ตอนที่แล้วตอนที่ 11 ประวัติของหน่วยงานนักล่าความตายและการเปิดระดับ 1(อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13 รับอุปกรณ์พื้นฐาน(อ่านฟรี)

ตอนที่ 12 คาถาบอลแสง(อ่านฟรี)


ตอนที่ 12 คาถาบอลแสง

ใบหน้าและเนื้อตัวของเรย์เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ตัวของเรย์ยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง ก่อนจะสงบสติปรับลมหายใจอย่างช้า ๆ อัลลิดาเห็นว่าเรย์กลับมาเป็นปกติแล้วจึงแก้มัดให้กับเขา

เซลีนเองก็เดินไปหยิบผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มายื่นให้กับเรย์หนึ่งผืนก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองและมองดูเรย์

เรย์รับผ้ามาทั้งอย่างนั้น ทำการเช็ดคาบน้ำลายและใบหน้าที่สกปรกของตัวเอง ผ้าที่ชุบน้ำเย็น ๆ ถูกเช็ดไปบนใบหน้าก็ทำให้เรย์รู้สึกสดชื่นและรวบรวมสติได้มากขึ้นกว่าเดิม

“รู้สึกยังไงบ้าง” ไดร่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างใจเย็นถามเรย์อีกครั้ง

“เออ..รู้สึก...” เรย์จะพูดออกมา แต่พอคิดว่าเขาก็ไม่อาจอธิบายออกมาได้ จึงไม่รู้จะให้พูดยังไง

“แปลกใหม่” ไดร่าพูดออกมาแทน เรย์ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำว่า “แปลกใหม่”

แต่แล้วเรย์ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาพึ่งเจ็บเจียนตายมา จึงถามออกมาด้วยความโมโหเล็กน้อยที่หัวหน้าไดร่า เธอไม่ยอมบอกเขาเรื่องนี้ก่อน

“ทำไมคุณถึงไม่บอกผมก่อนว่าถ้าดื่มไปแล้วจะเจ็บแบบโคตรเจ็บแบบนั้น แถมเมื่อครู่ตอนที่ผมแทบไม่มีสติเซลียังบอกผมจะตายอีกด้วยถ้าผ่านไปไม่ได้ นั้นจริงหรือเปล่า” ถึงจะโมโห แต่เรย์ก็ยังใช้น้ำเสียงที่ไม่ก้าวร้าวเกินไป

“จริงแบบที่เซลีนบอก แต่บอกไปแล้วคุณจะกล้าดื่มเลือดสีขาวไหม อีกอย่างคุณก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้ แต่แน่นอนว่าการจะได้พลังมาก็ต้องยอมแรกกับบางสิ่งอยู่แล้ว” ไดร่าตอบมาด้วยสีหน้าเฉยเมย

“เออนั้นก็...” เรย์ก็ไม่รู้ว่าถ้ารู้มาก่อนเขาจะลังเลไม่กล้าดื่มมันหรือเปล่า

เฮ้อ..ช่างมัน ยังไงก็ผ่านมาแล้ว จะให้ย้อนไปก็ไม่ได้

เรย์ได้แต่ถอนหายใจ...

“ผู้มีพลังพิเศษทุกคนเมื่อดื่มเลือดสีขาวและเริ่มเปิดระดับ ไม่ว่าจะระดับแรกหรือระดับต่อมา ก็จะรู้สึกเจ็บปวดจากการที่เลือดสีขาวไหลผ่านไปทั่วร่างกายเพื่อทำความคุ้นเคยกับร่างกายเรา พวกผู้ใช้พลังกายภาพและผู้ใช้พลังจิตนั้นจะไม่เจ็บปวดมากนัก แต่พวกเราผู้ใช้พลังเวทมนตร์นั้นถือว่ามีเจ็บมากที่สุด แต่ถึงฉันไม่บอกคุณเรื่องนี้ ฉันก็ไม่คิดจะปล่อยให้คุณตาย เพราะที่นี่มีเซลีนและอัลลิดาคอยช่วยคุณอยู่แล้วได้อย่างไม่มีปัญหา” ไดร่าอธิบายให้เรย์ฟังอย่างตั้งใจ

“ขอบคุณ” เรย์ไม่รู้จะพูดอะไรดีจึงยิ้มเจือน ๆ ขอบคุณไป เขายังหันไปขอบคุณทั้งสองคนด้วย

“ไม่เป็นไร ในเมื่อระดับก็เปิดแล้ว มาเริ่มเรียนรู้วิธีการใช้พลังเวทมนตร์ของผู้ใช้เวทมนตร์กันเลยดีกว่า” ไดร่าหยิบหนังสือออกมา

แต่ก่อนจะได้เรียนเซลีและอัลลิดาก็ลุกขึ้นและเตรียมจะออกจากห้องไปเพื่อไปหาอะไรทานในมื้อเที่ยง

“หัวหน้าเอาอะไรไหม” เซลีนหันมาถาม

“แซนวิชไส้ไข่ดาวและน้ำส้มหนึ่งแก้ว” ไดร่ากล่าวบอกเซลีน

“ได้ไม่มีปัญหาเดี๋ยวกินเสร็จพวกเราจะถือขึ้นมาให้”

เซลีนและอัลลิดาออกจากห้องไป ไดร่าและเรย์ก็หันมาพูดคุยกันอีกครั้ง

หญิงสาวแสดงท่าทีจริงจังขึ้นในทันทีเมื่อเริ่มบรรยาย เรย์จึงฟังอย่างตั้งใจ

“วิธีการใช้พลังเวทมนตร์ของผู้ใช้เวทมนตร์ มีอยู่ด้วยกันสองแบบ” เธอยกมือขึ้นมาชูสองนิ้วให้เรย์ดูและกล่าวต่อ “หนึ่งคือ คาถาติดตัว การเรียกใช้โดยตรงไม่จำเป็นต้องสลักอักษรเวทมนตร์ สามารถท่องคาถาและใช้งานมันได้ในทันที แต่คาถาที่เรียนรู้ได้นั้นจะมีจำนวนจำกัดขึ้นอยู่กับระดับของผู้ใช้เวทมนตร์ และวิธีที่สองคือ การสลักอักษรเวทมนตร์ลงไปในวัตถุหรือใช้ผ่านอุปกรณ์เวทมนตร์ แต่ในวันนี้เรามาเรียนรู้วิธีแรกก่อน ในเมื่อคุณสามารถเปิดระดับแรกได้แล้ว ตอนนี้คุณคือระดับ 1 จึงสามารถเรียนรู้คาถาติดตัวได้ 1 คาถา”

“เรียนคาถาติดตัวได้หนึ่งคาถา แบบนี้ผมสามารถเรียนรู้พวกคาถาโจมตีได้ทันทีเลยไหม แบบใช้เพลิงแบบหัวหน้าคอนราด” เรย์ถามด้วยความตื่นเต้น เขาจินตนาการถึงการใช้ไฟเผาซอมบี้ทั้งเป็นแบบคอนราด

“ได้...แต่คาถาบทนั้นไม่ได้อยู่ในข้อตกลงและที่สำคัญระดับของคุณควรจะเรียนรู้คาถาที่ร่ายได้ง่ายและเรียนรู้ได้รวดเร็วจะดีกว่า” ไดร่ากล่าวจบเธอก็หยิบกระดาษออกมาสามแผ่น

กระดาษด้านหน้านั้นหนากว่ากระดาษทั่วไปมากนัก ที่กระดาษมีอักษรแปลกตาและแสนประหลาด ลวดลายอักษรเหล่านั้นคล้ายกับมิได้ถูกวาดขึ้น แต่เป็นการสลักและผ่านเข้าไปในกระดาษโดยตรง

“พวกนี้คือกระดาษที่บันทึกอักษรเวทมนตร์ของคาถาบทนั้น ๆ ไว้ มันคือของที่หายากมากคุณสามารถเอามันไปได้เลย คุณควรจะเรียนรู้เริ่มที่คาถาบอลแสงเป็นคาถาแรกก่อน” ไดร่าอธิบาย

เรย์หยิบกระดาษขึ้นมาอย่างสนใจ เขาจ้องไปที่กระดาษพวกนั้นอยู่สักพักแล้วก็เงียบไป จนในที่สุดเขาก็วางก็กระดาษลงยิ้มออกมาอย่างโง่งมก่อนจะกล่าว

“ผมจะสามารถเรียนรู้พวกมันยังไง”

“วางมือไว้ที่กึ่งกลางบนหน้ากระดาษ จากนั้นลองจินตนาการว่าคุณปลดปล่อยพลังเวทมนตร์ดู”

จินตนาการว่าปลดปล่อยพลังเวทมนตร์...เรย์ขมวดคิ้วอย่างแรง แต่ก็ลองทำตามที่เธอบอก เขาวางมือลงไปที่กระดาษคาถาบอลแสง ก่อนจะหลับตาจินตนาการว่าปลดปล่อยพลังเวทมนตร์

ปลดปล่อยพลังเวทมนตร์...

ปลดปล่อยพลังเวทมนตร์...

ปลดปล่อยพลังเวทมนตร์...

เรย์พึมพำออกมาไม่หยุด จนกระทั่งในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าจุดพลังงานที่เคยเปิดขึ้นในร่างกายกำลังปลดปล่อยพลังงานเวทมนตร์และมันได้ตอบสนองต่อกระดาษคาถาบอลแสงด้านหน้า

เรย์ลืมตามองกระดาษคาถาบอลแสง มันมีอักษรเวทมนตร์ซับซ้อนกำลังถูกสร้างขึ้น พร้อมกับมีเสียงแปลกประหลาดที่เรย์เข้าใจได้ดังอยู่ในความคิดของเขา มันดังมาจากทุกทิศทาง

ฟาลัน...

ฟาลัน...

ฟาลัน...

ในจังหวะนั้นเรย์ก็เหมือนกับเห็นภาพบในความคิด มันคืออักษรเวทมนตร์ที่สร้างขึ้นและกลายเป็นลูกบอลกลม ๆ ที่ส่องสว่างราวกับหลอดไฟสีขาว แสงของมันส่องสว่างไปทั่วทั้งความคิดของเรย์

ฟาลันแปลว่าบอลแสง...เรย์เข้าใจในทันที

หลังจากเห็นภาพในความคิดอยู่ราว ๆ 30 วินาที สนใจที่สุดเรย์ก็ตื่นขึ้นมา

“ได้เห็นคาถาแล้วใช่ไหม” ไดร่าถามเรย์

“เห็นแล้ว” เรย์พยักหน้าตอบ

“ตอนนี้ก็ทำให้จุดพลังงานแรกที่อยู่ในร่างกายของคุณสร้างอักษรเวทมนตร์ของคาถาบอลแสงขึ้นมาโดยการจดจำอักษรเวทมนตร์ที่อยู่ในกระดาษให้ได้หลังจากทำได้แล้วก็ท่องคาถาออกมา ฉันจะใช้คาถาบอลแสงให้คุณดูก่อน”

“ฟาลัน” ไดร่ายื่นมือมาเบื้องหน้าก่อนจะเปล่งเสียงท่องคาถาออกมา ในมือของเธอเกิดเป็นอักษรเวทมนตร์ลอยออกมา ก่อนจะรวมตัวกันเป็นบอลแสงสีขาวขนาดเท่ากำปั้น ส่องสว่างไปทั่วทั้งห้อง

“สวยมาก” แม้จะเคยเห็นภาพในความคิดมาแล้ว แต่พอเห็นของจริงมันต่างออกไปมาก แต่พอมาคิดว่านอกจากส่องแสงได้แล้วมันก็ไม่เห็นว่าจะมีพลังอะไรอีกเลย

“มันส่องแสงอย่างเดียว”

“ก็มันคือบอลแสงดังนั้นจึงทำได้เพียงส่องแสง” ไดร่าตอบกลับไปตรง ๆ

“แบบนั้นแล้วผมจะฆ่าซอมบี้ได้ยังไง ถ้ามีแต่คาถาที่เป็นเหมือนกับไฟฉาย” เรย์ไม่เข้าใจว่าทำไมดร่าต้องให้เข้าเรียนรู้คาถาที่ไม่มีพลังโจมตีก่อน

“คุณรู้ไหมว่าซอมบี้นั้นชอบอะไรมากที่สุดและพวกเรานักล่าความตายกลัวอะไรที่สุด” ไดร่ามองไปที่ดวงตาของเรย์

“กลัวโดนกัด”

“สิ่งนั้นเป็นเพียงระดับสองเท่านั้น คำตอบคือ ความมืด ซอมบี้ชอบความมืดเพราะมันสามารถทำให้พวกมันสามารถลอบโจมตีและเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันพวกเรา ไม่สิต้องบอกว่าสิ่งที่มีชีวิตแบบพวกเรานั้นกลัวความมืดเพราะความมืดจำกัดการมองเห็น เมื่อมองไม่เห็นก็ไม่รู้ว่ามีอะไร นั้นจะนำมาซึ่งอันตรายและความตายที่น่าหวาดกลัว”

“คาถาบอลแสงนั้นถือว่าเป็นเพียงคาถาที่ไร้พลังโจมตี แต่มันคือคาถาที่จำเป็นไม่แพ้คาถาด้านโจมตี เพราะมันเปรียบเหมือนแสงที่คอยนำทาง ไม่ใช่แค่เรา แต่ให้กับทุกคนในทีม พวกเราผู้ใช้เวทมนตร์แม้จะมีพลังโจมตีที่สุดยอดแต่ก็ไม่จะเป็นต้องเน้นไปที่การโจมตีเสมอไป โดยเฉพาะระดับต่ำแบบคุณที่มีพลังเวทมนตร์จำกัด คาถาบอลแสงร่ายเพียงครั้งเดียวสามารถอยู่ได้นานเท่าที่ต้องการ เนื่องจากเป็นคาถาที่คงสภาพได้และใช้พลังเวทมนตร์ไม่มาก”

ไดร่าหยุดไปจากนั้นก็ร่ายคาถาอีกครั้ง “ฟาลัน”

บอลแสงปรากฏออกมาอีกดวงหนึ่ง ตอนนี้มีบอลแสงส่องสว่างอยู่ในห้องถึงสองดวง พวกมันเคลื่อนไปมาตามที่ไดร่านึกคิด “นอกจากนั้นแสงยังทำให้ซอมบี้บางประเภทเคลื่อนไหวช้าลง เช่นพวกซอมบี้ซากศพที่มีจำนวนมากที่สุด ส่วนพลังโจมตีนั้นคุณสามารถให้อาวุธปืนในการทดแทนได้”

“ผมเข้าใจแล้ว” ตอนนี้เรย์เข้าใจถึงความสำคัญของบอลแสงแล้ว เขาบอกกับตัวเองในใจว่า เราควรที่จะเปิดกว้างทางความคิดให้มากขึ้น คาถาโจมตีไม่ใช่ทุกสิ่ง นี่คือบทเรียนแรกที่ควรจะจำเอาไว้

หลังจากนั้นเรย์ก็นั่งจดจำอักษรเวทมนตร์และพยายามอ่านมัน แต่มันมิใช่ว่าอยากจะเรียนรู้ก็ทำได้ในทันที เรย์ออกเสียงได้เพียงคำแรกคือคำว่า “ฟา” หลังจากนั้นก็เกิดความไม่มั่นคงของตัวอักษรเวทมนตร์ก่อนที่จะพังทลายลงไปทั้งหมด

“คุณยังไม่ต้องรีบตอนนี้เก็บพวกมันและเอาไปเรียนรู้ที่บ้านก็ได้ ตอนนี้คุณควรไปพบกับผู้จัดการซีน่อนก่อนและไปรับอุปกรณ์พื้นฐานก่อน”

ไดร่าบอกกับเรย์ ก่อนจะหยิบขวดจำนวน 10 ขวดและบันทึกหนังสืออีกเล่มออกมาส่งให้กับเรย์

“พวกนี้คือเลือดสีขาวสิบขวด ซึ่งมากพอจะให้คุณสามารถพัฒนาไประดับสองไป แต่คุณยังไม่ควรรีบเกินไปในการพัฒนาไประดับ 2 ควรจะทำหลังจากเรียนรู้คาถาบอลแสงจนชำนาญซะก่อน ส่วนบันทึกเล่มนี้คือความรู้ที่ฉันตกลงว่าจะสอนคุณ ในเมื่อคุณสามารถเรียนรู้คาถาบทแรกได้แล้วอย่างอื่นก็คงจะไม่ยากเกินไป ถ้าติดตรงไหนสามารถมาสอบถามฉันได้เลย” ไดร่าโบกมือบอลแสงทั้งสองที่ลอยไปมาก็หายไปในทันที

“ขอบคุณสำหรับสิ่งที่สอนครับ” เรย์ขอบคุณหัวหน้าไดร่าจากใจจริง แม้จะเป็นไปตามข้อตกลงแต่ไดร่าก็สอนเขาอย่างจริงใจ

เรย์ยื่นมือมาเก็บขวดทั้ง 10 ไปพร้อมกับกระดาษคาถาเวทมนตร์ทั้ง 3 บทและ “หนังสือบันทึกของไดร่า” ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไป

เรย์ยืนมือมาเปิดประตูก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เซลีนและอัลลิดากลับมาพอดี เรย์เห็นแซนด์วิชและน้ำส้มแล้วก็กลืนน้ำลาย เขาพึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินมื้อกลางวัน เพราะรีบมาที่นี่จึงลืมไปเลย

“ใช่ครับ ผมต้องไปพบผู้จัดการซีน่อนก่อน”

“งั้นไว้เจอกัน แต่หวังว่านายอาจจะไม่ได้อยู่ทีมเดียวกับพวกเราไม่อย่างนั้นอาจจะตายเร็วได้” อัลลิดาตบไหล่เรย์จนไหล่เขาเกือบทรุดไปข้างหนึ่ง

“หืม ทีมเราไม่ได้อันตรายแบบนั้นซะหน่อย อย่าไปขู่เขาแบบนั้น” เซลีนหันมามองอัลลิดาด้วยสายตาดุดัน

“เอานะ...ฉันก็แค่พูดตามจริง” อัลลิดาหันไปโบกมือให้กับเรย์ด้วยความยิ้ม เธอยังขยิบตาให้เรย์ด้วย

เรย์ยิ้มตอบกลับไป พลางคิดในใจว่า คุณอัลลิดาพูดจริงหรือพูดเล่นกัน เขารีบสลัดหัว โยนความคิดที่ตนโดนซอมบี้ฉีกเป็นชิ้น ๆ ทิ้งไปในทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด