ตอนที่ 125 ตราประทับ 1 ใน 5 ชิ้น
ตอนที่ 125 ตราประทับ 1 ใน 5 ชิ้น
“ระบบ ตรวจสอบของรางวัลพิเศษ” กายเรียกดูของรางวัลในทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
เบื้องหน้าของกายมีกล่องของรางวัลที่ได้รับมาจากระบบ กล่องมีลักษณะเป็นโลหะเนื้อแข็งธรรมดา เมื่อกายยื่นมือไปจับกล่องที่ลอยอยู่เบื้องหน้ามันก็หล่นลงมาในมือของเขาทันที
มันเปิดยังไง...กายกำลังมองหาปุ่มกดเปิด แต่ในตอนนั้นเองก็มีข้อความแจ้งขึ้นมาด้านหน้าของกาย
“ผู้เล่นต้องการเปิดกล่องของรางวัลหรือไม่”
“ใช่” กายตอบตกลงไปในทันที ในตอนนั้นเองก็ด้านบนสุดของกล่องก็มีรอยฝ่ามือสว่างขึ้นมาบนพื้นผิวกล่อง เมื่อมองดูก็รู้ว่าระบบต้องการให้กายวางมือลงไป
“ต่างจากทุกทีแฮะ” กายพึมพำด้วยเสียงเบาบาง เขาคิดว่าระบบจะทำตามคำสั่งในทันที คล้ายกับตอนโอนเงินก็ไม่เห็นว่าต้องมีการยืนยันอะไรเช่นนี้มาก่อน ถึงจะคิดว่าแปลก แต่กายวางมือลงไปทาบที่รอยบนพื้นผิวกล่องโลหะ
หลังจากมือของกายสัมผัสกับกล่องโลหะตัวกล่องทั้งหกด้านก็เริ่มแยกตัวออกจากกันอย่างน่าอัศจรรย์ แต่พอกายเห็นของด้านในก็ต้องรู้สึกฉงนในทันที เพราะมันมีเพียงตราประทับที่ดูเก่าแก่อยู่ชิ้นหนึ่งเท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก
กายยืนมือออกไปหยิบตราประทับที่อยู่ตรงกลางออกมา ก่อนจะเริ่มตรวจสอบมันอย่างสนใจ
เป็นตราประทับเก่าสีดำมืดราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน หือ...มีจุดเล็ก ๆ คล้ายกับแสงดาวด้วย กายยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อมองมันให้ชัดเจน แต่พอมองดูมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ สิ่งที่ระบบให้มาไม่น่าจะธรรมดาแบบนี้...มันน่าจะมีความสามารถอะไรสักอย่าง
“ตรวจสอบ”
“ชื่อ :???”
“ระดับ :???”
“ผู้สร้าง :???”
“หมายเหตุ : 1 ใน 5 ชิ้น รอครบวันปรากฏมาถึง”
กายที่อ่านข้อมูลมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายถึงกับนิ่งไปในทันที
ทำไมมันมีแต่เครื่องหมาย??? อยู่เต็มไปหมด...
แล้วที่ชวนงงเข้าไปอีกนั้นก็คือหมายเหตุ หนึ่งในห้าชิ้น รอครบวันปรากฏมาถึง ระบบกำลังจะบอกว่ามีของแบบนี้ห้าชิ้นใช่หรือไม่...?
ต้องรอครบทั้งห้าชิ้นของรางวัลชิ้นนี้ถึงจะมีความหมาย ถ้าอย่างนั้นตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากสิ่งของไร้ค่าสินะ
กายยิ้มแห้ง ๆ ส่ายหัวด้วยความผิดหวัง เพราะเขาคิดว่าระบบจะมอบอะไรที่ใช้งานได้จริง ๆ ในตอนนี้มาให้กับเขา แต่มันกลับเป็นเพียงตราประทับที่ไม่รู้แม้แต่ข้อมูลหรือประโยชน์สักอย่าง
แต่ถึงจะผิดหวัง แต่กายก็ไม่ได้คิดว่าของสิ่งนี้จะไร้ค่าซะทีเดียว เพราะในเมื่อมันเป็นถึงรางวัลพิเศษ ดังนั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
กายใส่มันกลับเข้าไปที่เดิมก่อนที่จะสัมผัสไปที่พื้นผิวของกล่องโลหะอีกครั้ง ซึ่งหลังจากสัมผัสกล่องโลหะก็ปิดเข้าหากันราวกาบกับมันไม่เคยแยกออกจากกันมาก่อน
หลังจากนั้นกล่องก็หายไปในทันที กายมองอย่างสงสัย แต่พอตรวจสอบดู ปรากฏว่ามันไปร่วมอยู่ในห้องสีขาวที่รวมของทุกอย่างที่กายครอบครองอยู่ในโลกราชัน
แสดงว่าของในห้องไม่เพียงแต่จะแสดงของที่ครอบครองในโลกราชัน แต่ยังรวมถึงในแดนสงครามด้วย แล้วถ้าแบบนี้ของชิ้นนี้จะไปปรากฏในโลกราชันด้วยหรือเปล่า
ต้องบอกว่าของทุกอย่างที่ผู้เล่นใช้และสวมใส่กันนั้นมาจากโลกราชันทั้งหมด แม้อาวุธจะใช้ในแดนสงครามและเสียหาย แต่ในโลกราชันมันก็ยังอยู่เหมือนเดิม ซึ่งนั้นเท่ากับว่าในโลกนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของกันได้
แต่ตอนนี้ของรางวัลที่กายได้มานับเป็นสิ่งของชิ้นแลกในแดนสงครามที่สามารถเอาไปรวมกับของในโลกราชัน นั้นทำให้กายชักสนใจประเด็นนี้แล้ว
หลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำอยู่สองสามวินาที กายก็ออกจากแดนสงครามและเตรียมตัวเข้าสู้โลกราชันต่อไป เพราะตอนนี้อีกไม่กี่นาทีก็จะเที่ยงคืนตรงแล้ว
...
เที่ยงคืนของวันที่ 3 พฤษภาคม ปีที่ 70 ตามเวลาในโลกความจริง วันนี้คือวันที่ 21 ในการเล่นเกมราชันของกายแล้ว แม้ดูเหมือนจะเป็นจำนวนที่น้อย แต่ถ้าเทียบกับเวลาในโลกราชันมันผ่านมาเกือบ 50 วันแล้ว และวันนี้คือว่าที่ วันที่ 2 เดือน 3 ปีดาราที่ 997 ในโลกราชัน
กายลืมตาตื่นขึ้นมามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนที่หนาวเย็นท่ามกลางทุ่งหญ้ากิรา กายเงยหน้าขึ้นมามองดูผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่พึ่งกลับเข้ามาในเกมเช่นกัน
หัวเหล็กและดวงจันทร์ ทั้งสองราวกับหยุดชะงักไปวิหนึ่ง ก่อนจะกลับมาตอบสองใหม่และท่าทีของทั้งสองก็ดูจะมีเรื่องเล่าอะไรมากมายหลายอย่าง
ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะว่าพวกเขากลับไปในโลกความจริงและอ่านข่าวมากมายของเกมราชันสงครามออนไลน์
แต่พอกายฟังไปสักพักก็เลิกสนใจ เพราะข่าวที่ทั้งสองคุยกันนั้น ส่วนใหญ่กายรู้หมดแล้ว
ช่วงหลังเที่ยงคืนไม่มีโจรหรือใครหน้าไหนบุกเข้ามาโจมตีกองคาราวานอีก ทำให้ทุกคนนั้นพักผ่อนกันได้อย่างเพียงพอ
แต่หลังจากยามเช้ามาเยือน ทั้งกองคาราวานก็รีบทำอาหารและออกเดินทางกันต่ออีกครั้ง เวลาแห่งความน่าเบื่อเข้าครอบงำอีกครั้ง
กายที่ขี่หลังของเจ้าหมอกเพื่อฝึกฝนไปด้วย กำลังควบเจ้าหมอกเดินตามขบวนไม่ช้าหรือเร็วเกินไป เขารักษาระดับความเร็วไว้อย่างคงที่
...
“นักล่าค่าหัวเดวิน ท่านคาดว่าวันนี้จะเป็นเหมือนเมื่อคืนหรือเปล่า” หัวเหล็กขยับม้าเข้ามาหากายและถามความเห็นของเขา
“แน่นอน แต่พวกเราคงไม่รอให้มันเข้ามาจัดการเรา” กายตอบกลับไปทั้งที่เงยหน้ามองท้องฟ้า หัวเหล็กเงยหน้าขึ้นมองตาม มันมีเหยี่ยวตัวหนึ่งบนอยู่เหนือหัวพวกเขามาสักพักแล้ว
เหยี่ยวตัวนี้ไม่ได้ทำสร้างความกดดันให้แก่หัวเหล็กและคนในทีมทหารรับจ้าง แต่มันยังรวมถึงพ่อค้าฟลินต์ด้วยเช่นกัน
“ท่านจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เราจะพักกันตอนกลางวันแล้วเดินทางตอนกลางคืนดีหรือไม่” พ่อค้าฟลินต์ที่อยู่บนรถม้าลากถามกาย
กายที่ควบเจ้าหมอกอยู่ส่ายหัวเบา ๆ และกล่าวต่อ “เราควรจะทำตามแผนเดิม รอพวกมันเผยตัวออกมาก่อนค่อยจัดการทีหลัง”
“เรื่องนี้จะมีอันตรายอย่างนั้นเหรอ” พ่อค้าฟลินต์ขมวดคิ้วและถามกายในทันที เพราะถ้ามีโจรจำนวนมาก คาราวานพวกเขาอาจจะสู้ไม่ไหวและได้รับความเสียหายได้
“ไม่หรอก ถ้าเราใช้แผนซ้อนแผนและสู้ในถิ่นของมัน”
“ท่านคิดจะลอบโจมตีพวกมันอย่างนั้นหรือ” พ่อค้าฟลินต์พูดด้วยความตกใจกับความกล้าของกาย
กายยิ้มและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป หลังจากคนอื่น ๆ รู้ว่าคืนนี้จะเกิดเรื่องขึ้นอีกพวกเขาก็ดูจะกังวลพอสมควร แต่ไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้ เนื่องจากนักล่าค่าหัวเดวินและพ่อค้าฟลินต์เจ้าของคาราวานได้ตัดสินใจไปแล้ว
กลางคืนไม่ได้ช้าอย่างที่คิด เพียงพริบตามันก็มาถึง คาราวานยังคงหาจุดแวะพักเหมือนเช่นเคย แต่ที่นี่ก็ไม่ต่างจากจุดพักก่อนหน้าที่มันมีแต่ทุ่งหญ้า
พวกเขาทำแบบครั้งก่อน คือใช้รถม้าลากบังลมและเริ่มทำอาหารกัน แต่ที่ต่างออกไปในครั้งนี้คือกายและทีมทหารรับจ้างมีดสั้นสีเงินกลับหายตัวไป
ส่วนพ่อค้าฟลินต์นั้นได้แต่มองอย่างระวังไปรอบ ๆ ถึงแบบนั้นเขาก็พยายามข่มใจให้ทำทุกอย่างเหมือนปกติ
...
แสงอาทิตย์เริ่มตกลงอย่าวช้า ๆ นกเหยี่ยวเหนือท้องฟ้าบินกลับไปยังทิศทางที่มันจากมา ก่อนที่มันจะบินโฉบลงมาเกาะยังแขนของชายผู้หนึ่งที่ยืนอยู่เหนือเนินทราย
ชายเจ้าของเหยี่ยวตัวนี้ เขาแต่งกายด้วยชุดหนังสัตว์ มีหมวกหนังสวมอยู่บนหัว ข้างเอวมีกริชสองเล่มเหน็บอยู่ เขาคือ “อาเร” ผู้นำกองโจรเหยี่ยวแห่งทุ่งหญ้ากิรา ผู้มีค่าหัวสูงถึง 1200 เหรียญทอง
อีกทั้งกองโจรของเขานั้นก็ไม่เหมือนใคร เพราะมันคือกองโจรดั้งเดิมแห่งทุ่งหญ้ากิราที่มีแต่โจรผู้มาจากสายเลือดคนพื้นเมืองเท่านั้น
“ดีมาก!” ชายเจ้าของนกยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะเอาเนื้อสด ๆ ออกมาให้มันกิน และหันไปกล่าวกับชายอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ไปเตรียมตัว เราจะลงมือกันวันนี้”
“ขอรับ ท่านอาเร”
หลังจากรับคำสั่งมาแล้ว ชายคนนั้นก็หันกลับไปยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้กองกำลังที่แอบอยู่เตรียมตัว กองกำลังของกองโจรเหยี่ยวนั้นมีถึง 40 นาย
อาเรหันกลับมาก่อนจะให้คนเก็บนกเข้ากรงและขึ้นหลังมา พร้อมกับเคลื่อนที่ออกไป
กองโจรเหยี่ยวไม่ได้รีบร้อนมากนัก เพราะพวกมันกำลังรอให้แสงอาทิตย์ น้อยลงเรื่อย ๆ จะได้ควบม้าเข้าโจมตีได้โดยที่กองคาราวานไม่ทันตั้งตัว
พวกมันมาจนถึงเนินดินซึ่งห่างจากกองคาราวานไปพันเมตรเห็นจะได้
“เตรียมแบ่งคน” อาเรกล่าว แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้ตอบสนองอะไร อยู่ ๆ ก็มีลูกศรเปิดฉากยิงเข้าใส่มัน
“ลอบโจมตี!” อาเรพูดออกมาด้วยความตกใจ แต่ก็ยังคงตั้งสติได้ทัน รีบทิ้งตัวไปด้านหลังทั้งที่นั่งอยู่บนหลังม้า
ฟริ้ว!
ลูกศรพุ่งผ่านหน้าของมันไป ก่อนจะยิงเข้าใส่หนึ่งในสมาชิกโจรของเหยี่ยว ตกตายไปโดยที่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง
“คุ้มกันท่านอาเร” ลูกน้องคนสนิทร้องตะโกนบอก แต่แล้วก็มีกลุ่มคนควบม้าบุกเข้ามาด้วยความเร็วสูง
“ไม่ทันแล้ว ทุกคนโจมตี” อาเรไม่สนใจรอให้กองกำลังทั้ง 40 คนของตัวเองวิ่งมาคุ้มกัน มันคว้าเอาคันศรที่อยู่กับซองข้างตัวม้าขึ้นมา ก่อนที่มือจะคว้าเอาลูกศรดอกหนึ่งขึ้นมายิงออกไปยังชายผู้ใส่เกราะสีดำกลมกลืนไปกับยามราตรีผู้นั้น
ฟริ้ว!
ศรดอกแรกถูกยิงออกไปเป็นการหยั่งเชิงฝีมือ
กายที่รู้อยู่แล้วว่าต้องโดนตอบโต้ จึงไม่ตื่นตกใจ เขากำค้อนสั่นสะเทือนในมือแน่นก่อนจะเหวี่ยงออกไปราวกับปัดแมลงวันน่ารำคาญเท่านั้น
ศรถูกปัดทิ้งอย่างง่ายดาย ทำให้อาเรขมวดคิ้วมุ่นในทันที วันออกแรงควบม้าไปข้างหน้าพร้อมกับโจรทั้งกองที่กำลังตามหลังมา
มือของอาเรคว้าไปที่ลูกศรพร้อมกันถึง 3 ดอก จากนั้นก็เอาพวกมันพาดคันธนู
กายหรี่ตาลงและระวังมากขึ้น เพราะหัวหน้ากองโจรผู้นี้ใจกล้าบ้าบิ่นมากที่ควบม้ายิงธนูพุ่งเข้าหาตนแบบนี้
“ศิลปะการต่อสู้ เจาะทะลวง ขั้น 2”
ลูกศรทั้งสามถูกยิงออกมา ด้วยคันธนูที่ง้างจนโกง ผู้นำกองโจรเหยี่ยวยิงศรออกมา
กายเองก็ไม่อาจจะอยู่เฉยได้อีกเขารีบตะโกนบอกเหล่าผู้เล่นข้างหลัง “แยกกันไป กันพวกโจรคนอื่น ๆ” หลังจากนั้นกายก็รีบใช้ศิลปะการต่อสู้ในทันที
“ศิลปะการต่อสู้ ปลดล็อกขีดจำกัด ความเร็ว ขั้น 1”
แม้ความเร็วของเจ้าหมอกจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ความเร็วของกายนั้นมากขึ้นเกินกว่า 2 เท่าของปกติในทันที
ค้อนสั่นสะเทือนนอกจากจะใช้โจมตีที่รุนแรงแล้ว มันยังใหญ่ไม่แพ้โล่ขนาดเล็กเลย กายจัดการยกค้อนสั่นสะเทือนขึ้นมากันไว้เบื้องหน้า
“เจ้าเสร็จข้าละ” เมื่อเห็นการกระทำของชายชุดเกราะดำตรงหน้า ผู้นำกองโจรเหยี่ยวอาเร ก็ยิ้มออกมา ศรมีสามดอกแต่ชายคนนั้นไม่มีทางรับทั้งสามดอกได้อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าลูกศรทั้งสามนั้นไม่ได้ยิงมาจุดเดียวกันพอดี แต่เป็นจุดอ่อนสามจุดตรงกับร่างกายของกายนั้นก็คือ ศีรษะ หัวใจ และท้อง
ปัง!
ศรดอกแรกกระแทกเข้าที่ค้อนอย่างรุนแรงกายรับรู้ได้ถึงพลังที่เจ้าเข้ามาที่ค้อนสั่นสะเทือน ถ้าอาวุธที่กายถืออยู่คือค้อนโลหะธรรมดา มันคงโดนเจาะทะลวงไปแล้ว
ด้วยความเร็วของศรนั้นมันเร็วมากจนแทบจะมาถึงพร้อมกัน แต่ความเร็วของกายนั้นก็ไม่ช้าและรวมกับที่เขาคาดเดาตำแหน่งไว้ก่อนแล้ว กายจึงเลือนค้อนสั่นสะเทือนมากันได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน
ปัง! ปัง! อีกสองดอกก็ปะทะเข้าไปอย่างเต็มแรง ลูกศรทั้งสามแตกกระจายเป็นชิ้น ๆ กระจายจากจุดปะทะเป็นวงกว้าง แต่กายนั้นก็ยังคงอยู่ดี
อะไรกัน!!....ในใจของอาเรถึงกับตกใจ เมื่อเห็นว่าค้อนนั้นไม่มีร่องรอยของความเสียหาย แถมความเร็วของชายคนนั้นก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
“ตาข้าละ!!!” กายกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น มือจับสายบังเหียนแรงความเร็วเจ้าหมอก
“เตรียมตัวตาย!!!” ผู้นำกองโจรเหยี่ยวไม่พูดมาก ในเมื่อมันเลือกจะตามปล้นกองคาราวานก็เตรียมใจตายมาอยู่ก่อนแล้ว อาเรคว้าดาบโค้งยาวศอกครึ่งออกมา จากนั้นก็เอาเท้ากระทุ้งไปที่ท้องม้าเร่งความเร็วให้มากยิ่งกว่าเดิม
กายและผู้นำกองโจรอาเรกำลังปะทะกัน
ปัง!!!!