1067-1068
*เกาะโหยวเชิงอยู่ใกล้กับ ‘สถานที่สาบสูญ’ นะครับ คนแปลจำผิดกับซากมิติ
1/10
Ep.1067
“คนที่กำลังจะตาย ไม่จำเป็นต้องรู้มาก!” สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 ฉีกยิ้มมืดมน พุ่งเข้าสังหารซูเฉินอย่างรวดเร็ว
ซูเฉินไม่เสียเวลาคิดมากความ เปิด [ร้านค้าวันสิ้นโลก] ขณะที่กำลังจะแลกเปลี่ยน [คุณสมบัติเลเวล 18 อย่างเต็มรูปแบบ] แรงกดดันมหาศาลชนิดยากหาที่ใดเทียบพลันโถมลงมา
เห็นแค่เพียงรอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นท่ามกลางมิติที่ว่างเปล่า ตามมาติดๆด้วยมือใหญ่ที่ยื่นลงมาจากเบื้องบน กดลงเหนือหัว สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9
“ผู้อาวุโส ... โปรดไว้ชีวิตด้วย!” สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง แผดเสียงตะโกน
โผล๊ะ!! ตามมาด้วยเสียงระเบิดรุนแรง สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 ถูกฝ่ามือบี้ ร่างแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เป็นฝีมือของท่านผู้ปกครองโลกา!”
ฉีชิงเฉวียน และคนอื่นๆรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
หวูซางลงมือด้วยตัวเอง เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาคิดช่วยเหลือซูเฉิน พวกเขาไม่นึกฝันมาก่อนเลย ว่าผู้ปกครองโลกาจะถึงกับยอมออกหน้าเพื่อซูเฉินจริงๆ
“ผู้อาวุโส ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน”
ซูเฉินแหงนมองไปยังจุดหนึ่งบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว กล่าวด้วยน้ำเสียงสำนึกบุญคุณ
“เฮ้อ!” ทันใดนั้นเสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นข้างหูซูเฉิน ตามมาติดๆด้วยหมู่มวลแสงระยิบระยับทอประกายขึ้นเบื้องหน้าเขา ร่างของหวูซางค่อยๆปรากฏขึ้น
“เจ้ายกระดับเป็นระดับเทวะขั้น 6 ได้แล้ว อัจฉริยะจริงๆ!” หวูซางพอเห็นฐานฝึกตนของซูเฉิน ก็อดทอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ แต่แล้วก็ส่ายหัว “แต่น่าเสียดาย ที่ไม่เหลือเวลาอีกแล้ว”
“ผู้อาวุโส นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ใบหน้าของซูเฉินกระชับขึ้น
ที่บอกว่าไม่เหลือเวลาอีกแล้ว มันหมายความว่ายังไงกัน? เหมือนกับว่าเขาจะถูกตายในเร็วๆนี้เลย
หูซางถอนหายใจ อธิบายว่า “นักพรตเทียนซ่านได้ตัดผ่านสู่ขอบเขตเทพเจ้าแล้ว”
ซู๊ดดดดด!
ซูเฉินสูดหายใจลึก แม้จะเดามาบ้างแล้ว แต่เมื่อได้รู้จากปากหวูซาง หัวใจเขายังคงเต้นแรง
ถึงตอนนี้ค่อยเข้าใจ ว่าทำไมหวูซางถึงบอกว่าเขาไม่มีเวลาที่จะเติบโต
ที่แท้เป็นเพราะนักพรตเทียนซ่านได้ตัดผ่านสู่ขอบเขตเทพเจ้าแล้วนั่นเอง อีกฝ่ายจึงเพิกเฉยต่อคำขู่ของหวูซาง และส่งลูกน้องระดับสูงกว่าสามขั้นมาทำร้ายเขาอย่างไม่เกรงกลัว
กระนั้น มีสองเรื่องที่ทำให้ซูเฉินประหลาดใจ เรื่องแรกคือหวูซางเคยบอกว่า นักพรตเทียนซ่านต้องใช้เวลาอีกเป็นร้อยปีเพื่อตัดผ่านสู่ขอบเขตเทพเจ้าแล้วไฉนเขาถึงยกระดับได้ตั้งแต่ตอนนี้?
อีกเรื่องก็คือ หวูซางเคยเตือนเขาเช่นกัน ว่าหากนักพรตเทียนซ่านกลายเป็นขอบเขตเทพเจ้าแล้ว เขานี่แหละจะเป็นฝ่ายช่วยนักพรตเทียนซ่านฆ่าซูเฉิน แล้วทำไมตอนนี้ถึงยื่นมือมาช่วยซะล่ะ?
เมื่อคิดยังไงก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ ซูเฉินเอ่ยถาม “ผู้อาวุโส ทำไมนักพรตเทียนซ่านถึงยกระดับได้ไวขนาดนี้?”
“เพราะเขาร่วมมือกับสัตว์ร้ายมิติ เปิดอุโมงค์ที่เชื่อมต่อกับถิ่นอสูรร้าย และได้รับสมบัติที่ใช้ในการตัดผ่านสู่ขอบเขตเทพเจ้าจากที่นั่น” หวูซางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
อสูรร้าย?
คิ้วของซูเฉินขมวดเข้าหากัน ลองเลียบเคียงถาม “ผู้อาวุโส กำลังรบของพวกอสูรร้ายทรงพลังมากเลยหรือ?”
“อสูรร้ายเป็นสัตว์ต่างดาว กำลังรบทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง พวกมันแข็งแกร่งกว่าชาวพันธมิตรหมื่นเผ่าพันธุ์ , สัตว์ร้ายมิติ และจักรวรรดิจักรกลรวมกัน” หวูซางถอนหายใจอย่างเงียบๆ
แข็งแกร่งกว่าสามมหาอำนาจรวมกันซะอีก?
ซูเฉินถึงกับอ้าปากค้าง
หวูซางค่อยๆผ่อนลมหายใจ หันมาพูดว่า “มหาศึกมิติเมื่อหมื่นปีก่อน เจ้าน่าจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างถูกไหม?”
ซูเฉินพยักหน้า
“เล่ากันว่าสามมหาอำนาจต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอาวุธวิเศษชิ้นหนึ่ง นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาเริ่มเข่นฆ่ากัน”
ข้อมมูลเหล่านี้ ซูเฉินรู้มาจากปากของด้วงเขมือบทองคำ ส่วนจะเป็นจริงหรือไม่ เขาไม่อาจยืนยันได้
หวูซางส่ายหัว อธิบายว่า “มหาศึกเขมื่อหมื่นปีก่อน อันที่จริงแล้วเป็นสงครามที่ขุมกำลังทั้งสามของพวกเราผนึกกำลังกันเพื่อป้องกันการโจมตีจากพวกอสูรร้าย”
ว่าไงนะ?
ซูเฉินทั้งตกใจและสับสน มหาอำนาจทั้งสามอย่างพันธมิตรหมื่นเผ่าพันธุ์ สัตว์ร้ายมิติ และจักรวรรดิจักรกลร่วมมือกันสู้กับอสูรร้าย แต่ก็ยังประสบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรวรรดิจักรกลที่ถึงขั้นถูกทำลาย
แล้วแบบนี้ ฝ่ายอสูรร้ายจะทรงพลังขนาดไหนกัน?
2/10
Ep.1068
“ผู้อาวุโส นักพรตเทียนซ่านกับพรรคพวกของเขา เพื่อตัดผ่านสู่ขอบเขตเทพเจ้า ถึงขั้นยินยอมเปิดอุโมงค์ที่เชื่อมไปยังถิ่นของอสูรร้ายเชียวหรือ?”
ซูเฉินไม่เข้าใจ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น แม้เทียนซ่านจะก้าวสู่ขอบเขตเทพเจ้าได้สำเร็จ แต่สุดท้ายอสูรร้ายเหล่านั้นก็จะบุกเข้ามา ไม่เท่ากับว่าเขาก็จะโดนสังหารอยู่ดีหรือ?
“เมื่อบรรลุสู่ขอบเขตเทพเจ้าแล้ว เจ้าจะสามารถออกจากโลก(มิติ)แห่งนี้ไปได้ และก้าวเข้าสู่โลกที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่า นักพรตเทียนซ่านและพรรคพวกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พวกเขาไม่สนใจความเป็นความตายของสิ่งมีชีวิตอีกนับแสน นับล้านในที่นี้อีกต่อไป” หวูซางถอนหายใจ
ในความเป็นจริงแล้วเขายังไม่ได้ระบุอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือเหตุผลที่นักรพรตเทียนซ่านและสัตว์ร้ายมิติตัดสินใจทำเช่นนี้ หลักๆเพราะพวกเขาหวาดกลัวซูเฉิน
ด้วยอัตราเร็วในการยกระดับของซูเฉินสูงมากเกินไป สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า อีกไม่กี่ปีก็จะตัดผ่านสู่ขอบเขตเทพเจ้าได้สำเร็จ
เมื่อถึงเวลานั้น ด้วยพฤติกรรมแค้นฝังหุ่นของซูเฉิน คงเป็นการยากที่นักพรตเทียนซ่านและสัตว์ร้ายมิติจะรอดไปได้ ดังนั้นเพื่อปกป้องตัวเอง พวกเขาเลยตัดสินใจเปิดอุโมงค์ที่เชื่อมต่อไปยังโลกของอสูรร้าย
โลกอีกใบหนึ่ง?
ซูเฉินทวนคำ ลองเลียบเคียงถามว่า “ผู้อาวุโส ที่ท่านต้องการให้ใครสักคนก้าวสู่ขอบเขตเทพเจ้า ก็เพราะต้องการเดินทางไปยังโลกใหม่ใช่รึเปล่า?”
ครั้งก่อนที่ได้พูดคุยกับหวูซาง อีกฝ่ายอ้ำๆอึ้งๆ แสร้งทำตัวลึกลับ ปฏิเสธที่จะพูด
แต่เมื่อเรื่องราวมันดำเนินมาถึงจุดนี้ เขาควรจะบอกความจริงได้แล้วกระมัง?
“เจ้าเดาได้ถูกต้องแล้ว”
หวูซางไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป อธิบายว่า “ข้าอยู่ที่นี่มาเป็นหมื่นปี เบื่อหน่ายกับมัน โหยหาความตื่นเต้นในโลกภายนอกมานานแล้ว”
“แต่ในเมื่อนักพรตเทียนซ่านสามารถตัดผ่านสู่ขอบเขตเทพเจ้า ท่านก็น่าจะออกไปได้แล้วไม่ใช่หรอ?” ซูเฉินถามอย่างไม่เข้าใจ
หวูซางส่ายหัว ผุดยิ้มขมขื่น และเล่าว่า “สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ข้าต้องรอให้ใครสักคนเลื่อนขั้นสู่ขอบเขตเทพเจ้า ก็เพื่ออยากหาคนที่สามารถปกป้องพันธมิตรหมื่นเผ่าพันธุ์ได้ และนักพรตเทียนซ่าน เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะสมกับหน้าที่นี้”
“เป็นแบบนี้นี่เอง”
ซูเฉินค่อยเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ขอบเขตเทพเจ้าคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้ แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังมีอีกสถานะหนึ่ง นั่นคือ ‘ผู้พิทักษ์’
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าพันธุ์หรือสัตว์ร้ายมิติต่างก็มีผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้า ฉะนั้น หากผู้พิทักษ์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจากไป เกรงว่าคงมิแคล้วถูกอีกฝ่ายบุกทำลายจนพินาศย่อยยับอย่างแน่นอน
แต่เพื่อที่จะก้าวสู่ขอบเขตเทพเจ้า นักพรตเทียนซ่านกลับเปิดอุโมงค์ที่เชื่อมต่อกับถิ่นของอสูรร้าย ไม่สนใจทุกชีวิตที่อยู่เบื้องหลัง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้พิทักษ์ของหมื่นเผ่าพันธุ์
เพราะเหตุนี้เอง หวูซางจึงยังไม่สามารถจากไปได้
“ผู้อาวุโส นักพรตเทียนซ่านกับสัตว์ร้ายมิติที่ก้าวสู่ขอบเขตเทพเจ้าจะมาฆ่าผมไหม?” ซูเฉินถาม
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขุมกำลังในขอบเขตเทพเจ้า ซูเฉินไม่เหลือที่ว่างให้ต่อต้าน คงทำได้เพียงกลับไปซ่อนตัวบนแผ่นดินใหญ่
“ข้าจะช่วยกันพวกมันไว้ แต่คงได้ไม่นานนักหรอก สูงสุดไม่เกินครึ่งปี ระหว่างนี้พวกมันน่าจะส่งมาได้แค่ลูกน้อง ระดับเทวะขั้น 9 หรือ 10 หากภายในครึ่งปีเจ้ายังสู้พวกมันไม่ได้ ก็เตรียมตัวตายได้เลย”
ครึ่งปี ...
ซูเฉินทวนคำ ในดวงตาทอประกายคมกริบ
การเลื่อนขั้นสู่ขอบเขตเทพเจ้าในระยะเวลาครึ่งปีนับว่าลำบากลำบนอยู่บ้าง แต่หากให้ก้าวสู่ระดับเทวะขั้น 10 ซูเฉินมั่นใจว่าทำได้อย่างแน่นอน
ถึงเวลานั้น ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าก็จะไม่สามารถคุกคามเขาได้อีกต่อไป
“ภายในครึ่งปี หากเจ้าไม่มั่นใจว่าจะสามารถยกระดับสู่เทวะขั้น 10 ได้ ข้าแนะนำให้เจ้ากลับไปอยู่ในแผ่นดินใหญ่ให้เร็วที่สุด” หวูซางเตือน
แม้พรสวรรค์ในด้านฝึกตนของซูเฉินนับแต่อดีตมาจะไม่มีผู้ใดเทียมเทียบ แต่ระยะเวลาครึ่งปี--
--มันสั้นเกินไป!
เขาไม่ได้มองโลกในแง่ดี ว่าซูเฉินจะสามารถทำอย่างที่บอกได้จริงๆ
“ครึ่งปีก็มากพอแล้ว” ซูเฉินเปล่งเสียงดัง
หวูซางพอได้ยิน อึ้งงันไปเล็กน้อย ก่อนผุดยิ้มและกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าขออวยพรให้เจ้ายกระดับได้ในเร็ววัน”
แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมซูเฉินถึงได้มั่นใจนัก แต่พอได้ฟังน้ำเสียงของซูเฉิน เขากลับรู้สึกตื่นเต้น และพร้อมตั้งตารอ
จากนั้น หวูซางกล่าวต่อว่า “อ้อจริงสิ เจ้าอย่าได้ไปเขตแดนลับมิติเป็นอันขาด ครั้งนี้หากพวกเขาไม่ได้รับข่าวว่าฆ่าเจ้าได้สำเร็จ ย่อมต้องส่งผู้แข็งแกร่งมากมายไปดักซุ่มโจมตีเจ้าที่นั่นแน่นอน”
“เข้าใจแล้ว”
ซูเฉินพยักหน้ารับอย่างหนัก
“เอาล่ะ ข้าต้องรีบกลับไปต้านพวกเขาให้เร็วที่สุด เจ้าดูแลตัวเองด้วย” หวูซางถอนหายใจ พริบตาเดียวหายวับไปต่อหน้าซูเฉิน