1069-1070
3/10
Ep.1069
ซูเฉิน ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม คิดทบทวนอยู่พักหนึ่ง ก่อนรีบกลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]
“ซูเฉิน พวกเราจะทำยังไงกันต่อดี?” ฉีชิงเฉวียนถามด้วยความกังวล
บทสนทนากน่อหน้านี้ระหว่างซูเฉินกับหวูซางเขาได้ยินมันทั้งหมดแล้ว ในเวลานี้จึงรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ซูเฉินหรี่ตาลง พึมพำกับตัวเอง
หากไม่กลับแผ่นดินใหญ่ เวลานี้ก็เหลือแค่สองสถานที่ที่ต้องไป ที่แรกคือวิหารสวรรค์หวนหยู ที่ๆสองคือสถานที่สาบสูญ
อย่างไรก็ตาม ในวิหารสวรรค์อาจมีอสูรในขอบเขตเทพเจ้าอาศัยอยู่ มีอันตรายค่อนข้างสูง ดังนั้น ซูเฉินจึงตัดสินใจไปยังสถานที่สาบสูญก่อน
“แวะไปเกาะโหยวเชิงก่อนค่อยว่ากัน” ซูเฉินกล่าวอย่างช้าๆ
สถานที่สาบสูญตั้งอยู่ในกลุ่มหินอุกกาบาตขนาดใหญ่ และเกาะโหยวเชิงก็ตั้งอยู่ใกล้กับที่นั่นพอดี
“ซูเฉิน ตอนนี้เกรงว่าคงไม่เหมาะไปยังเกาะโหยวเชิง” ซางฉุยซานกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เกาะโหยวเชิงเป็นฐานที่มั่นสำคัญของสัตว์ร้ายมิติ มีข่าวลือว่ามีสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 8 จำนวนไม่น้อยประจำการอยู่ที่นั่น
หากเป็นยามปกติคงไม่เป็นไร ประเด็นก็คือตอนนี้นักรพรตเทียนซ่านกำลังส่งคนไปทุกหนแห่งเพื่อไล่ล่าซูเฉิน หากซูเฉินบุกเข้าไปในเกาะโหยวเชิง คงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้ และนั่นไม่ใช่เท่ากับเป็นการเปิดเผยร่องรอยหรอกหรือ?
“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะไปที่กลุ่มอุกกาบาตใกล้กับเกาะโหยวเชิง ในตอนนี้ยังไม่สู้กับพวกสัตว์ร้ายมิติ” ซูเฉินอธิบาย
ได้ยินแบบนั้น ซางฉุยซานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ต่อมา ภายใต้การนำทางของฉีมู่เฟิง [รถศึกอัจฉริยะ] มุ่งหน้าไปยังเกาะโหยวเชิง
เนื่องจากเกรงว่าจะเปิดเผยร่องรอย เลยเป็นเหตุผลที่ว่า ตลอดเส้นทาง เมื่อพบเจอฐานที่มั่นของขุมกำลังขนาดใหญ่ [รถศึกอัจฉริยะ] จะเลือกขับอ้อมไป การเดินทางจึงล่าช้ามาก
...
ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดเกาะโหยวเชิงก็ปรากฏขึ้นในรัศมีของฟังก์ชั่นตรวจจับ
ซูเฉินหรี่ตามองหน้าจอควบคุมส่วนกลางอยู่พักหนึ่ง และพบว่ารอบนอกเกาะโหยวเชิง มีสัตว์ร้ายมิติรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดสุดๆ
“เสี่ยวจือ หลีกเลี่ยงสายตาของพวกมัน แล้วหาสถานที่เหมาะๆเพื่อเข้าสู่กลุ่มอุกกาบาต”
ซูเฉินถอนสายตากลับ ออกคำสั่งแก่ [รถศึกอัจฉริยะ]
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] สแกนหาไม่นาน ก็บินตรงไปยังจัตุรัสแห่งหนึ่ง แต่ใครจะทันคาดคิดว่า บินไปได้ไม่ไกล นกสำรวจก็ร้องเตือนขึ้นอย่างกะทันหันว่า “เจ้านาย สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 8 กำลังใกล้เข้ามาหาพวกเรา!”
ถูกพบตัวแล้ว?
ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
[รถศึกอัจฉริยะ] ยังอยู่ห่างจากเกาะโหยวเชิงนับหมื่นไมล์ แต่อีกฝ่ายค้นพบพวกเขาได้อย่างไร?
“เสี่ยวจือ ล็อคเป้า สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 8 พวกนั้น แล้วฉายขึ้นจอที” ซูเฉินสั่งการ
เขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายใช่บังเอิญตรงมา หรือมีกลวิธีระบุตำแหน่งของเขาหรือไม่?
หน้าจอควบคุมส่วนกลางเริ่มสับเปลี่ยนหมุนเวียน ไม่ช้าร่างของสัตว์ร้ายมิติทั้งสามก็ปรากฏขึ้น
ซูเฉินสังเกตเห็นทันที ว่าในบรรดาสัตว์ร้ายมิติ มีตัวหนึ่งถือกระจกโบราณสีทองแดงอยู่ในมือ และเป็นกระจกทองแดงนี่เองที่กำลังแสดงตำแหน่งของ [รถศึกอัจฉริยะ] อย่างชัดเจน
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”
ซูเฉินค่อยเข้าใจ ปรากฏว่ากระจกทองแดงมีความสามารถเหมือนกับฟังก์ชั่นตรวจสอบของ [รถศึกอัจฉริยะ] ฝ่ายตรงข้ามใช้จุดนี้จึงค้นพบร่องรอยของพวกเขา
แล้วอีกอย่าง ซูเฉินมองเห็นเต็มสองตา ว่าสัตว์ร้ายมิติที่ถือกระจกทองแดงอยู่ คือหลี่เค่อฉวิน
ครั้งก่อนที่พบกัน ระหว่างทางกลับจากนิกายซ่อนวิญญาณ ภูติเงาของหลี่เค่อฉวินได้รวบรวมอุกกาบาตรอบๆ กลายร่างเป็นยักษ์เข้าขวางทางเขา
ดังนั้น เขาเลยสามารถจดจำหลี่เค่อฉวินได้อย่างแม่นยำ
“ไอ้สุนัขไม่รู้จักที่ตาย”
ซูเฉินหรี่ตาลง เอ่ยปากเสียงกระซิบ
เดิมเข้าวางแผนจะบุกไปกำจัดหลี่เค่อฉวิน แต่ไม่นึกเลยว่าหลี่เค่อฉวินจะมาเคาะประตูถึงหน้าบ้านด้วยตัวเอง นอกจากนี้ หลี่เค่อฉวินยังมีกระจกทองแดงที่สามารถค้นหาร่องรอยของพวกเขาได้ สิ่งนี้จำเป็นต้องถูกทำลายทิ้ง
ไม่อย่างนั้นแล้ว เวลาที่พวกเขาเข้าไปยังสถานที่สาบสูญ ร่องรอยก็จะถูกเปิดเผยทันที
“เสี่ยวจือ ดับเครื่องซะ” ซูเฉินสั่ง
4/10
Ep.1070
[รถศึกอัจฉริยะ] จอดสนิท ซูเฉินเปิดประตูและก้าวออกไปคนเดียว
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่เค่อฉวิน และสัตว์ร้ายมิติอีกสองตนก็มาถึงเบื้องหน้าเขา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ..! ซูเฉิน! มาดูกันว่าครั้งนี้จะจะรอดไปได้อย่างไร!”
หลี่เค่อฉวิน กวาดสายตามองซูเฉิน หัวเราะหยาบคาย
ครั้งก่อนที่สู้กับซูเฉิน เขาได้ข้อมูลมาแล้ว ว่าต่อให้ซูเฉินใช้วิชาแปลงร่าง ก็สามารถขยับขึ้นมาได้ถึงระดับเทวะขั้น 6 เท่านั้น
“อาศัยแค่ขยะสามตัว ยังคิดจะฆ่าฉันอีกหรอ?”
มุมปากของซูเฉินโค้งงอเล็กน้อย ผุดยิ้มดูแคลน
จากนั้น ภายใต้การจับจ้องของ หลี่เค่อฉวิน และอีกสองตัว เขาค่อยๆดึง [ดาบเสริมมนตรา] ออกมา
ในคราเดียว หลี่เค่อฉวิน และอีกสองตนบังเกิดความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ฐานฝึกตนของซูเฉินยังห่างไกลกับพวกเขานั่นก็จริง
แต่ชื่อเสียงของผู้คนก็เสมือนร่มเงาของต้นไม้
นับแต่ซูเฉินเริ่มมีชื่อเสียง ไม่รู้เขาผ่านการต่อสู้มากี่รอบแล้ว และทุกรอบไม่เคยพ่ายแพ้เลย พวกเขาเลยต้องระวังให้มาก
ขณะที่ทั้งสามกำลังจับตามองซูเฉินอย่างระแวดระวัง ในเวลานั้นเอง รอยยิ้มพิศวงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูเฉิน
หลี่เค่อฉวิน สัมผัสได้ถึงลางร้ายตามสัญชาตญาณ แต่ยังไม่ทันตั้งตัว พลังฉีกมิติอันน่าสยดสยองก็กวาดเข้ามาจากเบื้องหลัง
“มีคนลอบโจมตี!”หลี่เค่อฉวินและอีกสองตนรีบหันกลับไปมอง เห็นแค่เพียงยักษ์สูงสิบจั้ง กำลังกุมกระบี่สีดำสนิทเล่มหนึ่งและฟาดฟันลงมาจากกลางอากาศ
ในพริบตา กระแสวังวนขนาดประมาณหนึ่งจั้งก็โถมลงจากเหนือศีรษะของพวกเขา
“ลงมือพร้อมกัน!”
หลี่เค่อฉวินคํารามออกมา ดึงโล่ออกขวางหน้าเขา
สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 8 อีกสองตนก็ไม่รีรอ ใช้กลวิธีของตนเองเช่นกัน ร่วมแรงกันทำลายกระแสวังวนนี้
บรึ้มมมม!
ตามด้วยเสียงระเบิดดังกึกก้อง ภายใต้การร่วมแรงร่วมใจของทั้งสาม ในที่สุดกระแสวังวนก็ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด
อย่างไรก็ตาม หลี่เค่อฉวินและอีกสองตนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นกัน สภาพดูน่าสังเวชไม่น้อย
“นี่เจ้ายกระดับไปอีกขั้นแล้วหรือ?” หลี่เค่อฉวินถอนหายใจอย่างช้าๆ เหม่อมองซูเฉินด้วยความตกใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ณ ตอนนี้ เขาสังเกตเห็นได้อย่งาชัดเจน ว่าบนร่างของซูเฉินกำลังปลดปล่อยกลิ่นอาย ระดับเทวะขั้น 7 ออกมา
ณ จุดนี้ สร้างความตกใจแก่เขาเป็นอย่างมาก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน ซูเฉินชัดเจนว่ายังอยู่แค่ ระดับเทวะขั้น 6 เท่านั้น แบบนี้ก็หมายความว่า ซูเฉินสามารถยกระดับได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ด้วยอัตราเร็วเช่นนี้ มันน่ากลัวเกินไป!
“พวกเราควรทำยังไงดี?” สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 8 อีกสองตนเริ่มตื่นตระหนก
ข่าวลือเรื่องของซูเฉิน พวกเขาก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ว่ากันว่าซูเฉินสามารถสังหารศัตรูข้ามขั้นได้ง่ายดายราวหั่นผักหั่นแตง
ซึ่งซูเฉินในตอนนี้มีขั้นต่ำกว่าพวกเขาเพียงขั้นเดียว ไหนจะมีร่างจำลองที่มีกำลังรบทัดเทียมกันอีก นี่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะถูกฆ่าตายเอาง่ายๆหรอกหรอ?
“หนี!”
หลี่เค่อฉวินกัดฟันแน่น หันหลังกลับวิ่งหนีไป
ความร้ายกาจของซูเฉิน เขารู้ดีกว่าใคร หากหนีไม่ทันเวลา โชคชะตาเดียวที่รออยู่คือ-ความ-ตาย!
สัตว์ร้ายมิติอีกสองตนก็หันหลัง และวิ่งหนีอย่างไม่ลังเล
“สมแล้วที่เป็นซูเฉิน อาศัยการโจมตีแค่ครั้งเดียวก็สามารถทำให้ สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 8 สามตัวตกอยู่ในสถานะนี้ได้”
มองไปยังภาพเบื้องหน้า ฉีชิงเฉวียนทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์จากใจจริง
“คิดหรือว่าจะหนีไปได้?” ซูเฉินส่งเสียงฮึในลำคอ เขาเตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้ได้นานแล้ว
ขณะที่หลี่เค่อฉวิน และอีกสองตนกำลังหลบหนี [ดาบเสริมมนตรา] ในมือตวัดออกไป
ในพริบตา กระแสพลังสามสีกระพือไปเบื้องหน้า มหาเพลิงเอกลักษณ์ทั้งสามกระโจนเข้าหลอมรวมในเวลาเดียวกัน
“นี่มันกระบวนท่าสังหารอันใดกัน?”
มองไปยังคลื่นความผันผวนที่ปลดปล่อยพลังงานอันน่าสยดสยองพุ่งเข้ามา หลี่เค่อฉวิน และตนอื่นๆหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ
วินาทีถัดมา ท่ามกลางเสียงกรีดรร้องอันน่าสังเวชสามเสียง หลี่เค่อฉวินและสัตว์ร้ายมิติอีกสองตนถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ