คิดในใจ เขากลับมาสนใจเนื้อหาอีกครั้ง
การสลักอักษรเวทมนตร์นั้นไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย เขาหยิบหนังสือเวทมนตร์ขึ้นมา จากนั้นก็ดึงของบางอย่างที่อยู่ที่สันปกออกมา มันคือปากกาทองคำที่ใช้สลักอักษรเวทมนตร์ ที่หัวปากกานั้นเป็นเหมือนกับใบมีดแหลม ๆ ที่ด้ามมีช่องสามารถเปิดออกได้ เรย์เปิดมันออกจากนั้นก็หยิบขวดเลือดสีขาวที่พึ่งได้มาจากทางหน่วย 1 ขวดออกมา เรย์ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับเลือดสีขาวทั้ง 10 ขวดที่หัวหน้าไดร่าให้มา เพราะของพวกนั้นเขาต้องเก็บไว้ใช้ในการเปิดระดับ 2 ของเขา
การสลักคาถาระดับมนุษย์หนึ่งบทนั้นต้องใช้เลือดสีขาว 5 หยดซึ่งถือว่าเปลืองมาก ในหนึ่งขวดจะมีเลือดสีขาวอยู่ทั้งหมดประมาณ 100 หยด
เรย์ค่อย ๆ เทเลือดสีขาวในขวดลงไปในปากกาทองคำอย่างระวัง ก่อนจะหันไปหยิบกระดาษคาถาบอลเพลิงมาและปลดปล่อยพลังเข้าไปด้านใน
ปลดปล่อยพลังเวทมนตร์...
ปลดปล่อยพลังเวทมนตร์...
ปลดปล่อยพลังเวทมนตร์...
เรย์พึมพำออกมาไม่หยุดจนกระทั่งในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าจุดพลังงานในร่างกายกำลังปลดปล่อยพลังงานเวทมนตร์และมันได้ตอบสนองต่อกระดาษคาถาบอลเพลิงในมือของเขา
กระดาษคาถาบอลเพลิงมีอักษรเวทมนตร์ซับซ้อนกำลังถูกสร้างขึ้น พร้อมกับมีเสียงแปลกประหลาดที่เรย์เข้าใจได้ดังอยู่ในความคิดของเขาจากทุกทิศทาง
คาเซเบธ...
พร้อมกับภาพในความคิด อักษรเวทมนตร์ปรากฏขึ้นมาและกลายเป็นลูกบอลเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง ความร้อนของบอลเพลิงทำให้เรย์รู้สึกว่ามันร้อนมาก
คาเซเบธแปลว่าบอลเพลิง...เรย์เข้าใจคำร่ายของคาถาในทันที
เรย์ลืมตาขึ้นมา กระบวนการนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกคือตอนที่เรย์อ่านกระดาษคาถาของบอลแสง ตอนนี้คือกระดาษคาถาของบอลเพลิง ทั้งสองเป็นคาถาระดับมนุษย์เหมือนกัน
“คาถาบอลเพลิง คาถาประเภทโจมตีคล้ายคลึงกับลูกไฟของหัวหน้าคอนราด” เรย์รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ในใจคิดว่าเขาควรจะเรียนคาถานี้เป็นคาถาติดตัวดีหรือไม่ แต่เขาก็ต้องหยุดความคิดเพราะตอนนี้เรย์ยังเป็นแค่ผู้ใช้พลังเวทมนตร์ระดับ 1 ที่เรียนคาถาบอลแสงไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถเรียนคาถาบอลเพลิงได้อีก
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันก่อน ตอนนี้มาทดลองสลักคาถาบอลเพลิงนี่ลงไปในหนังสือเวทมนตร์ก่อนก็แล้วกัน”
อักษรเวทมนตร์ในคาถาระดับมนุษย์นั้นมันเหมือนกับมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นแม้จะอ่านได้หลายคำก็ตาม โดยจุดเริ่มของอักษรจะอยู่ที่ใจกลางสุดจากนั้นก็ขยายออกไปยังทุกทางอย่างน่าแปลกประหลาด แม้จะเรียกว่าอักษรเวทมนตร์ แต่เรย์กลับคิดว่ามันเหมือนกับสัญลักษณ์เวทมนตร์มากกว่า
มือของเรย์ค่อย ๆ ลากอักษรเวทมนตร์อย่างช้า ๆ เพราะถ้าเขาทำผิดพลาดมันก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
กึก!
ภาพอักษรเวทมนตร์ทั้งหมดที่เรย์เขียนนั้นสลายอย่างรวดเร็ว เรย์สูญเสียหยดเลือดสีขาวไปหนึ่งหยดในทันที
“หยดเลือดสีขาวที่แสนล้ำค่าของฉัน...” เรย์รู้สึกเหมือนทำเงินหล่นไปในท่อน้ำและมองดูเงินโดนน้ำในท่อพัดหายไปต่อหน้าต่อตาไม่มีผิด
หลังจากเสียใจได้อยู่สักพัก เรย์เริ่มลงมืออีกครั้งในหน้าเดิมแต่ก่อนนั้นเขาต้องเต็มเลือดสีขาวเข้าไปอีกหนึ่งหยด ครั้งนี้เรย์เขียนไปได้สองในสามของอักษรเวทมนตร์ แต่แล้วมือของเขากลับสั่นจึงพลาดไปเพียงแค่ขีดเดียว
กึก!
ภาพอักษรเวทมนตร์ทั้งหมดที่เรย์เขียนนั้นสลายอย่างรวดเร็ว เรย์สูญเสียหยดเลือดสีขาวไปถึงสองหยดครั้งนี้ ตอนนี้ภาพเงินหล่นไปในท่อน้ำกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้เงินของเขายังหล่นไปมากกว่าเดิมอีก
เรย์ลองใหม่อีกครั้ง ในครั้งนี้เขาพลาดตั้งแต่ครั้งแรกนี่นับเป็นครั้งที่สามแล้ว เรย์เริ่มรู้สึกหัวร้อนขึ้นมาหน่อย ๆ แล้ว
“ไม่มีใครบอกว่ามันจะง่ายสักหน่อย แม้แต่อัจฉริยะยังต้องฝึกฝนอย่างหนักถึงจะประสบความสำเร็จได้ เราก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน” เรย์ลงมืออีกครั้ง
และก็ล้มเหลวครั้งที่สี่...
จากนั้นก็ครั้งที่ห้า...
ครั้งที่หก...
ครั้งที่เจ็ด...
มือของเรย์สั่นเบา ๆ ปากพึมพำออกมาไม่หยุด “ใจเย็น ๆ ใจเย็นไว้ ฟู่....”
เขาพยายามหายใจเข้าออกเพื่อสงบสติตัวเอง แม้เรย์จะหัวร้อน แต่เขามีสิ่งหนึ่งนั้นก็คือการไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ซึ่งนั้นก็นำมาซึ่งความสำเร็จในครั้งที่แปด
“สำเร็จ” อักษรเวทมนตร์ของคาถาบอลเพลิงทั้งหมดถูกเขียนจนเสร็จสมบูรณ์ เรย์ไม่รอช้า รีบหันหัวปากกาจิ้มเข้าไปที่นิ้วชี้ของตัวเอง จากนั้นเรย์ก็ใช้นิ้วโป้งบีบเลือดออกมาห้าหยดเทียบเท่ากับเลือดสีขาวใส่ไปยังใจกลางของอักษรเวทมนตร์คาถาบอลเพลิง
ในตอนที่เลือดของเรย์สัมผัสเข้ากับใจกลางของอักษรเวทมนตร์
ฉับพลัน อักษรเวทมนตร์ก็เหมือนกับมีชีวิตขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ เพราะมันกำลังดูดซับเลือดของเรย์กระจายไปทั่วทั้งอักษรอย่างรวดเร็วผ่านไป สามวินาทีอักษรเวทมนตร์ก็หยุดดูดซับเลือดของเขา
พอจบขั้นตอนนี้ทุกอย่างก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้น
“เฮ้อ..เกือบไปแล้ว” เรย์ลอบปาดเหงื่อ อักษรเวทมนตร์ที่ไม่ได้รับเลือดของผู้วาดก็จะหายไป ดังนั้นเรย์จึงต้องรีบหยดเลือดลงไป
หนังสือเวทมนตร์หน้าแรกได้มีคาถาบอลเพลิงสลักไว้เรียบร้อยแล้ว