ตอนที่ 103+104 เพื่อนสนิทถึงสองชาติ
ลึกลงไปในหัวใจของเขา ลู่ชิงสีกำลังเยาะเย้นตัวเอง เมื่อใดที่เขาปฏิบัติต่อคนอื่นหรือเรื่องใดอย่างระมัดระวังในชีวิต? ก็ล้วนแต่มีเจียงเหยาอยู่ในเรื่องราวนั้น แต่ก็มีบางครั้งที่ความปรารถนาของเขาไม่อาจเป็นจริงได้ง่าย ๆ
“อา!”
ในช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจนี้ มีคนผลักประตูเปิดออกมาและกรีดร้องดังก้องในทันทีด้วยความตกใจ
เจียงเหยาผลักลู่ชิงสีออกจากเธอโดยไม่ตั้งใจและหันหลังให้กับเขา เขาร่ายมนตร์อะไรใส่เธอ? ทำไมเธอถึงลืมคิดว่ากำลังจูบเขาในหอพัก? เธอลืมไปได้อย่างไรว่านี่คือหอพัก และเพื่อนร่วมหอของเธอสามารถเข้ามาได้ทุกเมื่อ?
“เอ่อ พวกคุณอยากได้ความเป็นส่วนตัวรึเปล่า? ไว้ฉันจะเข้าอีกทีภายหลัง” คนที่ประตูสะดุดถอยหลังออกไปสองสามก้าวด้วยความตกใจ เมื่อเธอเผชิญหน้ากับใบหน้าบูดบึ้งของลู่ชิงสี
เจียงเหยาจำเสียงได้ในทันที! นี่คือ เวินเสวี่ยฮุ่ย!
“ไม่ต้อง!” เจียงเหยาสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็วและมองไปที่ประตู “เข้ามาเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้ว คุณต้องเก็บสัมภาระอีก”
เจียงเหยามองย้อนกลับไปที่ลู่ชิงสี ที่มีใบหน้ามืดมนและบูดบึ้ง เขาจ้องมองเธอในทันที
เธอรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะการจูบของพวกเขา อย่างไรก็ตามเจียงเหยาไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกที่เวินเสวี่ยฮุ่ยโทษตัวเอง ก็ดูสหน้ากระวนกระวายใจและดูไม่เป็นมิตรของลู่ชิงสีนั่นสิ
“ผมไปล่ะ บาย” ลู่ชิงสีต้องออกไปแล้ว แม้ว่าจะไม่ต้องการให้มีคนอื่นอยู่ในห้องพักด้วย
หลังจากขโมยจุ๊บเจียงเหยาเป็นครั้งที่สอง ลู่ชิงสีก็หยิบกระเป๋าของเขาและเดินออกไป เขาไม่ได้ให้เธอลงไปส่งเขาที่ด้านล่างตึกเสียด้วยซ้ำ
หลังจากที่ลู่ชิงสีออกไปแล้ว เจียงเหยาหันไปหาเวินเสวี่ยฮุ่ยและกล่าวว่า “ให้ฉันช่วยเธอจัดของไหม” เธอช่วยเวินเสวี่ยฮุ่ยย้ายกระเป๋าของเธอเข้ามา และรีบวางกระเป๋าไว้ที่เตียงชั้นบน ขณะที่เธอพูดต่อ “ฉันชื่อเจียงเหยานะ เธอชื่ออะไร”
“เวินเสวี่ยฮุ่ย” เวินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการกระทำของเจียงเหยาก่อนหน้านี้ หลังจากคิดดูแล้ว เธอก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่จะเป็นเพื่อนร่วมห้องกับผู้หญิงคนนี้ อย่างน้อยความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อผู้หญิงที่ชื่อเจียงเหยาก็น่าพอใจ
อย่างไรก็ตามเวินเสวี่ยฮุ่ยก็ยังหน้าแดงและตื่นเต้นเมื่อนึกถึงฉากที่เธอเพิ่งเห็นตอนเข้ามาในห้อง “เขาเป็นแฟนของคุณเหรอ?”
“เขาเป็นสามีของฉันเอง” เจียงเหยาอธิบาย “สามีที่แต่งงานโดยชอบด้วยกฎหมาย เราแต่งงานกันมาหนึ่งปีแล้วล่ะ”
“คุณพระช่วย!” เห็ได้ชัดว่าเวินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินคำว่า ‘สามี’ เพราะยังไงเสีย พวกเขายังเป็นเพียงนักศึกษาใหม่เท่านั้น แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กสาวจะแต่งงานในวัยนี้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหญิงสาวจากครอบครัวที่ยากจนในชนบท ที่พ่อและแม่ปล่อยให้ได้เริ่มต้นครอบครัวใหม่ตั้งแต่เนิ่น ๆ
ในทางกลับกันเจียงเหยาดูไม่เหมือนเด็กที่มาจากครอบครัวยากจน อีกอย่างหลังแต่งงานแล้ว จะมีสามีที่ยากจนสักกี่คนที่ยอมให้ภรรยามาเรียนมหาวิทยาลัย?
เมื่อคิดเรื่องเหล่านี้วนเวียนอยู่ในจของเธอ เวินเสวี่ยฮุ่ยอยากรู้อยากเห็น เธอหวังว่าเธอจะรบเร้าให้เจียงเหยาเล่าเรื่องตัวเธอให้ฟังมากขึ้น แต่เป็นการพบกันครั้งแรก เธอควรจะขอบคุณที่หญิงสาวคนนี้เต็มใจที่จะเปิดเผยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นสามีของเธอ
แม้ว่าจะไม่มีกฎเกณฑ์ใดที่ห้ามรับนักเรียนที่แต่งงานแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่สนับสนุนให้นักเรียนแต่งงานเร็วเกินไปเช่นกัน
เวินเสวี่ยฮุ่ยเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์หนานเจียงและ ครอบครัวของเธออาศัยอยู่ในหนานเจียง ดังนั้น เจียงเหยาจึงไม่แปลกใจที่เห็นสิ่งของหายากจากเวินเสวี่ยฮุ่ย ที่เธอได้นำมาจากบ้าน และเอามาใช้ในชีวิตประจำวันที่หอพัก นอกจากนี้เจียงเหยาได้กลิ่นน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำยาซักผ้าจากร่างกายของเธออีกด้วย
“ฉันเป็นคนที่นี่ เธอล่ะมาจากที่ไหน? ฉันสามารถพาเธอเที่ยวหนานเจียงในวันหยุดได้นะ เธอรู้ไหมว่าหนานเจียงมีอาหารท้องถิ่นเลิศรสที่หลากหลาย เรามีโบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมายให้เธอได้ดูล่ะ เธอสนใจไหม?” หลังจากเวินเสวี่ยฮุ่ยพูดจบ เธอครุ่นคิดสักครู่แล้วถามว่า “เธอเรียนเอกอะไรล่ะ?”
__
มหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง เน้นเรื่องสอนด้านการแพทย์ แต่ก็ไม่ใช่คณะหลักเพียงคณะเดียวในมหาวิทยาลัย คณะศิลปศาสตร์ของที่นี่ก็มีชื่อเสียงในภาคใต้ด้วย จากภาพลักษณะที่อ่อนโยนของเจียงเหยา เวินเสวี่ยฮุ่ยจึงเดาว่าเจียงเหยาอาจเรียนคณะศิลปศาสตร์
“เหมือนเธอนั่นแหละ” เจียงเหยาชี้ไปที่หนังสือที่เพิ่งออกมาจากกระเป๋าของเวินเสวี่ยฮุ่ย และหัวเราะเบา ๆ “ฉันเดาว่าเธอก็เป็นนักศึกษาแพทย์เหมือนกัน”
“เก่งจริง!” เวินเสวี่ยฮุ่ยอุทานออกมา จากนั้นเธอก็เกาศีรษะอย่างเชื่องช้าและคิดกับตัวเองว่า ‘นี่โชคดีนะที่ฉันไม่ได้พูดออกไปดัง ๆ ว่าเธอเป็นนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ ไม่อย่างนั้นคงน่าอึดอัดใจมาก’
นอกจากนี้เวินเสวี่ยฮุ่ยพบว่า เจียงเหยานั่นฉลาดและช่างสังเกตมาก เธอเพียงแค่นำหนังสืออกจากกระเป๋าแล้วจัดวางลงบนโต๊ะอย่างไม่ตั้งใจ เจียงเหยายังไม่เคยแตะต้องมันด้วยซ้ำ แต่เธอสังเกตเห็นและรู้แม้กระทั่งเนื้อหาในนั้น
เจียงเหยายอมรับคำชมของเวินเสวี่ยฮุ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง ฉากเหล่านี้เหมือนกับชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ กระเป๋าใบเดียวกัน ชุดเดียวกัน – องค์ประกอบที่แตกต่างกันเพียงอย่างเดียวคือบทสนทนาของพวกเขา ครั้งนี้เธอเริ่มที่จะเข้าหาเวินเสวี่ยฮุ่ยก่อนและได้เป็นเพื่อนคนแรกกับเธอในมหาวิทยาลัย
ก่อนที่เธอจะเกิดใหม่ ตามที่เจียงเหยาจำได้ เธอไม่ได้เป็นช่างพูดและร่าเริงเหมือนในตอนนี้ เนื่องจากความกดดันและปัญหาที่เธอทนทุกข์ในใจอย่างเงียบ ๆ ถ้าจะบรรยาถึงเธอก็คงไม่ต่างจากการบรรยายภาพของลู่ชิงสี เธอเป็นคนเก็บตัวและไม่เข้าสังคม มักจะเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเอง มันก็คงเหมือนกับการที่เธอหมกมุ่นอยู่กับสภาพแวดล้อมในมหาวิทยาลัย ในชีวิตก่อนหน้านี้ เธอต้องใช้เวลาหลายวันในการทำความคุ้นเคยกับเวินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่เตียงด้านบน
หลังจากที่เธออาศัยอยู่ในหอพัก ต่อมาเวินเสวี่ยฮุ่ยเป็นคนเริ่มเข้าหาเธอก่อนและกลายเป็นเพื่อนของเธอ
ขณะที่เธอคิดถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงลู่ชิงสีด้วยเช่นกัน
ก่อนที่เธอจะเกิดใหม่ เนื่องจากการที่เขาเข้ามาแทรกแซงชีวิตของเธอ เธอได้เปลี่ยนจากเด็กสาวที่โขคดีไปเป็นผู้หญิงที่เงียบขรึมและไว้ตัว
หลังจากที่เธอเกิดใหม่ เธอก็กลับมาสู่สภาพปกติของเธอเพราะเขา
“ฉันขอตัวออกไปข้างนอกสักครู่นะ ไม่นานเดี๋ยวก็กลับมา รอฉันสักครึ่งชั่วโมงนะ แล้วเดียวไปกินข้าวด้วยกัน ถ้าเพื่อนร่วมห้องคนอื่นกลับมา ช่วยบอกด้วย โอเค๊? นี่ถือเป็นโชคที่เราได้อยู่ร่วมห้องกัน เรามาทำความรู้จักกันในคืนนี้กันเถอะ” เวินเสวี่ยฮุ่ยแกะสัมภาระของเธออย่างรวดเร็ว เพราะเธอไม่ได้นำสิ่งของติดตัวมามากมายอะไร เธอหันไปมองอีกสองเตียงที่ถูกจับจอง เธอมรู้ว่าพวกเขาเป็นใครและพวกเขาจะมาถึงเมื่อไหร่
“ได้” เจียงเหยากล่าว “ฉันจะบอกพวกเขา หลังจากที่พวกเขามาถึง”
เวินเสวี่ยฮุ่ยยิ้มให้เธอและออกจากห้องไป เจียงเหยาหัวเราะคิกคัก เมื่อเธอเฝ้าดูการเดินไปของเธออย่างเร่งรีบ เธอยังคงใจร้อนเหมือนเดิม
หอพักเป็นห้องกว้างสำหรับหกคน มีเตียงสองชั้นอยู่ 3 เตียง และโต๊ะทำงานอยู่ 6 ตัว ยังมีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ในห้อง หากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอดำเนินไปซ้ำเดิม เพื่อนร่วมห้องอีกสองคนที่เลหือจะมาถึงเวลาประมาณหนึ่ง หรือสองทุ่ม ทั้งสองคนมาจากเมืองเดียวกัน ซึ่งอยู่ไกลจากหนานเจียง เพื่อนร่วมห้องอีกสองคนจะกลับมายังหอพักหลังทานอาหารเย็นกับครอบครัว
ห้องน้ำตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของระเบียงห้องพัก เจียงเหยาเข้าไปล้างมือและเมื่อเธอกลับมาที่ห้อง เธอเห็นอะไรบางอย่าง สีขาวเหมือนปุยเมฆนอนอยู่บนเตียงของเธอ โดยมีอุ้งเท้าทั้งสี่โอบท้องของมันและกลิ้งไปมาอย่างสบาย ๆ บนเตียง
“ฉันจำเธอได้!” เจียงเหยากรีดร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เธอพุ่งเข้าไปแหย่ท้องของเจ้าสัตว์ตัวน้อยอย่างตื่นเต้น “พูดได้ใช่ไหม! เธอเป็นคนช่วยฉันในป่าวันนั้น!”
“ดีนะ ที่ยังจำฉันได้!”
เจียงเหยาหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อเธอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย“เธอเป็นใคร? มาจากไหน? ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าโลกนี้มีแมวที่พูดได้ด้วย”