ตอนที่ 101+102 วันแรกที่มหาวิทยาลัย
เจียงเหยาใช้เวลามากกว่าสามปีอยู่ในหนานเจียง ในชีวิตก่อนหน้านี้ ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับทุกซอกมุมในเมืองนี้มากกว่าลู่ชิงสี ทว่าตอนนี้เธอชอบมองแผ่นหลังของลู่ชิงสี ขณะที่เขาจับมือและพาเธอเดิน ทั้งหมดที่เธอต้องทำคือการติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด และปล่อยให้ลู่ชิงสีจัดการทุกอย่าง
ต่างจากลักษณะทั่วไปที่ผู้ชายมักจะไม่ถามทาง ลู่ชิงสีแม้ว่าปกติจะเงียบขรึม แต่เมื่อเขาไม่รู้ทาง ก็จะเอ่ยปากถามทางจากคนที่เดินผ่านมา หลังจากได้คำแนะนำแล้ว เขากล่าวขอบคุณอย่างสุภาพและจากไปพร้อมกับเจียงเหยา
ไม่น่าเชื่อว่าลู่ชิงสีจะหาร้านอาหารอายุนับร้อยปีชื่อดังใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟด้วยวิธีนี้ด้วยเช่นกัน
แม้จะเป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว ทว่าร้านอาหารยังเนืองแน่นไปด้วยแขกที่มาทานอาหาร หลังจากที่พวกเขาได้ที่นั่งและสั่งอาหาร เจียงเหยามองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย พร้อมกับเอ่ยปากถามลู่ชิงสี “เที่ยวบินไปเมืองจินของคุณรอบกี่โมงคะ”
“หกโมงเย็น” ลู่ชิงสีตอบ “ทานข้าวเสร็จแล้ว ผมจะไปส่งขึ้นที่มหาวิทยาลัย แล้วจะเดินทางไปสนามบินเลย”
เจียงเหยาเหลือบมองนาฬิกาของเธอหลังจากได้ฟังคำตอบและคำนวณเวลาในใจ เธอมีเวลาน้อยกว่าสองชั่วโมงที่จะอยู่กับลู่ชิงสี
หลังอาหารมื้อกลางวัน พวกเขานั่งแท็กซี่ไปที่มหาวิทยาลัยแพทย์เจียงหนาน พวกเขาลงทะเบียนเข้าเรียนและขนของไปที่หอพักหญิง
เจียงเหยาได้รับมอบหมายให้อยู่ห้องพักบนชั้นสี่ ใกล้กับบันไดมากที่สึด
ผู้ชายได้รับอนุญาตให้เข้าหอพักหญิงได้เฉพาะช่วงวันเปิดเรียนของมหาวิทยาลัยเท่านั้น
นักศึกษาใหม่ส่วนใหญ่มากับครอบครัวของตัวเอง ในขณะที่กรณีของเจียงเหยาดูไม่ธรรมดา เพราะเธอมากับชายหนุ่มเพียงลำพัง ยิ่งกว่านั้น ทั้งคู่ยังมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นตลอดทาง
ทันทีที่พวกเขามาถึงและเข้าไปในห้องพักของเธอ เจียงเหยาเลือกเตียงด้านล่างที่ใกล้กับทางเดินมากที่สุด เพราะเห็นว่าเตียงด้านบนมีของวางอยู่ก่อนแล้ว
หากสิ่งต่าง ๆ ยังเป็นไปอย่างที่เคยเป็น ก่อนที่เธอจะเกิดใหม่ คนที่นอนชั้นบนเหนือเตียงของเธอคือ เวินเสวี่ยฮุ่ย เพื่อนสนิทที่สุดของเธอในชาติที่แล้ว
หลังจากวางสัมภาระลงบนเตียงแล้ว ลู่ชิงสี พาเจียงเหยาไปที่ร้านสะดวกซื้อในมหาวิทยาลัย เพื่อหาซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันและพวกเขาก็กลับมายังหอพักอีกครั้ง จากนั้นลู่ชิงสีโยนขวดน้ำให้เจียงเหยา และขอให้เธอนั่งพักบ้าง ขณะที่เขารีบจัดเตียงให้เจียงเหยาอย่างรวดเร็วและแกะสัมภาระของเธอ
เมื่อมองดูลู่ชิงสีจัดของให้กับเธอ ความประทับใจก็เกิดขึ้นในใจของเจียงเหยา ดูเหมือนว่าลู่ชิงสีจะดูแลเธอราวกับว่าเขาดูแลลูกสาว
“เสร็จแล้วล่ะ!” ลู่ชิงสีปัดฝุ่นที่มือของเขาและบอกออกมา จากนั้นเขาก็คว้าขวดในมือของเจียงเหยา ดื่มจนหมดในอึกเดียว เห็นได้ชัดว่าเขากระหายน้ำมากแค่ไหน หลังจากยุ่งอยู่นานกว่าหนึ่งชั่วโมง ในขณะที่กำลังทำความสะอาดสิ่งของของเจียงเหยา เขาไม่หยุดดื่มน้ำเพราะกว่าจะลืมเรื่องสำคัญ
ลู่ชิงสีซื้อที่นอนท็อปเปอร์ให้กับเธอเพราะเตียงที่หอพักแน่นมาก เขานั่งลงเพื่อสัมผัสถึงความนุ่มของเตียง ทว่าเขายังเอียงศีรษะทำท่าไม่พอใจ เขามองไปที่เจียงเหยาและพูดว่า “ไม่นุ่มเหมือนเตียงที่บ้าน แต่คุณคงต้องใช้มันแล้วล่ะ”
ถ้าเจียงเหยาอยู่ที่จินโด เขาสามารถซื้อบ้านใกล้กับมหาวิทยาลัยเพื่อให้เจียงเหยาได้อาศัยอยู่ เขาจะจัดเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อให้เธอได้อยู่อย่างสบายกาย สบายใจ
แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่กันที่หนานเจียง ไม่ใช่จินโด ดังนั้นแม้ว่าเขาจะซื้อบ้านที่นี่ เขาก็ยังกังวลที่เจียงเหยาต้องอยู่คนเดียวอยู่ดี การอยู่หอดูจะปลอดภัยสำหรับเธอมากกว่า ทว่าการอยู่หอพักจะขาดความสะดวกสบายและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
นอกจากนี้ข้อกังวลของเขานั่นก็มีเหตุผล นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาหนานเจียง ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนมากมาย ต่างจากในจินโดที่เขามีกลุ่มเพื่อนฝูงเพื่อรับประกันความปลอดภัยให้กับเธอ
__
“ฉันมาเรียนนะ ไม่ได้มาพักผ่อน ดูคุณทำสิ มันออกจะดีเกินหน้าคนอื่นมากไปแล้ว”
เจียงเหยาชี้ไปอีกสองเตียง ถ้าไม่ใช่เพราะลู่ชิงสีเป็นคนทำให้ เธอคงจัดเตียงให้แค่พอนอนได้เท่านั้น
“ก็คุณแตกต่างออกไปนี่น่า” ลู่ชิงสีกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเจียงเหยา ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงของเขาอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ซอมซ่อ สำหรับคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะนอนบนไม้กระดานหรือบนพื้นก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
“นี่คุณก็ช่วยฉันทุกอย่างเสร็จแล้ว ไปล้างหน้าหน่อยเถอะ ฉันจะไปส่งคุณที่สนามบิน แล้วจะนั่งแท็กซี่กลับ” เจียงเหยากล่าวขณะที่เธอส่งผ้าเช็ดหน้าให้ลู่ชิงสี ในหอพักไม่มีเครื่องปรับอากาศ มีเพียงพัดลม ดังนั้นลู่ชิงสีจึงมีเหงื่อเหมือนลูกหมาตกน้ำ
“ไม่ต้องหรอก คุณพักอยู่ที่นี่เถอะ ผมจะไปสนามบินเอง” ลู่ชิงสีส่ายหน้า ปฏิเสธข้อเสนอของเธอ
“นี่ไม่ใช่เมืองของเรา อีกอย่างคุณก็ยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่เลย อยู่ที่นี่ดีกว่าออกไปเดินเตร่ข้างนอก”
เจียงเหยาเม้มริมฝีปากและคิดว่า ‘ฉันจะบอกเขาอย่างไรว่าฉันรู้จักที่นี่ทุกซอก ทุกซอย ในเมืองหนานเจียง”
แต่ในเมื่อเห็นลู่สีชิงตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาไม่ต้องการให้เธอไปส่งเขา เจียงเหยาจึงพยักหน้าในที่สุด ประนีประนอมกับคำของเขาน่าจะดีกว่า
“จำเบอร์ผมไว้นะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาผม” ลู่ชิงสีหยิบปากกาและเขียนหมายเลขโทรศัพท์ของเขาลงในสมุดบันทึกของเจียงเหยา
จากนั้นเขาก็หยุดครู่หนึ่งและกล่าวเสริมว่า “ถึงไม่มีเรื่องอะไร คุณก็สามารถโทรหาผมได้ตลอดเวลานะ ถ้าว่างผมจะรับทันทีเลย ถ้าไม่ว่างผมจะโทรกลับทีหลัง”
เจียงเยหายกสมุดบันทึกขึ้น เหลือบมองที่ตัวเลข เธอมีความจำที่ดีมาก เธอสามารถจดจำตัวเลขได้หลังจากอ่านซ้ำ ๆ หลายครั้ง
เธอรู้ว่าลู่ชิงสีได้นำโทรศัพท์มือถือติดตัวมาด้วย เมื่อเขากลับมาในครั้งนี้ เธอเคยเห็นเขารับสายอยู่หลายครั้ง
โทรศัพท์มือถือเป็นของฟุ่มเฟือยสำรหับคนรวยในยุคนี้ แต่สำหรับตระกูลลู่แล้ว โทรศัพท์สักเครื่องก็อยู่ในราคาที่พวกเขาสามารถจ่ายได้ ดังนั้นเจียงเหยาจึงไม่เคยถามลู่ชิงสีเกี่ยวกับการซื้อโทรศัพท์มือถือกะทันหัน
ลู่ชิงสีมองดูนาฬิกาของเขา ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไปสนามบิน
“ผมต้องไปแล้วนะ” เขาลุกขึ้นยืนและพูด เมื่อเห็นว่าเจียงเหยาจะออกไปส่งเขา เขาก็หยุดเธอและพูดว่า “ข้างนอกมันร้อน คุณพักที่นี่เถอะ อย่าลงไปเลย ผมจะไปเอง”
เขาเดินไปเข้ามาใกล้เจียงเหยาและเอื้อมมือออกมาจับมือเธอ
เจียงเหยาแสดงสีหน้าบูดบึ้ง เธอไม่มีความสุข
ลู่ชิงสีลูบศีรษะเธอเบา ๆ เขารู้สึกได้ถึงความเศร้าจากเธอที่ต้องเห็นเขาจากไป เขาแบ่งปันความรู้สึกเดียวกัน
“ผมจะให้คนส่งตั๋ววันหยุดวันชาติมาให้คุณล่วงหน้า คุณต้องมานะ” แม้ว่าเจียงเหยาจะรับปากกับเขาแล้ว แต่ลู่ชิงสีก็อดไม่ได้ที่จะยืนยันอีกครั้งก่อนที่เขาจะจากไป เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยิ้มเมื่อเจียงเหยาพยักหน้า “อีกแค่เดือนนิด ๆ เอง เราก็จได้เจอกันอีกครั้งแล้ว”
จากนั้นเขาก็ปล่อยมือของเจียงเหยา แต่ยังไม่สามารถขยับขาได้ เขารู้ว่าเขาต้องไปแล้ว ทว่าขากลับหนักเสียเหลือเกิน และไม่เต็มใจที่จะก้าวขาออกไปเลย
“ตอนนี้ต้องไปจริง ๆ แล้ว ไม่อย่างนั้นจะตกเครื่องเอานะคะ” เจียงเหยาเร่งเร้า “ฉันจะไปหาคุณในวันหยุด”
เขาจ้องไปที่เจียงเหยาและถอนหายใจในไม่กี่วินาทีต่อมา ก่อนจะเริ่มขยับขา
“ผมเริ่มเสียใจแล้วสิที่ให้คุณมาที่นี่” ถ้าเธออยู่ที่จินโด คงไม่ต้องรอเจอกันตั้งเป็นเดือน เขาจะได้เจอเธอทุกวันหยุดสุดสัปดาห์
ก่อนที่เจียงเหยาจะพูดอะไรออกมา เขาก็ก้มศีรษะและจูบเธอ
จูบของเขาอ่อนโยนและหนักแน่น จูบนั้นให้ความรู้สึกราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่อนคลาย มันสามารถดับความแห้งแล้งในหัวใจและจิตวิญญาณได้
เขาไม่ต้องการเร่งรีบเพราะมันอาจจะย้อนกลับมายังความรู้สึกของเขาอย่างรุนแรงจนเกินต้าน และอาจทำให้เธอไม่พอใจ เขาคงไม่สามารถง้อเธอได้หากเขาจากไปแล้ว ต่อมาเธออาจไม่ต้องการมาพบเขาในวันชาติก็ได้