336 - พระจันทร์สีเลือด
336 - พระจันทร์สีเลือด
สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกครุ่นคิดขณะมองดูเตาเทพอัคคีที่เปลี่ยนรูปร่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะกล่าวว่า
“ข้ารู้สึกว่าเตาทองแดงนี้น่าจะเป็นของเลียนแบบเตาเทพสุริยัน แม้ว่าพลังของมันจะเทียบไม่ได้กับของวิเศษชิ้นนั้นแต่ก็แข็งแรงอย่างยิ่ง”
“มันน่าอัศจรรย์ถึงขนาดนั้นเลยหรือ?” หลี่เต๋อซ่งตกตะลึง
"พลังศักดิ์สิทธิ์ของมันย่อมไม่สามารถเทียบได้กับเตาเทพสุริยัน แต่ข้ารู้สึกว่าความยืดหยุ่นของมันก็คงไม่ด้อยกว่าเท่าไหร่"
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและเหยาซีไม่ได้สนใจความศักดิ์สิทธิ์ของเตาทองแดงเทพอัคคี พวกเขายังคงอัดพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในหม้อเพื่อหลอมละลายร่างกายของปีศาจร้ายตัวนั้น
“ทุกคนช่วยกันขัดเกลาเจ้าสาระเลวนี่ สถานที่แห่งนี้ไม่ควรอยู่นาน”
เมื่อได้ยินคำพูดของบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเย่ฟ่านและคนอื่นๆก็กระโดดขึ้นไปบนปากเตาพร้อมกับปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาในทันที
“ว้าว ว้าว!”
เสียงคำรามที่สิ้นหวังนั้นอ่อนลงเรื่อยๆ เตาหลอมก็ส่องแสงเจิดจ้าอย่างถึงที่สุดเช่นกัน
ในเวลานี้บนปากของเตาเทพอัคคีมีทั้งดวงอาทิตย์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงรวมทั้งดวงอาทิตย์ที่ปรากฏออกจากมือของเย่ฟ่านทำให้เตาทองแดงร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
“เฮ้ ลวดลายของเตาหายไปแล้ว” หลี่เต๋อซ่งอุทาน
"เตานี้ไม่ธรรมดาจริงๆ" ใบมีดผุกระซิบด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
เครื่องหมายอักขระเต๋าโบราณที่มีอยู่รอบๆเตาในครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะถูกดูดกลืนเข้าไปข้างในเพื่อหลอมกลั่นปีศาจร้ายอีกแรงหนึ่ง
ผู้คนรู้สึกว่าอุณหภูมิของเตาหลอมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็ถูกสูบออกไปราวกับเขื่อนแตก
สิ่งมีชีวิตที่ไม่ปรากฏชื่อกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าและในที่สุดก็นิ่งเงียบอย่างสมบูรณ์
เตาทองแดงเทพอัคคีที่เคยบิดเบี้ยวได้กลับสู่สภาพปกติอีกครั้งนั่นรวมถึงเครื่องหมายอักขระต่างๆที่อยู่รอบๆด้วย
เมื่อเตาพลิกกลับขี้เถ้าสีดำทะลักออกมาและสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักก็กลายเป็นเพียงเถ้าธุลีที่ผู้คนจะลืมเลือนไปยังรวดเร็ว
“หากพวกเราออกไปได้เจ้ายินดีจะขายเตาตัวนี้ให้ข้าหรือไม่?”
หลี่เต๋อซ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เย่ฟ่านจะขายเตาทองแดงเทพอัคคี เขาเพียงพูดด้วยมุกตลกเท่านั้น
เย่ฟ่านกวักมือเรียกเตาทองแดงให้ลอยมาที่มือของเขาในขณะที่ขนาดของมันลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือเท่าหัวนิ้วมือ
“นักพรตเรื่องนี้ข้าพูดจริงจัง เจ้ายินดีจะขายเตาทองแดงนี้หรือไม่ข้าจะซื้อมันในราคาต้นกำเนิดหนึ่งหมื่นจินเมื่อเราออกไปได้สำเร็จ”
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงกล่าวด้วยรอยยิ้มแต่สายตาของเขาจริงจังเป็นอย่างมาก
เย่ฟ่านส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธจากนั้นเขาทำทีเป็นเก็บเตาเทพอัคคีเข้าไปในอกเสื้อ แต่ในความเป็นจริงมันได้หายเข้าไปในทะเลแห่งความทุกข์ของเขาแล้ว
“ไปเถอะ หากเราอยู่ที่นี่ต่อไม่รู้ว่าตัวอะไรจะโผล่มาอีก” เย่ฟ่านกล่าวเบาๆ
"ถูกต้องยิ่งอยู่ที่นี่นานค่ายิ่งรู้สึกไม่สบายใจ" ใบมีดผุเห็นด้วย
"มีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่มันอาจจะกระตุ้นความสนใจของสิ่งมีชีวิตทรงพลังที่อยู่ในเหมืองโบราณก็ได้" สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกก็พยักหน้าเช่นกัน
สิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่นปีศาจร้ายเมื่อสักครู่ แม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะมันได้สำเร็จ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องอาศัยโชคมหาศาลเช่นกัน
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นระรัว ปีศาจร้ายเมื่อสักครู่นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้พิทักษ์ของต้นกำเนิดสวรรค์ที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินในบริเวณนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องการออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
"ไปเร็ว"
ทั้งหกคนบินจากไปโดยไม่กล้ารีรอ
…………
“ข้างหน้ามีอะไรบางอย่าง”
ที่ขอบฟ้ามีเงาสีดำขนาดใหญ่ทอดยาวปิดกั้นพื้นที่มากกว่าสิบลี้ซึ่งยากที่พวกเย่ฟ่านจะมองไม่เห็น
“มันเป็นพื้นที่ซากปรักหักพังขนาดใหญ่”
นั่นเป็นโบราณสถานที่กว้างใหญ่ไพศาล มีซากกำแพงและอาคารกระจัดกระจายอยู่มากมาย หากเป็นช่วงเวลาปกติก่อนหน้านี้พวกเขาคงไม่ลังเลที่จะเข้าไปค้นหาสมบัติแล้ว
"อ้อมไปดีกว่า"
ทุกคนไม่ต้องการสร้างปัญหาเพิ่มเติมดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยง ทั้งหกคนเลือกที่จะไปทางขวาและต้องการอ้อมผ่านซากปรักหักพังให้ไกลมากที่สุด
ทันใดนั้นกลิ่นไอเย็นเหยียบก็จู่โจมแผ่นหลังของทุกคนอย่างรวดเร็ว
“มีใครกำลังตามเรามา!” หลี่เต๋อซ่งตกใจใบหน้าของเขาซีดขาว
ทั้งหกคนมองย้อนกลับไปที่ด้านหลังและภายในระยะสิบลี้จากพื้นดินมีเงาสีดำที่คล้ายกับเส้นผมของมนุษย์กำลังไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว
"นี่คืออะไร?"
“โฮก!”
ในขณะนั้นเสียงคำรามก็ดังขึ้นมาจากพื้นดิน จากเสียงที่ทุกคนได้ยินนั้นมันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและกระหายเลือดอย่างรุนแรง
"ไปเร็ว!"
พวกเขาไม่มีความคิดที่จะต่อสู้แม้แต่น้อย เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้แม้จะยังไม่ปรากฏตัวออกมาแต่รับรองได้ว่าน่ากลัวยิ่งกว่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
ทางเลือกของพวกเขามีเพียงการหนีเท่านั้น ต่อให้คิดจะสู้ก็ทำไม่ได้
ทั้งหกคนวิ่งอย่างดุเดือดในขณะที่สิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักตัวนั้นไล่ตามมาติดๆ
โฮก!
ข้างหลังพวกเขาสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่น่าสยดสยองร่างกายสูงใหญ่กว่าสิบวาทลายพื้นดินสีแดงออกมาทำให้เศษฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว
มันส่งเสียงคำรามดังก้องแต่ไม่ได้ไล่ตามพวกเขามาอีก หลังจากจ้องมองทุกคนอยู่ครู่หนึ่งมันก็คลานกลับลงไปในดินและหายสาบสูญไปอย่างรวดเร็ว
“มันทำอะไรอยู่” หลี่เต๋อซ่งงงงวย
“ทุกคน เราเจอปัญหาใหญ่แล้ว!”
ทันใดนั้นคิ้วของเย่ฟ่านก็ขมวดเข้าหากันในขณะที่ใบหน้าของเขาซีดขาวเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากหลบหนีมาด้วยความยากลำบากในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ดินแดนอันตรายอีกครั้ง
“ทำไมหรือ? อย่าบอกนะว่านี่ก็เป็นดินแดนมรณะอีก?” หลี่เต๋อซ่งถาม
“ไม่ผิดอย่างแน่นอน นี่คือดินแดนต้องห้ามจริงๆถ้าพวกเจ้าใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดออกไปรอบๆพวกเจ้าจะมองเห็นความผิดปกติบางอย่าง”
"พระจันทร์สีเลือด" สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกอุทาน
“พระจันทร์สีเลือดแสดงออกถึงพลังหยินที่รุนแรง” เหยาซีก็แสดงออกถึงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน
“มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่” ใบมีดผุถาม
"นี่คือถ้ำจันทราโลหิตในตำนาน มันเป็นดินแดนที่ตลบอบอวลไปด้วยพลังหยินที่รุนแรงที่สุด" เย่ฟ่านตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
ด้านบนศีรษะของพวกเขามีพระจันทร์เต็มดวงที่มีสีเหลืองนวลงดงาม แต่เมื่อแสงของมันตกกระทบดินมันกลับส่องสะท้อนเป็นดวงจันทร์สีแดงฉานที่น่ากลัวอย่างถึงที่สุด
"ใต้ดินนี้ ...... มีอะไร?" หลี่เต๋อซ่งถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
เย่ฟ่านไม่ตอบ นี่คือ "ถ้ำจันทราโลหิต" ที่มีชื่อเสียง สิ่งที่อยู่ใต้ดินนั้นไม่เคยมีใครรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เพราะทุกคนที่พบเจอมันล้วนเสียชีวิตหมดแล้ว
“พระจันทร์สีเลือดบนพื้นดินและถ้ำที่อยู่ด้านล่าง บางทีมันอาจจะเป็นที่เก็บสมบัติโบราณก็ได้”
หลี่เต๋าซ่งกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว ถึงเขาจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
“ข้ารู้แล้วว่าทำไมสัตว์ร้ายที่อยู่ข้างหลังเราจึงถอยกลับ เพราะมันหวาดกลัวต่อถ้ำจันทราโลหิตนี้อย่างแน่นอน” ใบมีดผุอุทานออกมา
ตอนนี้ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขากำลังมีปัญหาใหญ่ หากพวกเขาเดินออกจากที่นี่ก็มีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าประมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์จะดักรอพวกเขาอยู่ด้านนอก
แต่หากพวกเขาเดินต่อไปใครจะรู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะจบลงแบบไหน
“น้องชายนักพรตเจ้ามีวิธีพาพวกเราหนีหรือไม่” หลี่เต๋อซ่งวางความหวังทั้งหมดไว้กับเย่ฟ่าน
“ทำได้เพียงอ้อมไปเท่านั้น หวังว่าสวรรค์คงเมตตาให้พวกเราไม่ไปกระตุ้นสิ่งที่อยู่ในถ้ำจันทราโลหิต!”
ความหวังนี้เลือนลางอย่างยิ่ง พระจันทร์สีเลือดอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงลี้หากมีสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งอยู่ด้านล่างจริงๆมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าสิ่งนั้นจะไม่สัมผัสถึงตัวตนของพวกเขา