ตอนที่ 10 ข้อเสนอของหัวหน้าไดร่า(อ่านฟรี)
ตอนที่ 10 ข้อเสนอของหัวหน้าไดร่า
“ผู้ใช้เวทมนตร์นั้นคือพวกที่มีจำนวนคนน้อยที่สุด ถ้านับจากผู้มีพลังก็คือในสิบคนจะมีหนึ่งคนที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ โดยผลจากการทดสอบเลือดสีขาวกับโลหิตมนุษย์นั้นจะการตอบสนองที่ไม่ตายตัวและแปลกประหลาดออกไปจากผู้ใช้พลังสองสายก่อนหน้า ซึ่งถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นก็หมายความว่าคนผู้นั้นมีศักยภาพเป็นผู้ใช้เวทมนตร์”
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าการทดสอบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย” เรย์ถามแทรก
“ก็หมายความว่าพวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีพลังอะไร” ไดร่าตอบไปตามตรง ก่อนจะกล่าวต่อ “รูปแบบพลังของผู้ใช้เวทมนตร์นั้นจะใช้ผ่านสิ่งที่เรียกว่า คาถา ซึ่งคาถาพวกนี้ถูกค้นพบภายในโลกหลังรอยแยกมิติเช่นกัน คาถาที่อาณาจักรลัวอาค้นพบนั้นจะถูกควบคุมและเก็บไว้ที่สำนักงานใหญ่ประจำที่เมืองหลวงเอลินเมียของอาณาจักรลัวอา ถ้าต้องการเรียนรู้คาถาเหล่านั้นจะต้องใช้ผลงานที่มากพอในการแลกเปลี่ยนม้วนกระดาษคาถามา”
“คุณพอจะเข้าใจพลังทั้งสามแบบของผู้มีพลังแล้ว แต่สงสัยไหมว่าพลังทั้งสามนั้นใช้อะไรในการขับเคลื่อนให้พวกเราผู้มีพลังพิเศษสามารถมีพลังแบบนี้ได้” ไดร่าหันไปถามเรย์
“เลือดสีขาว!” เรย์ตอบกลับไป เขาลองคิดตามดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวนเวียนอยู่กับของสิ่งนี้
“ใช่ สิ่งที่มอบพลังและพัฒนาระดับพวกเรานั้นคือเลือดสีขาว เป็นสิ่งที่พวกเรา ผู้ใช้พลังกายภาพ ผู้ใช้พลังจิตและผู้ใช้เวทมนตร์ต้องดื่มเพื่อให้มีพลัง
เลือดสีขาวหลอมรวมและตกผลึกอยู่ในร่างกาย เลือด เนื้อของซอมบี้ หลังจากที่ซอมบี้ตายลงก็จะเกิดการรวมตัวกันของ ‘เลือดสีขาว’ ในร่างกายของพวกมัน
เราต้องรีบเก็บมันเข้าใส่ในขวดแก้วก่อนที่จะไปปนเลือดที่เน่าเหม็นของพวกซอมบี้และสลายหายไปในอากาศจนไม่สามารถใช้งานได้
เลือดสีขาวที่พวกเราได้มาจากในการทำภารกิจส่วนหนึ่งจะต้องส่งให้กับทางหน่วยงานนักล่าความตายและอีกส่วนจะถูกแบ่งกันในทีมที่ปฏิบัติภารกิจล่าซอมบี้พวกนั้นได้ เลือดสีขาวนั้นสามารถใช้ในการพัฒนาระดับพลังของผู้มีพลังพิเศษได้โดยการดื่มมันเข้าไป แต่ก็มีวิธีที่ใช้มากกว่านั้นอยู่หลายอย่าง โดยเฉพาะกับผู้ใช้เวทมนตร์” ไดร่าอธิบายให้กับเรย์มาถึงตรงนี้ โดยสีหน้าของเธอนั้นแทบจะไม่เปลี่ยนไปมากนัก
“ในเมื่อตอนนี้คุณพอเข้าใจเรื่องพื้นฐานของพวกเราผู้มีพลังแล้ว ก็เห็นถึงความสำคัญของเงื่อนไขที่ฉันเสนอไปแล้วใช่ไหม ฉันจะให้คุณคิดดูถึงข้อเสนอของฉันสักสิบนาที” ไดร่าพูดจบเธอก็หยิบหนังสือของตนเองขึ้นมาอ่านอีกครั้ง เพื่อรอชายหนุ่มตัดสินใจ
เรย์นั่งทำความเข้าใจและย่อยข้อมูลในสมองถึงสิ่งที่พึ่งได้ฟังมาทั้งหมดเมื่อสักครู่นี้
พลังพิเศษมีสามประเภทคือ ผู้ใช้พลังกายภาพ ผู้ใช้พลังจิต ผู้ใช้เวทมนตร์ โดยอาศัยพลังงานจากเลือดสีขาวที่ได้จากซอมบี้ในการพัฒนาระดับพลัง
ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องการเลือดสีขาวในการยกระดับความแข็งแกร่งของเราเช่นกันและตัวเราที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ต้องใช้คาถาในการร่ายอีกถึงจะแสดงพลังได้
แม้จะฟังดูสุดยอด แต่มันยุ่งยากกว่าพวกผู้ใช้พลังกายภาพและพวกผู้ใช้พลังจิตซะอีก
เฮ้อ...ทำไมเราไม่เป็นผู้ใช้พลังจิตแบบหัวหน้าคอนราดกัน
แถมสิ่งที่เรียกว่าคาถาที่ว่าไม่ใช่จะได้มาง่าย ๆ แต่ต้องทำผลงานเพื่อให้ได้มาอีกด้วย มันคงไม่ง่ายอย่างออกสู้กับซอมบี้สองสามครั้งแล้วคงใช้ผลงานคาถามาเลยอย่างแน่นอน
ยุ่งยากกว่าที่คิดอีกแฮะ...แต่ถ้าเรายอมรับเงื่อนไขของหัวหน้าไดร่า เธอจะสอนการเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ให้และยังมอบเลือดสีขาวจำนวนที่เพียงพอในการยกระดับจนถึงระดับ 3 ได้อย่างรวดเร็ว
ยังมีคาถาระดับมนุษย์อีกสามคาถาว่าแต่ระดับมนุษย์นี่มันคืออะไร? เธอบอกจะเป็นคนสอนการสลักคาถาสร้างกระสุนชำระล้างให้ด้วย
แสดงว่าส่วนใหญ่แล้วที่หน่วยงานนักล่าความตายคงไม่สอนเรื่องพวกนี้สินะ
จริงสิ! ที่นี่มีเธอคนเดียวที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์...ถ้าเราไม่ตกลงอย่างมากก็จะได้เรียนรู้แค่พื้นฐานสิและจากนั้นก็ต้องไปคอยทำผลงานเพื่อหาร้องขอข้อมูลของผู้ใช้เวทมนตร์กับทางสำนักงานใหญ่ของหน่วยงานนักล่าความตาย... แบบนั้นช้าไป! ข้อเสนอของหัวหน้าไดร่านั้นมันฟังดูดีและนั้นหมายความว่าเธอต้องการเรา ไม่สิ! เธอต้องการเราแบบที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่แข็งแกร่งในระดับ 5 ขึ้นไป เพื่อช่วยในเรื่องบางอย่างที่ไม่สามารถบอกกับหน่วยนักล่าความตายคนอื่นได้
ตอนนี้คงไม่มีอันตรายอะไร แต่สิ่งที่หัวหน้าไดร่าจะพาเราไปทำหลังจากเราเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ระดับ 5 แล้วนั่นแหละที่อาจจะอันตรายขึ้นมาจริง สิ่งที่มีแต่ผู้ใช้เวทมนตร์สามารถทำได้คืออะไรกัน...
เรย์…นายจะมาคิดอะไรให้ยุ่งยากทำไม ในเมื่อเรื่องพวกนั้นมันยังไม่เกิดขึ้นซะหน่อย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือเราจะต้องรีบแข็งแกร่งโดยเร็วที่สุดแล้วเข้าไปตามหาพ่อกับแม่ที่หลังรอยแยกมิติตั้งหาก
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานในที่สุดเรย์ก็ได้คำตอบ เขาบอกกับไดร่าในทันที
“ผมตกลงรับเงื่อนไขของหัวหน้าไดร่า แต่บอกไว้ก่อนผมจะทำในสิ่งที่ผมทำได้และคงไม่คิดจะเอาชีวิตไปทิ้งให้กับคุณอย่างแน่นอน” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ไดร่าหยุดอ่านหนังสือในมือมองไปที่ดวงตาของเรย์ เธอยิ้มออกมาราวกับรู้อยู่แล้วว่าเรย์จะตกลงก่อนจะกล่าวว่า “เรย์...คุณจะไม่เสียใจอย่างแน่นอน”
เรย์มองไปที่สีหน้าของไดร่า ในตอนนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้จึงถามเธอกลับไป “คุณรู้อยู่แล้วว่าผมจะต้องตกลงใช่ไหม”
“ถ้าคุณอยากจะไปตามหาคนที่หายไปหลังรอยแยกมิติ ก็ต้องมีพลังมากพอและยังต้องในระยะเวลาที่ไม่นานเกินไป และฉันให้สิ่งนั้นกับคุณได้ จริงไห?” ไดร่าถามกลับ แน่นอนว่าเรย์รู้ว่าเธอไม่ต้องการคำตอบ เพราะเขาตอบไปแล้วในการตกลงเมื่อสักครู่
“คุณเคยเข้าไปหลังรอยแยกมิติไหม?”
“ครั้งหนึ่ง” ไดร่าตอบเงียบ พอนึกถึงเรื่องเกี่ยวกับตอนนั้นสีหน้าเธอก็เศร้าเล็กน้อย
“ผมขอถามได้ไหม คุณคิดว่าจะอยู่รอดได้...” เรย์หยุดคำพูดก่อนจะเงียบลงไป เพราะกลัวคำตอบของไดร่าจะทำให้ความหวังของตนเองพังลง
“คุณจะถามว่าที่หลังรอยแยกมิติสามารถอยู่ได้นานแค่ไหนใช่ไหม ถ้ารอดจากพวกซอมบี้ได้ก็สามารถอยู่รอดได้ เพราะโลกนั้นมีสภาพอากาศให้มนุษย์สามารถหายใจและดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไม่มีปัญหา” ไดร่ากล่าวก่อนจะพูดเสริมในใจว่า “ถ้าไม่นับพวกซอมบี้ละนะ”
ขณะที่ไดร่ากำลังจะพูดต่อ ในตอนนั้นเองเซลีนก็เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเร่งรีบ
“หัวหน้ามีรอยแยกมิติระดับ 0 เปิดขึ้นทางเหนือของเมือง”
ไดร่าได้ยินเช่นนั้น เธอก็รีบปิดหนังสือในมือ ลุกขึ้นเอามันไปวางในชั้นอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะหันมากล่าวกับเรย์ว่า “คุณลงไปที่ชั้นแรกไปหาฮอลลี่ให้เธอช่วยเอาพวกเอกสารคู่มือเบื้องต้นมาก็แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยมาเริ่มกันตอนเที่ยง”
หลังจากกล่าวจบทั้งสองก็รีบออกไปกันทันที โดยทิ้งเรย์ไว้ในห้องตามลำพัง
คุณเซลีนพึ่งบอกว่ามีรอยแยกมิติเกิดขึ้น...หมายความว่าในเมืองเรซีจะมีรอยแยกมิติเกิดขึ้นบ่อย ๆ สินะ!
พวกเขาต้องออกไปเสี่ยงตายสู้กับซอมบี้ทุกวัน โดยที่คนปกติธรรมดาก็ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่รู้ว่าความตายอยู่แค่เอื้อมพวกเขา
เรย์ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเกิดซอมบี้กระจายตัวออกมาและกัดกินผู้คน ถ้าถึงตอนนั้นเขาจะสามารถรอดชีวิตได้นานแค่ไหนกัน
เราจะต้องแข็งแกร่งขึ้น
...
เรย์กลับมาถึงบ้านก็เจอกับริชาร์ดที่กำลังรอเขาอยู่ในบ้านแล้ว ในบ้านข้าวของทุกอย่างถูกคุมด้วยผ้า ส่วนกำแพงที่เสียหายนั้นยังคงถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น ริชาร์ดหลับตานั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ที่มีผ้าคลุมอยู่ด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
แต่พอรู้สึกว่าเรย์เดินเข้ามาในบ้าน เขาก็รีบจัดการตัวเองหันมาพูดกับเรย์
“ฉันนึกว่านายจะกลับมาตอนเย็นซะอีก แต่ถ้ามาแล้วเราก็ไปกันเถอะ เสื้อผ้าและข้าวของของนายถูกเก็บและส่งไปที่บ้านหลังใหม่แล้ว” ริชาร์ดลุกขึ้นยืน ในตอนนั้นก็เผยให้เห็น Webley Mk. VI ปืนพกลูกโม่ เหน็บอยู่ในซองภายใต้เสื้อโค้ต
ริชาร์ดคงพกติดตัวไปไหนมาไหนตลอดสินะ...กายไม่ได้ห้ามอะไร
หลังจากที่รู้ว่าในตอนนี้รอยแยกมิติจะเปิดออกและมีซอมบี้จะออกมาจู่โจมตอนไหนก็ได้ เขาจึงเห็นด้วยที่ริชาร์ดจะมีอาวุธติดตัวตลอดเวลาในสถานการณ์แบบนี้
รถยนต์ไฟฟ้า PWC2-003 เคลื่อนตัวออกไปภายใต้การขับของริชาร์ด
ตอนนี้พวกเขาสองพี่น้องนั้นเหลือกันแค่สองคนเท่านั้น บริษัทที่พ่อแม่ของเขาเป็นคนสร้างขึ้นมามันไม่มีอีกต่อไปแล้ว
เรย์หันกลับไปมองบ้านหลังเดิมที่กำลังห่างออกไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มอยู่ที่นี่มาตั้งแต่จำความได้ แต่ตอนนี้บ้านหลังนี้กำลังจะถูกพวกถือหุ้นคนอื่น ๆ ในบริษัทยึดไปขายให้กับธนาคาร
เรย์และริชาร์ดมาถึงบ้านหลังใหม่ที่เป็นบ้านชั้นเดียว ขนาด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องทำงานและ 1 ห้องรับแขก กับครัวเล็ก ๆ ด้านหลังและโรงจอดรถ แม้มันจะไม่ใช่เท่ากับบ้านหลังเดิม แต่ก็ไม่ดูแย่มากนัก
สำหรับคนที่ล้มละลายอย่างเรย์และริชาร์ดนั้นยังถือว่าโชคดีมากที่มีบ้านแบบนี้ให้อยู่อาศัยและเงินอีกจำนวนห้าแสนเหรียญลัวอาที่เหลือติดมาด้วย
พวกเขาเข้ามาในบ้านก่อนจะช่วยกันจัดการของที่มาส่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ย้ายทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง กว่าจะเสร็จก็เกือบจะเป็นเวลาเย็นแล้ว
“ริชาร์ดจะให้ฉันเอาเอกสารของพ่อทั้งหมดย้ายเข้าไปในห้องทำงานด้วยไหม”
“เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง ไปพักเถอะเย็นนี้เราจะไปกินมื้อใหญ่กัน”
เรย์พยักหน้าก่อนจะเดินมาในห้องของตนเอง ขณะที่เขากำลังจะเดินไปหยิบเอกสารคู่มือเบื้องต้นมาอ่าน แต่ก็สังเกตว่าตัวของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
เขาไม่มีทางเลือกจึงไปอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดสบาย ๆ ก่อนจะมานั่งอ่านเอกสารคู่มือเบื้องต้นอย่างจริงจังอีกครั้ง