ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 มันถูกเรียกว่า “ซอมบี้”(อ่านฟรี)

ตอนที่ 1 ความทรงจำของเรย์(อ่านฟรี)


ตอนที่ 1 ความทรงจำของเรย์

เกิดอะไรขึ้น...

เราอยู่ที่ไหนกัน...ทำไม? มึนหัวแบบนี้...

ภายในความมืดมิดและเสียงที่ดังกังวานอยู่รอบตัว เรย์พยายามสั่งให้ตัวเองลืมตาขึ้น แต่ตัวเขากลับรู้สึกว่าเปลือกตาของตนนั้นกลับหนักอึ้ง

ไม่ใช่เพียงแค่นั้น...ร่างกายก็ยังไร้ซึ่งเรี่ยวแรงยากจะขยับตัวได้อีก

ใครก็ได้...

ได้โปรด...ช่วยด้วย

เรย์กลัวมากที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เด็กหนุ่มร้องเรียกสุดเสียง แต่แล้วส่วนลึกในจิตใจก็บอกให้เขาเงียบไว้อย่างส่งเสียงดัง เพราะอาจจะดึงดูดปีศาจบางอย่างมา

ปีศาจ..แต่มันคือตัวอะไร?

เรย์ไม่เข้าใจความคิดของตัวเองแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงหันมาพยายามอย่างสุดกำลังที่จะขยับตัวเองอีกครั้งและในที่สุดความพยายามก็เป็นผล ชายหนุ่มได้ยินเสียงหญิงสาวบางคนดังขึ้นมาอยู่ใกล้ ๆ แม้จะฟังเสียงนั้นไม่ชัดนักแต่พอจะจับใจความคร่าว ๆ ได้บ้าง

“หมอค่ะ! คนไข้มีการตอบสนอง คนไข้ขยับนิ้วได้แล้วและกำลังฟื้นคืนสติค่ะ”

เรย์รับรู้ได้ว่าปลายนิ้วของตัวเองเริ่มที่จะคืนสัมผัสที่คุ้นเคยกลับมาจริง

ใครกำลังเดินมา

มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เขา มือของเจ้าของเสียงฝีเท้าเมื่อครู่จับเปลือกตาของชายหนุ่มเปิดขึ้น

แสงที่เรย์พยายามไขวคว้าเมื่อสักครู่สาดส่องกระทบดวงตา แต่มันจ้ามากเพราะตอนนี้หมอวัยกลางคนกำลังส่องไฟฉายไปที่ดวงตาของเขา

“ม่านตาเปิดกว้าง คนไข้ได้สติแล้ว”

หมอพูดบางอย่างออกมา แต่เสียงพวกนั้นยังวิ้ง ๆ ดังก้องไปในหูของเรย์

“คุณได้ยินหมอไหม...”

หมอวัย 40 พยายามเรียกสติเรย์ แต่ดวงตาของเด็กหนุ่มยังคงเหม่อลอยอยู่ เรย์คิดจะเปิดปากพูด แต่เขากลับรับรู้ว่าคอของตัวเองนั้นแห้งผาก ทำให้เสียงที่เปลงออกมาแหบแห้งเบาบางราวกับเสียงของใบไม้แห้งสองใบเสียดสีกันไปมาอย่างช้า ๆ

“น...น้ำ” นี่คือสิ่งแรกที่เรย์คิดได้ เขาคิดว่าถ้าไม่ได้น้ำตัวเองคงไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อย่างแน่นอน

หมอกวักมือเรียกให้พยาบาลป้อนน้ำให้เรย์ดื่มเพียงสองสามอึกพอให้คอของเขาไม่แห้งเท่านั้น

“คุณจำชื่อของตัวเองได้ไหม”

“จำได้..ผมชื่อ..เรย์ เรย์เรนเดล”

“คุณรู้สึกยังไงบ้าง”

“ผมรู้สึกไม่มีแรง”

เรย์ตอบกลับไปด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน

“ถือเป็นเรื่องปกติ คุณควรจะนอนพักผ่อนอย่าพึ่งขยับตัวหรือทำอะไรมา” หมอพยักหน้าในคำตอบของเรย์อย่างพอใจ ก่อนจะแนะนำเขา และก็ไม่ถามต่อเพราะรู้ว่าเรย์ยังไม่พร้อมจะพูดคุย

ก่อนที่จะทำการตรวจเรย์อีกสองสามอย่างและจดบันทึกลงไปและหันไปกล่าวกับทางพยาบาลสาวว่า

“แจ้งไปที่ญาติของคนไข้ด้วยว่าเขาฟื้นคืนสติแล้ว แล้วก็ให้คนไข้พักสักหน่อย หลังจากนี้อาการน่าจะกลับมาดีขึ้นตามลำดับ ส่วนผลกระทบอื่น ๆ จากอาการช็อกจนหมดสติไม่น่าจะมีอะไรอีกแล้ว แต่ควรจะมาตรวจเขาตามเวลาปกติเพื่อยืนยันอีกครั้ง”

“ค่ะหมอ”

พยาบาลสาวตอบรับก่อนจะเดินออกไปด้านพร้อมกับหมอที่ออกไปด้วยเช่นกัน

เรย์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็มั่นใจได้อย่างหนึ่ง

ตอนนี้เรากำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล..

สายตาของเรย์กวาดไปรอบห้อง ที่นี่เป็นห้องเดี่ยว กำแพงทั้งหมดเป็นสีขาวฟ้า เพื่อให้คนไข้ไม่อึดอัด ที่หน้าต่างมีผ้าม่านบางเบาปิดบังแสงแดด ลมจากภายนอกพัดผ่านเข้ามาในห้องเป็นบางครั้งทำให้อากาศในห้องไม่อับชื้นมากนัก

ด้านข้างมีโต๊ะ ซึ่งมีเหยือกน้ำและแก้วหนึ่งใบวางไม่ห่างพอให้เรย์เอื้อมถึง

นอกจากนั้นยังมีแจกันที่มีดอกไม้สดใหม่อยู่ด้วย ดอกไม้พวกนั้นคือดอกเดซี่และดอกทานตะวันที่แทนความสุขมีดอกลิลี่สีเหลืองที่แทนความห่วงใยผสมอยู่ด้วย

สายตาของเรย์กลับมาที่เดิมก่อนจะรวบรวมสติคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...

ทำไม? ถึงจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย...

โอ๊ย! ปวดหัวเป็นบ้าเลย...

เรย์พยายามคิดว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่นี่ แต่แล้วชายหนุ่มก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยจึงทำเพียงนอนพักผ่อนด้วยความอ่อนล้า

เรย์หลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่พยาบาลเข้ามาป้อนยาให้กับเขา

หลังจากกินยาเสร็จ เรย์ก็หันหน้าไปมองทางหน้าต่าง

ด้านนอกหน้าต่างแสงแดดเริ่มเบาลง มีลมเย็น ๆ พัดผ่านมาบ้างเล็กน้อย นาฬิกาที่ติดอยู่บนผนักห้องคนไข้ เข็มชี้ไปที่เลข 5 แล้ว

เราหลับมาทั้งวันเลยสินะ...

ตอนนี้อาการปวดละมึนงงทั้งหมดหายไปแล้ว จะเหลือก็แต่ร่างกายที่ยังไร้เรี่ยวแรงอยู่

หิวชะมัดเลย...เราอยู่ที่นี่มากี่วันกัน ทำไมเหมือนไม่ได้กินอะไรมาหลายวันเลย

เรย์ลูบทองไปเบา ๆ ซึ่งกำลังส่งเสียงโครกคราก...ออกมาเบา ๆ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พยาบาลสาวผู้ดูแลเรย์ถือถาดอาหารเข้ามาด้านในอีกครั้ง

พยาบาลสาวเดินเข้ามาใกล้เรย์พร้อมกับยกโต๊ะที่ใช้สำหรับรับประทานอาหารให้คนป่วยโดยเฉพาะมาวางข้าง ๆ บนเตียง ก่อนที่พยาบาลสาวจะทำการเปิดถาดอาหาร ในนั้นมีเพียงอาหารอ่อน อย่างพวกโจ๊กหมูจืด ๆ เท่านั้น

“คุณพึ่งฟื้นตัว ดังนั้นควรจะกินอาหารอ่อนก่อน”

“คุณเป็นพยาบาลส่วนตัวของผมเหรอ” เรย์ถามด้วยความสงสัย สายตาเขาไม่ได้มองไปที่อาหารแม้แต่น้อย ตอนนี้กำลังมองพยาบาลสาวแสนสวยอายุราว ๆ 27 รูปร่างสูงคล้ายนางแบบ มีเส้นผมสีดำเงาถูกรวบมัดเป็นหางม้าทางด้านหลัง เข้ากับใบหน้ารูปไข่ของเธอเป็นอย่างยิ่ง

ดวงตาที่อ่อนหวานตามแบบมืออาชีพด้านบริการของพยาบาลสาว แต่ทันทีที่สบตากับพยาบาลสาวเรย์ก็รีบหลบสายตาด้วยความอาย

พยาบาลสาวสวยยิ้มออกมาอย่างพอใจกับท่าทีของเด็กหนุ่ม เธอไม่ได้คิดมากที่เด็กหนุ่มอายุ 17 จะมองเธออย่างเหม่อลอยและเขินอาย เพราะนั้นทำให้เธอมั่นใจในตัวเองว่ามีเสน่ห์ล้นเหลือแม้แต่กับเด็กหนุ่ม

“ฉันเป็นพยาบาลที่ คุณริชาร์ด พี่ชายของคุณจ้างให้มาดูแล เรื่องนั้นอีกสักพักเดี๋ยวพี่ชายของคุณก็แล้ว เรามารับประทานอาหารเย็นกันก่อนที่คุณจะเป็นลมดีกว่า” พยาบาลสาวสวยพูดด้วยรอยยิ้มตักโจ๊กแค่ปลายช้อนก่อนจะป้อนให้กับเรย์

พยาบาลสาวขยับเข้ามาใกล้เรย์เล็กน้อย พร้อมกับยืนมือเข้ามาใกล้ นั้นทำให้เรย์ได้กลิ่นน้ำหอมของเธออย่างชัดเจนกว่าเดิม เด็กหนุ่มดูเขินอายพอสมควรแต่ก็ไม่เบือนหน้าหนี เขานึกถึงคำบอกของมาคัส บิดาของตัวเองอย่างขึ้นใจ ‘อย่าได้แสดงความกลัวเมื่อมีสาวสวยเข้าใกล้’

เรย์อ้าปากช้า ๆ กินโจ๊กที่ร้อนกำลังดีไปสองสามคำสลับกับน้ำ

จืดชืดจนไร้รสชาติเลยแฮะ แต่ก็อร่อยสุด ๆ ไปเลย

หลังจากกินโจ๊กในชามจนเกือบหมด ก็ทำให้ชายหนุ่มมีแรงขึ้นมาบาง

“ขอบคุณครับ...” เรย์ขอบคุณพยาบาลสาวสวย แต่พอนึกดูก็ไม่รู้จักชื่อของเธอ แต่ก็ไม่กล้าถามออกไป

“ไม่เป็นอะไรคะ” พยาบาลสาวเก็บถาดอาหารเดินออกไป

เรย์พักผ่อนได้แค่พัก ชายที่ชื่อ ริชาร์ด ซึ่งเป็นพี่ชายของเรย์ก็เดินเข้ามาในห้องพยาบาล พร้อมกับนายตำรวจสองคน

“เป็นอย่างไรบ้าง” ริชาร์ดถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อมองสภาพที่อ่อนแรงของน้องชาย

“ดีขึ้นมากแล้ว ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เรย์ถามเข้าประเด็นในทันที

คำถามของเรย์ทำให้ริชาร์ดเงียบลง ดูเหมือนว่าเรย์จะเสียความทรงจำระยะสั้นไป ซึ่งตรงนี้เรย์ก็พอจะรู้ตัวไม่อย่างนั้นคงไม่พยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นที่ผ่านมา

“ขอโทษครับ...แต่พวกผมของสอบถามน้องชายของคุณสักครู่ก่อนได้ไหม” ตำรวจไว้หนวดยาว วัยสามสิบกว่า ๆ ที่บ่ามีดาวสามดวงเดินเข้ามาหาเรย์ ดูท่าทางนายตำรวจทั้งสองจะรีบไม่น้อย

“เชิญ” ริชาร์ดหลบไปด้านข้าง

“สวัสดี ผมผู้กองฟินทันผู้ทำคดีโศกนาฏกรรมเลือดที่บ้านตระกูลเรนเดล” ฟินทันแนะนำตัวและตรงเข้าประเด็นโดยไม่เสียเวลาในทันที

เรย์ได้ยินก็อึ้งไป...

โศกนาฏกรรมเลือดที่บ้านตระกูลเรนเดล! นี่มัน...อะไรกันว่ะ

เรย์มองอย่างสับสนไปที่ผู้กองฟินทันสลับกับริชาร์ด เขาอยากจะให้ใครอธิบายให้ฟังหน่อย

“คุณอาจจะจำไม่ได้ แต่ลองดูรูปพวกนี้อาจจะช่วยให้นึกอะไรออก” ฟินทันดึงรูปออกจากซองกระดาษแข็งและวางมันลงต่อหน้าของเรย์ เด็กหนุ่มหยิบรูปขึ้นมามองด้วยความตกใจ ใบหน้าแสดงความกลัวออกมา แต่ที่มากกว่านั้นคือความเศร้า เขาพึมพำออกมาเบา ๆ ว่า

“พวกเขา...ตายหมดแล้ว”

จู่ ๆ เรย์ก็เหมือนจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“นอกจากทุกคนตอนนั้นยังมีใครอยู่อีกไหม...” ฟินทันถามกดดันเรย์ต่อ เรย์เงียบลงถือรูปในมืออย่างสั่นเทาก่อนจะนึกออกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ภาพหลายอย่างพุ่งเข้ามาในหัวอย่างรุนแรง เรย์ยกมือขึ้นมาจับศีรษะอย่างเจ็บปวด

มันคล้ายมีมือที่มองไม่เห็นยื่นเข้ามาจากนั้นก็กวนสมองเขาไปมา

“อึก...พวกมันคือ...ซากศพ...มีซากศพเดินได้ มันฆ่าทุกคนจากนั้นก็มีกลุ่มชายชุดดำ...ไล่ฆ่าพวกมัน” เรย์จำได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว มีซากศพเดินได้ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากตรงไหน พวกมันตรงเข้ามาจู่โจมคนงานที่อยู่กับมาคัส บิดาของเขาจากนั้นคนที่ถูกกัดก็ลุกขึ้นมาเข่นฆ่าคนอื่น

ตอนนั้นเรย์พยายามจะเข้าไปช่วยพ่อกับแม่ของเขา แต่ทั้งสองอยู่ ๆ ก็หายไปในรอยแยกมิติ ซึ่งเรย์ก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าแบบนั้นหรือเปล่า แต่นั่นเป็นเพียงคำอธิบายเดียวที่เขาสามารถนิยามให้กับสิ่งที่เห็นได้

หลังจากนั้นก็มีซากศพตัวหนึ่งวิ่งไล่ฆ่าตนเอง เรย์ไม่มีทางเลือกได้แต่หนีเข้าไปหลบในห้องน้ำ แต่ซากศพพวกนั้นก็ตามมาพังประตู เรย์จำสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ได้อย่างแม่นยำ เพราะหลังจากนั้นร่างของซากศพติดกับซากประตูห้องน้ำ แต่ซากศพก็ยังไม่ยอมแพ้มันคลานด้วยแรงทั้งหมด สุดท้ายร่างของมันขาดครึ่ง ลำไส้และเลือดสีดำไหลไปตามพื้นห้องน้ำ

เรย์จำได้ว่าตนเองพยายามใช้ทุกอย่างที่หาได้ฆ่ามัน แต่สุดท้ายตอนที่ยื้อฉุดกระชากกับซากศพหัวเขาก็กระแทกกับผนังอย่างแรงจนล้มลง ในตอนนั้นก็มีพวกชายชุดดำเข้ามาและสู้กับซากศพเดินได้และนั้นคือภาพที่เรย์เห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมดสติไป

เรย์ตกอยู่ในห้วงความคิดอยู่นานจนทั้งฟินทันและริชาร์ดกับนายตำรวจอีกคนสังเกตุเห็น

“คุณนึกออกแล้วใช่ไหม ถ้างั้นบิดาของคุณ มาคัส เรนเดลและเรญ่า เรนเดล มารดาของคุณพวกเขาหายไปไหน เพราะเราไม่พบศพของเขา ซึ่งจากการสอบสวนพวกเขาอยู่ในบ้านขณะเกิดเรื่องอย่างแน่นอน”

“พ่อกับแม่...ทั้งสองหายไปในรอยแยก...” เรย์พูดออกมาอย่างเหม่อลอย มันไม่อาจจะช่วยทั้งสองคนได้ เรย์รู้สึกเจ็บปวดมาก บางที่นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เรย์ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้

“ผมว่าเราพอแค่นี้กันก่อนดีกว่า...” ริชาร์ดกล่าวขึ้นมา

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ หลังจากคุณหายดีแล้วเราจะแวะไปสอบถามใหม่” ฟินทันกล่าวขอบคุณเรย์ที่ให้ปากคำ

“ผมจะไปส่งพวกคุณทั้งสอง”

ริชาร์ดเดินออกไปส่งตำรวจทั้งสองนาย ในแต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็มีชายชุดดำเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูมองดูเรย์อยู่เงียบ เรย์มองไปที่ชายคนนั้นด้วยความตะลึง เพราะมันเคยเห็นหน้าเขามาก่อน เขาคือหนึ่งในคนที่อยู่ในความทรงจำตอนเกิดเรื่องเหล่านั้น ชายชุดดำดูเหมือนจะเห็นว่าเรย์จำหน้าตนได้ จึงหันหลังและเดินกลับไป

โดยในระหว่างทางนั้นชายชุดดำได้หยิบเอาเลือดของเรย์ไปด้วย ซึ่งเป็นเลือดที่ทางหมอได้เจาะไว้ก่อนหน้านั้นไม่นาน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด