1075-1076
9/10
Ep.1075
“งานประลองของหมื่นเผ่าพันธุ์จัดขึ้นเป็นเวลาสิบวัน นี่แค่ช่วงวันแรกๆ หากเจ้าก้าวเท้าสู่สังเวียนประลองแล้ว ต้องเผชิญหน้ากับการถูกท้าประลองไม่รู้จบ ต่อให้มีกำลังรบมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทนรับการท้าทายอย่างต่อเนื่องได้”
“ดังนั้น ผู้ที่ต้องการแย่งชิงตราหยกกำเนิดเซียน จึงก้าวเข้าสู่สังเวียนประลองในวันสุดท้ายเท่านั้น” เฉินฉางอธิบาย
“งั้นข้าขอขึ้นไปเป็นคนแรกแล้วกัน” ซูเฉินกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
เวลามีค่ามากสำหรับเขา ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากเสียมันไป
ได้ยินแบบนั้น เผ่ามนุษย์ทั้งหมดตกตะลึง จากคำพูดของซูเฉิน คือต้องการจะสื่อว่าอยากจะขึ้นสังเวียนประลองใช่หรือไม่?
ทว่านับแต่งานประลองหมื่นเผ่าพันธุ์จัดขึ้น ไม่มีมีใครจากเผ่ามนุษย์ขึ้นสังเวียนมาก่อนเลย เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะเผ่ามนุษย์อ่อนแอเกินไป การขึ้นสังเวียนประลองเท่ากับเป็นการมอบความอัปยศแก่ตนเอง และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้!
ที่พวกเขามาที่นี่ หลักๆก็เพราะต้องการเปิดหูเปิดตาเท่านั้น เรื่องบนสังเวียนพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
“ซูเฉิน นี่เจ้าคิดจะขึ้นไปสู้บนสังเวียนงั้นหรือ?” เฉินฉางได้สติกลับมา ลองถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบ
เขาคิดว่าตนเองคงหูฝาดไป หรือถ้าได้ยินจริงๆ ซูเฉินคงแค่ล้อเขาเล่น
“ใช่” ซูเฉินยอมรับตรงๆ
“เจ้าหมอนี่มันบ้าไปแล้วใช่ไหม?”
“เขาเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่ออกมาจากป่าลึก เลยยังไม่เคยเห็นความโหดร้ายบนสังเวียน!”
“เจ้าหมอนี่ต้องอยากตายขนาดไหนกัน? แต่ต่อให้อยากตาย ก็ไม่น่าจะหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้ ถูกไหม?”
ในคราเดียว เผ่าพันธุ์มนุษย์รอบๆเริ่มสนทนากัน ทั้งหมดต่างเห็นพ้อง ว่าเมื่อซูเฉินก้าวสู่สังเวียน ต้องพบจุดจบอันน่าอนาถเป็นแน่
เฉินฉางกลืนน้ำลาย เหม่อมองซูเฉินอย่างตะลึงงัน พยายามเกลี้ยกล่อม “ซูเฉิน แม้ตราหยกกำเนิดเซียนจะเป็นของดี แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เผ่ามนุษย์เราจะครอบครองได้ เจ้าอย่าได้วู่วาม!”
ผู้ที่กล้าขึ้นสังเวียนประลอง ล้วนเป็นระดับสูงจากแต่ละเผ่าพันธุ์ แน่นอนว่าพวกเขาต้องเป็นคนที่มีกำลังรบในขั้น 10
ขณะที่ซูเฉินดูจากหน้าตาอายุคงแค่ราวๆ 20 ปีเท่านั้น ฐานฝึกตนจะสูงส่งสักแค่ไหนเชียว? หากขึ้นไปบนสังเวียน เกรงว่าแค่ถูกมองคงช้ำในตายแล้ว
“ไม่เป็นไร ก็แค่ฝูงมดปลวกเท่านั้น” ซูเฉินกล่าวเสียงเรียบ
ในลำดับชั้นเดียวกัน เขาคือตัวตนอันคงกระพัน หากให้ปฏิบัติต่อเหล่าศัตรูเฉกเช่นเดียวกับมดปลวก นับว่าไม่มากเกินไป
ฝูงมดปลวก?
เฉินฉางเบิกตากว้าง การแสดงออกทางสีหน้าตะลึงงัน เผ่ามนุษย์คนอื่นก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน
เดิมที พวกเขาแค่รู้สึกว่าซูเฉินบ้าไปหน่อย แต่ไม่นึกเลยว่าซูเฉินจะเป็นคนจองหองเช่นนี้
ที่นี่มีผู้ฝึกตนจากเผ่าต่างๆนับหมื่น อีกทั้งยังมีผู้ฝึกตนขั้น 10 มากกว่า 500 คน แต่ซูเฉินกลับเอ่ยปากว่าพวกเขาก็แค่มดปลวก?
นี่มันจะอวดดีมากไปหน่อยแล้ว!
“ซูเฉิน หยุดโม้เสียที! เจ้ารู้ไหมว่าผู้ฝึกตนขั้น 10 ทรงพลังเพียงใด? อย่าได้ทำเป็นเรื่องล้อเล่น!” ชายร่างเตี้ยที่มีหน้าตาอัปลักษณ์กล่าว
เขาชื่อหวังตง เป็นผู้ฝึกตนขั้น 6 อายุเพียง 25 ปี ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเผ่ามนุษย์ในที่นี้
ซูเฉินดูไม่แก่กว่าเขา ฉะนั้นฐานฝึกตนต้องไม่สูงเท่าเขาอย่างแน่นอน กระนั้น กลับกล้าเอ่ยวาจาใหญ่โตอย่างไม่ละอาย ทำให้เขาเกิดความดูแคลนและไม่พอใจมาก
“ซูเฉิน! หากเจ้าอยากขึ้นไปตายบนสังเวียน ไม่มีใครห้ามเจ้า แต่จงจดจำไว้เรื่องหนึ่ง นั่นคือเจ้ามิใช่ผู้เดียวที่ได้รับความอัปยศ แต่คือตัวแทนของทั้งเผ่ามนุษย์เราด้วย ฉะนั้นจงไสหัวกลับเข้าป่าของเจ้าไปเสีย!” ชายวัยกลางคนในขั้น 8 ตำหนิเขา
ซูเฉินเหลือบมอง เบ้ปากใส่ หันกลับมาพูดกับเฉินฉางว่า “เฒ่าเฉิน ถ้าผู้ฝึกตนขั้นต่ำด่าทอผู้ฝึกตนขั้นสูงให้เกิดความอับอาย ต้องโดนลงโทษยังไง?”
โลกใบนี้ เป็นโลกของผู้ฝึกตน นอกจากนี้ยังเป็นโลกที่เคารพนับถือผู้แข็งแกร่งแล้ว คนอ่อนแอต้องนอบน้อมเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งด้วย
หากผู้อ่อนแอล่วงเกินผู้แข็งแกร่ง จักต้องชดใช้ด้วยชีวิต ทุกคนในที่นี่ต่างรู้เรื่องนี้ดี แต่จู่ๆซูเฉินก็เอ่ยถามออกมา นี่มันเรื่องอะไรกัน?
อย่าบอกนะว่าฐานฝึกตนของเขาสูงกว่าขั้น 8?
แต่ซูเฉินดูยังไงก็ยังเยาว์วัย แล้วฐานฝึกตนของเขาจะสูงกว่าขั้น 8 ได้อย่างไร? เช่นนั้นแล้วไฉนเขาถึงถามเช่นนี้?
“ซูเฉิน เจ้าอยู่ขั้นไหน?”
เฉินฉางสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจหันมาสอบถาม
10/10
Ep.1076
“ขั้น 10” ซูเฉินกล่าวอย่างสงบ
แม้เขาจะยกระดับไปสูงถึงระดับเทวะขั้น 7 แล้วก็ตาม แต่เนื่องจากถูกอำนาจเขตแดนสะกดไว้ ตอนนี้เลยอยู่แค่ขั้น 10 เท่านั้น
ขั้น 10?
เผ่ามนุษย์โดยรอบตะลึงงันไปพักหนึ่ง ก่อนพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ซูเฉินอายุแค่ประมาณ 20 ปีเท่านั้น กล้าดียังไงมาเรียกตัวเองว่าผู้ฝึกตนขั้น 10 สงสัยว่าเขาจะเป็นคนบ้าจริงๆ
ไม่ต้องกล่าวถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ไม่สามารถมีอัจฉริยะเช่นนี้ได้ แต่กระทั่งในบรรดาหมื่นเผ่าพันธุ์ ก็ยังไม่มีใครสามารถบรรลุขั้น 10 ได้ในวัยเดียวกับซูเฉิน
ณ เวลานี้ ทุกคนต่างดูถูกดูแคลนเขา
พวกเขาเคยเห็นคนอวดเก่งมาก็มาก แต่คนที่ขี้โม้เท่าซูเฉิน เป็นอะไรที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลย
“ซูเฉิน! ถ้าไม่โกหกสักประโยคเจ้าจะตายไหม? หากเจ้าเป็นผู้ฝึกตนขั้น 10 จริงๆ ข้ายินดีบิดหัวตัวเอง แล้วนำไปมอบให้เจ้าเลย!” หวังตงกล่าวเยาะเย้ยถากถาง
ส่วนฉางเฉิน แม้จะไม่พูดอะไร แต่สีหน้าของเขาดูไม่ดีเช่นกัน
เขานึกไม่ออกจริงๆว่าซูเฉินจะเป็นผู้ฝึกตนขั้น 10 ได้อย่างไร
ซูเฉินหรี่ตาลง มองหวังตง มุมปากเขายกโค้งขึ้นเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมาย “คำที่พูดออกมา อย่าได้เสียใจภายหลังเชียวล่ะ”
“เสียใจน้องสาวเจ้า! เจ้ามันก็แค่ ...” ถูกซูเฉินยั่วโมโหประโยคแล้ว ประโยคเล่า หวังตงโกรธมาก ขณะที่กำลังจะด่าทอต่อ เขาพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันบ้าคลั่งแผ่ออกมาจากร่างของซูเฉิน
กลิ่นอายนี้ลุกฮือขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในชั่วพริบตาก็มาถึงขั้น 10 อีกทั้งแรงกดดันที่แผ่ออกมา ยังทรงพลังกว่าเฉินฉางหลายเท่า
รู้สึกได้ถึงสิ่งนี้ หวังตงราวกับเห็นผี คำพูดที่เหลือในปากถูกกลืนกลับลงไป
“ชั้น 10?”
“โอ้สวรรค์! ซูเฉินคือผู้ฝึกตนขั้น 10!”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ เหล่าคนเผ่ามนุษย์ต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ภายในหัวใจของพวกเขาคล้ายเกิดคลื่นลูกใหญ่
ตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ พวกเขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย ว่าซูเฉินจะเป็นผู้ฝึกตนขั้น 10 จริงๆ
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างกลายเป็นเฉื่อยชา
ซูเฉินปาดจมูกเขา หันไปมองหวังตง กล่าวหยอกเย้า “ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้วกระมัง?”
“ฮ๊าาาา” หวังตงอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อตอบสนอง ใบหน้าของเขาซีดเผือด
สิ่งที่เมื่อครู่ตนพูดออกมาก็คือ ตราบใดที่ซูเฉินเป็นผู้ฝึกตนขั้น 10 เขาจะบิดหัวตัวเอง
ตอนนี้ตัวตนในฐานะผู้ฝึกตนขั้น 10 ของซูเฉินถูกเปิดเผยแล้ว นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องทำตามจริงๆหรอกหรือ?
ยังไงก็ตาม เขาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในเผ่าพันธุ์มนุษย์เชียวนะ! แล้วจะให้ยอมตายได้อย่างไร?
“ซูเฉิน ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น อย่าได้คิดเป็นจริงเป็นจังไป”
หวังตงกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ค่อยๆผลุบกายหลบไปด้านหลังเฉินฉาง
ในความคิดของเขา ด้วยสถานะอัจฉริยะอันดับหนึ่งนี้ เฉินฉางย่อมไม่มีวันนิ่งเฉย
เป็นจริงดังคาด เฉินฉางออกหน้าขอร้องแทนหวังตงจริงๆ
“ซูเฉิน สิ่งที่หวังตงพูดไม่ถูกก็จริง แต่เจ้าอย่าได้ไปถือสาเขาเลย”
ซูเฉินไม่สนใจ แค่นเสียงเบาๆ “คนที่ข้า ซูเฉินต้องการสังหาร ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจห้ามได้! หวังตง! ถ้าเจ้าไม่เด็ดหัวตัวเอง ข้ายินดีทำแทนให้!”
“ผู้อาวุโส ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”
หวังตงหวาดกลัวจนฉี่ราด เขารู้ดี ว่าหากซูเฉินยังยืนกรานที่จะฆ่าเขา มีเพียงเฉินฉางเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาได้
เฉินฉางตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะท้ายที่สุดแล้วซูเฉินคือผู้ฝกตนขั้น 10 เดิมทีเขาไม่อยากมีปัญหา แต่หวังตงเองก็เป็นอัจฉริยะเผ่ามนุษย์เช่นกัน อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะยกระดับสู่ขั้น 10 ได้ในอนาคต
ผู้ฝึกตนขั้น 10 มีความสำคัญต่อเผ่ามนุษย์มาก ดังนั้นเขาไม่สามารถทนดูเฉย
“ซูเฉิน เห็นแก่หน้าข้า อย่าสังหารหวังตงเลย” เฉินฉางกัดฟันกล่าว
ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวอย่างเฉยเมย “ด้วยอุปนิสัยของข้า ในอดีตที่ผ่านมา ผู้ใดเยาะเย้ยข้าล้วนต้องตาย! เวลานี้ สังหารหวังตงเพียงคนเดียว นับว่าไว้หน้าท่านแล้ว!”
“นี่น่ะหรือไว้หน้าข้า?”
เมื่อเห็นว่าซูเฉินไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ เฉินฉางอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี