1073-1074
7/10
Ep.1073
หัวใจของซูเฉินเริ่มเต้นแรง นำ [รถศึกอัจฉริยะ] ออกมาและสั่งว่า “เสี่ยวจือ สำรวจทิศทางที่เสี่ยวชิงชี้ไป”
“เจ้านาย ที่ราบที่สแกนเจอก็อยู่ทางนั้น” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบทันที
เอ๋?
ซูเฉินเลิกคิ้วขึ้น บนที่ราบมีผู้ฝึกตนนับหมื่นกำลังชุมนุมกันอยู่ อย่าบอกนะว่าที่สมุนไพรกำเนิดเซียนบอก จะเกี่ยวข้องกับเหล่าผู้ฝึกตน?
ซูเฉินตั้งข้อสงสัย ก่อนบอกให้ [รถศึกอัจฉริยะ] โอนภาพขึ้นไปบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง แล้วกล่าวว่า “เสี่ยวชิง ช่วยดูนี่หน่อย ของสำคัญที่นายว่าใช่ที่นี่รึเปล่า?”
เสี่ยวชิงเพ่งมองหน้าจอควบคุมส่วนกลางอยู่พักหนึ่ง แล้วจู่ๆก็ร้องด้วยความตื่นเต้นว่า “ใช่แล้วเจ้านาย! ของสำคัญที่ว่าคือตราหยก!”
ตราหยก?
ซูเฉินทวนคำ หรี่ตาลงและกวาดมองหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
เห็นแค่เพียงบนพื้นที่ราบ มีสังเวียนสูงตั้งตระหง่านอยู่ และรอบนอกรายล้อมไปด้วยเหล่าผู้ฝึกตน
เหนือสังเวียนประลอง มีตราหยกสีเหลืองชิ้นใหญ่แขวนอยู่ แม้มันจะกว้างหลายเมตร แต่คล้ายว่าจะอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์
“หรือว่าคนพวกนี้กำลังแย่งชิงตราหยกกันด้วยวิธีการประลอง?” ซูเฉินลองคาดเดาดู ก่อนกล่าวกับ [รถศึกอัจฉริยะ] ว่า “เสี่ยวจือ ฐานฝึกตนสูงสุดของผู้ฝึกตนกลุ่มนี้อยู่ขั้นไหน”
แม้เขาจะมั่นใจว่าที่นี่มีอำนาจเขตแดน แต่ระวังไว้ก่อนดีกว่าแก้ เพื่อความสบายใจ จึงให้ [รถศึกอัจฉริยะ] ช่วยสแกนแล้วตัดสิน
“ฐานฝึกตนสูงสุดคือ ผู้ฝึกตนขั้น 10 มีจำนวนทั้งสิ้น 527 คน” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบทันที
ซูเฉินพยักหน้า ถามต่อว่า “แล้วมีผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์อยู่บ้างไหม?”
“มี”
[รถศึกอัจฉริยะ] ตอบ ก่อนส่งภาพกลุ่มมนุษย์ขึ้นไปยังหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
ซูเฉินกวาดสายตาออกไป แต่กลับพบว่ากลุ่มเผ่ามนุษย์ มีคนอยู่เพียง 50-60 คนเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่นๆแล้ว ค่อนข้างมีจำนวนน้อย
มหาศึกเมื่อหมื่นปีก่อน เผ่ามนุษย์ประสบความสูญเสียอย่างร้ายแรง ตั้งแต่นั้นมาก็ถดถอยลง ท่ามกลางหมื่นเผ่าพันธุ์ค่อยๆกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอ
ซูเฉินไม่นึกเลย ว่าข้างในสถานที่สาบสูญ เผ่ามนุษย์ก็ยังคงอ่อนแอเฉกเช่นภายนอก เขาอดทอดถอนหายใจไม่ได้
ใช้เวลาสักพักเลยกว่าจะถามต่อว่า “เสี่ยวจือ แล้วผู้แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามนุษย์อยู่ระดับไหน?”
“มีผู้ฝึกตนขั้น 10 อยู่แค่คนเดียวเท่านั้น” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบกลับ
“อ่อนแอจริงๆ”
ซูเฉินถอนหายใจ มีผู้ฝึกตนขั้น 10 อยู่มากกว่า 500 คนบนที่ราบ แต่ในบรรดาคนเหล่านั้น กลับมีมนุษย์อยู่แค่คนเดียว นี่แสดงให้เห็นว่า เผ่ามนุษย์ที่นี่ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่กว่าเผ่ามนุษย์บนแผ่นดินใหญ่เสียอีก
ต่อมา เขาเก็บ [รถศึกอัจฉริยะ] และ สมุนไพรกำเนิดเซียนทั้งสอง บินตรงไปยังพื้นที่ราบ
เนื่องจากตราหยกสีเหลืองนั้นเป็นสิ่งที่สมุนไพรกำเนิดเซียนรู้สึกว่ามีความสำคัญ เขาจึงต้องไปคว้ามา
สำหรับผู้ฝึกตนที่นั่น เขาไม่เห็นพวกมันอยู่ในสายตา
อย่าเห็นว่าอีกฝ่ายมีขั้น 10 อยู่เป็น 500 คน แล้วซูเฉินจะทำอะไรไม่ได้ เพราะเขามี [กายาเทพอสูรนิรันดร์] ต่อให้ยืนนิ่ง อีกฝ่ายก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซูเฉินปรากฏตัวขึ้นบนที่ราบ ไม่ไกลออกไป คือที่ตั้งเวทีประลอง
ซูเฉินไม่รีบร้อนคว้าตราหยก แต่ยืนอยู่ที่เดิม มองไปรอบๆ ค้นหาตำแหน่งของเผ่ามนุษย์ รอจนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ แล้วค่อยก้าวเข้าไป
“หืม? นี่เจ้ามาจากชนเผ่าใดกัน?”
เห็นซูเฉินเดินเข้าไปท่ามกลางเผ่ามนุษย์ ชายชราหน้าแดงหันขวับ จ้องซูเฉินเขม็งทันที เอ่ยถามด้วยความงุนงง
คนผู้นี้คือผู้ฝึกตนขั้น 10 เพียงคนเดียวของเผ่ามนุษย์
เผ่ามนุษย์คนอื่นๆก็มองมาทางซูเฉินเช่นกันในเวลานี้
จู่ๆก็มีคนแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้น มันทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจมาก
8/10
Ep.1074
“ข้าชื่อซูเฉิน อาศัยอยู่ในภูเขาลึกตั้งแต่เล็กๆ ไม่ทราบท่านผู้เฒ่าชื่ออะไร?” ซูเฉินถามด้วยรอยยิ้ม
เขาเข้ามาจากภายนอก แต่ต่อให้พูดแบบนั้นอีกฝ่ายก็ไม่เชื่อ จึงแค่หาข้ออ้างไปเรื่อยเปื่อย ปรับคำเรียกขานให้เหมาะสมกับสถานที่
“เราผู้เฒ่านามเฉินฉาง” ชายชราหน้าแดงพยักหน้าเล็กน้อย ภายในสถานที่สาบสูญ มีเผ่ามนุษย์อยู่หลายร้อยชนเผ่า บางคนอาศัยอยู่บนภูเขาและท่ามกลางป่าไม้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า คำโกหกของซูเฉิน ไม่น่าสงสัยเลยสักนิด
“เฒ่าเฉิน ทำไมถึงมีคนมากมายมารวมตัวกันที่นี่?” ซูเฉินถาม
แม้จะตั้งข้อสันนิษฐานมาก่อนแล้วว่าทุกคนมาที่นี่เพื่อช่วงชิงตราหยก แต่เขายังต้องการยืนยันให้มันแน่ชัด
ได้ยินแบบนั้น เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อยู่รอบๆ ต่างพากันจิกสายตามองซูเฉิน ในแววตาฉายความไม่เป็นมิตรออกมา
เฉินฉางคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามนุษย์ ขณะที่ซูเฉินเหมือนจะอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น แต่กลับว่าเอ่ยคำเฒ่าเฉิน นี่นับเป็นการดูหมิ่นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
เฉินฉางไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แค่แปลกใจนิดหน่อย เพราะงานประลองระหว่างหมื่นเผ่าพันธุ์มักจัดขึ้นในทุกๆสิบปี และจัดขึ้นในสถานที่สาบสูญเป็นพันปีแล้ว เหตุใดซูเฉินถึงยังไม่รู้เรื่องนี้?
“ซูเฉิน นี่เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับงานประลองครั้งใหญ่ของหมื่นเผ่าพันธุ์เลยหรือ?” เฉินฉางถามหยี่งเชิง
งานประลองครั้งใหญ่ของหมื่นเผ่าพันธุ์?
หัวใจของซูเฉินเริ่มเต้นแรง จากนั้นรีบกล่าวว่า “ข้าอาศัยอยู่บนป่าเขาตลอดทั้งปี ดังนั้นจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอกเลย”
เขาเพิ่งเหยียบเข้ามายังสถานที่สาบสูญวันนี้เอง แล้วจะรู้เรื่องได้อย่างไร?
“ที่แท้ก็เป็นชนพื้นเมืองที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนนี่เอง”
เผ่ามนุษย์ที่อยู่รอบๆเริ่มดูถูกเขาทันที สายตาที่มองซูเฉินเต็มไปด้วยความดูแลคน
“อ้อ” เฉินฉางค่อยเข้าใจ จากนั้นอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับงานประลองครั้งใหญ่ของหมื่นเผ่าพันธุ์ให้ซูเฉินฟัง
งานประลองหมื่นเผ่าพันธุ์จะจัดขึ้นทุกๆ 10 ปี จุดประสงค์ก็เพื่อแย่งชิงตราหยกกำเนิดเซียน หรือก็คืออผ่นหยกสีเหลืองนั่นเอง
“เฒ่าเฉิน แล้วตราหยกกำเนิดเซียนมีไว้เพื่ออะไร?” ซูเฉินถาม
ตราหยกกำเนิดเซียน ฟังจากชื่อแล้วไม่น่าจะธรรมดา อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่สมุนไพรกำเนิดเซียนมองว่าสำคัญ ดังนั้นกระตุ้นความสนใจเขาเป็นอย่างมาก
“ตราหยกกำเนิดเซียนมีทั้งหมดสามชิ้น ชิ้นแรกอยู่ที่นี่ เจ้าต้องหาที่อยู่ของอีกสองชิ้นให้เจอ เมื่อรวมทั้งสามเข้าด้วยกัน ก็จะสามารถเปิดกรุสมบัติได้ เล่าลือกันว่าภายในกรุสมบัติ มีบางสิ่งที่สามารถช่วยยกระดับสู่ขอบเขตเทพเจ้า”
ซูเฉินตื่นตัวขึ้นมาทันที สมบัติที่สามารถช่วยยกระดับสู่ขอบเขตเทพเจ้า? นี่มันราวกับสมบัติอัศจรรย์ ทั้งชีวิตอาจไม่มีทางหาเจอ
กระทั่งตัวเขาเอง ยังเกิดอาการหวั่นไหวเมื่อได้ยิน
อีกทั้งยังเข้าใจเช่นกัน ว่าเหตุใดนักพรตเทียนซ่านถึงได้สนใจสถานที่สาบสูญแห่งนี้นัก
“เฒ่าเฉิน แล้วพวกเราจะแย่งชิงตราหยกกำเนิดเซียนมาได้อย่างไร?”
ซูเฉินพยายามสงบอารมณ์ แล้วเอ่ยถาม
“เรื่องนั้นง่ายมาก ขอแค่เจ้าเอาชนะคู่แข่งทั้งหมดบนสังเวียน” เฉินฉางกล่าวอย่างสบายๆ
“ถ้าได้ชิ้นนี้มา แล้วจะหาอีกสองชิ้นได้ยังไง?” ซูเฉินเอ่ยถามอย่างใจเย็น
ตราหยกบนสังเวียนนี้ เขาสามารถคว้ามันมาครอบครองได้แน่นอน แต่แล้วอีกสองชิ้นเล่า? เขาจะไปหาจากที่ไหน เขาไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย
“ตราบใดที่เจ้าได้รับชิ้นแรก มันจะชักนำเจ้าไปหาอีกสองชิ้นโดยอัตโนมัติ แต่การควานหาให้ครบทั้งสามชิ้น ยากเย็นยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นสู่สวรรรค์ ผู้ชนะในอดีตที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครทำสำเร็จเลย แถมยังเอาชีวิตไปทิ้งอีก!”
เฉินฉางทอดถอนหายใจ อธิบายจนหมด
เมื่อพบคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น ซูเฉินถามเรื่องต่อไปว่า “แล้วงานประลองของหมื่นเผ่าพันธุ์จะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่?”
เนื่องจากสามารถสู้เพื่อแย่งชิงตราหยกชิ้นแรกได้ ซูเฉินจึงไม่คิดปล้นชิงมันต่อหน้าทุกคน แต่จะทำให้มันถูกต้อง
“ตอนนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว” เฉินฉางตอบตามตรง
“อ้าว นี่เริ่มแล้วหรือ?”
ซูเฉินงง กล่าวด้วยความประหลาดใจ “เช่นนั้นแล้วเหตุใดถึงไม่มีใครอยู่บนสังเวียนประลองเลยเล่า?”