บทที่ 512 ข้อตกลงที่เรียบง่าย(ตอนฟรี)
บทที่ 512 ข้อตกลงที่เรียบง่าย
คำว่า ‘แฮกเกอร์’ สำหรับคนทั่วไปแล้ว คำนี้เป็นคำที่ห่างไกลแต่รู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดา ว่ากันว่าเป็นกลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ใช้โทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวก็สามารถแฮกคอมพิวเตอร์ของคนอื่นได้แล้ว พวกเขาเจนจัดในโลกของอินเทอร์เน็ต
แต่ในความเป็นจริง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เห็นจริงๆว่าแฮกเกอร์ที่แท้จริงนั้นมีลักษณะอย่างไร และพวกเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าแฮกเกอร์เกือบทุกคนนั้นมีชื่อเรียกที่เหมือนกันอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือโปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์!
มีแฮกเกอร์จำนวนมากที่ดูเหมือนจะเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีงานทำอย่างจริงจัง แต่เมื่อถึงเวลาส่วนตัวหรือเวลาที่อยู่คนเดียว พวกเขาอาจกลายเป็นแฮกเกอร์ด้านมืดที่มีฝีมือเก่งกาจท่องโลกในอินเทอร์เน็ต!
อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตอนนี้เขากำลังเรียนรู้การสื่อสารและเทคโนโลยีเครือข่ายจากสมองหมายเลข 1 และมีส่วนเกี่ยวข้องในด้านนี้ แม้ว่าทิศทางหลักของพวกเขาจะแตกต่างกัน แต่ก็มีส่วนที่ข้องเกี่ยวกันค่อนข้างมาก
หลังจากที่เห็นข่าวเกี่ยวกับการแบล็กเมล์ในโลกออนไลน์ ทำให้จี้เฟิงสังเกตเห็นอะไรหลายๆอย่าง แม้เขาจะยังไม่รู้ว่าแบล็กเมล์คนนี้ทำงานกันเป็นแก๊งหรือเป็นแค่คนๆเดียวกันแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือเทคโนโลยีการแฮกของแบล็กเมล์ที่ว่านี้นั้นยอดเยี่ยมมาก เพราะแม้แต่บริษัทคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่หลายแห่งในเจียงโจวยังต้องยอมจำนนอย่างไม่เต็มใจ เท่านีก็เพียงพอที่จะอธิบายปัญหาได้แล้ว และจี้เฟิงก็ไม่เชื่อว่าบริษัทใหญ่ๆจะไม่จ้างโปรแกรมเมอร์ฝีมือดีเอาไว้เลย
และตอนนี้จี้เฟิงได้ยินที่หยางเต๋อจ้าวบอกว่าหยางหยูเคยต่อสู้กับนักต้มตุ๋นออนไลน์ผู้นี้มาแล้ว และเป็นการสู้กันอย่างดุเดือดโดยที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะด้วย ดังนั้นอย่างน้อยๆก็พอจะตีความได้ว่าระดับฝีมือของหยางหยูน่าจะเหนือกว่าโปรแกรมเมอร์ของบริษัทคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ในเจียงโจว!
แม้ว่าจี้เฟิงจะพอดูออกว่าหยางหยูน่าจะมีฝีมือด้านคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับสูง แต่เขาก็ไม่คิดว่าระดับของหยางหยูสูงขนาดนี้ นี่เป็นความสามารถส่วนบุคคล!
“การเอาคนๆนี้มาไว้เฉยๆที่นี่แบบนี้ ช่างน่าเสียดายความสามารถของเขาจริงๆ ดูเหมือนว่าจะต้องเร่งแผนให้เร็วขึ้นซะแล้ว!” จี้เฟิงแอบพูดกับตัวเอง
ในตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังขึ้น เป็นคังหยวนที่รีบวิ่งมาจากห้องแล็บด้วยสีหน้าตื่นเต้น “จี้เฟิง! จี้เฟิง!”
จี้เฟิงหัวเราะทันที “ลุงหยาง เราไปดูกันเถอะ!”
เสียงตะโกนของคังหยวนทำให้เซียวซูเหม่ยและจี้หยินหงที่นั่งพักอยู่ในห้องทำงานถึงกับตกใจ พวกเธอสองคนรีบเดินออกมาทันที
“เกิดอะไรขึ้น?!” เซียวซูเหม่ยถาม
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “อาเขยออกมาจากห้องแล็บแล้วน่ะครับ คาดว่าน่าจะทำการคิดคำนวณเสร็จแล้ว!”
คังหยวนเดินตรงมาทางจี้เฟิงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของเขาไม่มีเค้าเดิมที่เหมือนกับท่อนไม้แข็งทื่ออีกต่อไป เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “จี้เฟิง สูตรยาที่เธอให้ฉันมา ถูกคิดค้นโดยบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยจริงๆเหรอ?!”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า “ใช่ครับคุณอา มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
“มีสิ! มีปัญหาแน่นอน!” คังหยวนพูดอย่างตื่นเต้นว่า “จี้เฟิง นายอาจไม่รู้ว่าสูตรยาที่อยู่ในมือฉันตอนนี้มันแปลกมาก ไม่สิ ต้องบอกว่ามันยอดเยี่ยมมาก ฉันไม่เคยเห็นส่วนผสมที่เกือบจะสมบูรณ์มากขนาดนี้มาก่อนเลย แม้ว่าส่วนผสมนี้จะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ฉันกล้าพูดได้เลยว่ามันเป็นสูตรยาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา!”
คังหยวนพูดพร้อมกับชูกระดาษในมือและเขย่ามันไปมา เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย “จี้เฟิง ด้วยสูตรยานี้ มันอาจจะทำให้รางวัลโนเบลต้องสั่นสะเทือน!”
“อาเขยพูดเกินจริงไปหรือเปล่าครับ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เลย ไม่ได้พูดเกินจริงเลย!” คังหยวนส่ายหัวและกล่าวว่า “จากที่ฉันพอจะอนุมานได้แบบสั้นๆ ตามองค์ประกอบของร่างกายมนุษย์ สูตรของยาตัวนี้เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์น้อยมาก แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นต้องผ่านการตรวจสอบทางคลินิกอย่างละเอียดอีกที แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ฉันบอกได้เลยว่า สูตรยาตัวนี้ มันยอดเยี่ยมกว่าสูตรยาใดๆที่ฉันเคยเห็น!”
จี้เฟิงเลิกคิ้วและถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีข้อบกพร่องเลยเหรอ?”
“มันก็มีข้อเสียอยู่ ก็อย่างที่ฉันบอกไปเมื่อกี้นี้ไง สูตรยานี้ยังมีข้อบกพร่องอยู่ จากการวิเคราะห์ของฉัน ยาที่ผลิตตามสูตรยาตัวนี้นั้นเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญไขมันในร่างกาย แต่หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างฉันยังไม่ได้ตรวจละเอียดถึงขั้นนั้น อ้อ! และก็มีอีกจุดหนึ่ง ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นยาสำหรับเผาผลาญไขมัน แต่มันก็เผาผลาญได้ช้ามาก พูดอีกอย่างก็คือ ผลลัพธ์ที่ได้มันไม่ค่อยดีนัก!”
เมื่อพูดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของเขา คังหยวนก็พูดไม่หยุด “ถ้าฉันเดาไม่ผิด สูตรยาของเธอมันน่าจะไว้ผลิตออกมาเป็นยาลดน้ำหนัก แต่หากเป็นยาลดน้ำหนัก มันจะต้องเห็นผลในทันที แล้วเธอ…”
จี้เฟิงหัวเราะอย่างโง่งม คราวนี้คังหยวนไปเรียนรู้วิธีพูดคุยมาจากไหน?
ราวกับเห็นความสงสัยของจี้เฟิง คังหยวนกล่าวว่า “สำหรับคนที่ทำงานทางด้านเทคโนโลยี ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากแค่ไหน ฉันเลยไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะมันอาจจะเป็นการทรมานคนฟังมากเกินไป!”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ถามว่า “สรุปแบบสั้นๆ อาเขยกำลังจะบอกว่า สูตรยาตัวนี้มันสามารถนำมาผลิตใช้ได้จริงๆ และมันแทบจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์เลย เพียงแต่ผลลัพธ์ของมันยังไม่ดีพอ ถูกมั้ยครับ?”
“ถูกต้อง!” คังหยวนพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆ “แต่ฉันก็พูดได้ไม่เต็มปาก ว่าถ้าใช้ยาตัวนี้เป็นระยะเวลานานๆติดต่อกัน มันจะมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะผลลัพธ์หรือผลกระทบต่อร่างกาย มันจะยังไม่แสดงผลในทันที แต่ที่สำคัญ สูตรยาตัวนี้ยังมีช่องว่างให้พอปรับปรุงได้อยู่ ไม่ต้องเสียดายไป!”
จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม “แล้วอาเขยยินดีที่จะช่วยปรับปรุงมันได้หรือเปล่าล่ะครับ?”
คังหยวนตกใจ “ให้ฉันเข้าร่วมด้วยเหรอ?!”
หากสามารถศึกษาและทำการทดลองจนประสบความสำเร็จได้จริง นี่จะเป็นผลงานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว ไม่แน่อาจจะได้รับรางวัลทางด้านการแพทย์บางอย่าง และถ้าเป็นอย่างนั้น จะนับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!
คังหยวนไม่คิดว่าจี้เฟิงจะชวนเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของยาสูตรพิเศษนี้ แล้วผู้คิดค้นกับนักวิจัยคนอื่นๆจะเห็นด้วยกับจี้เฟิงงั้นหรือ?
จี้เฟิงพอจะเดาออกว่าคังหยวนกังวลเรื่องอะไร จึงอดยิ้มไม่ได้ “สูตรยานี้ถูกคนไม่กี่คนตั้งใจศึกษาและคิดค้นขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขาแล้ว ดังนั้นผมเลยใช้เงินซื้อขาดมาเลย... รายละเอียดอื่นๆมันไม่ได้สำคัญอะไร เอาเป็นว่าอาเขยจะเข้าร่วมปรับปรุงและพัฒนายาสูตรนี้กับผมหรือเปล่า?”
จากการพิสูจน์เล็กๆน้อยๆนี้ ก็ทำให้จี้เฟิงพอจะมองออกว่าคังหยวนนั้นมีความสามารถจริงๆ เขาสามารถคำนวณแยกแยะส่วนผสมแต่ละตัวออกมาได้ในระยะเวลาอันสั้น
เมื่อคังหยวนได้ยินคำพูดนี้ เขาก็พยักหน้าและกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “แน่นอน ฉันต้องเข้าร่วมอยู่แล้ว!”
“จริงสิ! ทางที่ดี ให้ฉันพบผู้พัฒนายาสูตรนี้ได้มั้ย? เขาช่างเป็นอัจฉริยะจริงๆ หากได้พูดคุยกับคนแบบนี้ รับรองว่าจะต้องได้ประโยชน์มากแน่ๆ!” คังหยวนถูมือไปมาอย่างใจจดใจจ่อ
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องเจอผู้พัฒนาแล้ว ในอนาคตอาเขยคือผู้รับผิดชอบโปรเจกต์นี้เอง เดี๋ยวลุงหยางจะเอาสัญญามาให้เซ็น พูดคุยรายละเอียดเรื่องเงินเดือนกัน หลังจากนั้นเราก็ค่อยตกลงเซ็นสัญญากันอย่างเป็นทางการ โอเคมั้ยครับ?”
“มันไม่สำคัญเลย ไม่ต้องก็ได้ เอาที่เธอโอเคได้เลย!” บางทีอาจเป็นเพราะคังหยวนรู้สึกว่าได้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดมาแล้ว เขาจึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องการเรียกร้องเงินเดือน
จี้เฟิงส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “มันจะไม่สำคัญได้ยังไงกันล่ะครับ? นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!”
เขาหันไปมองหยางเต๋อจ้าวและพูดว่า “ลุงหยางครับ เรามาพูดถึงรายละเอียดก่อน แล้วค่อยพิมพ์สัญญา!”
“โอเค!” หยางเต๋อจ้าวดีใจมากเมื่อเห็นว่าจะได้แกนหลักที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวิจัยมาเพิ่มในโรงงาน เขาจึงพยักหน้าอย่างยินดี
เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้เคลียกันลงตัวแล้ว จี้หยินหงและเซียวซูเหม่ยต่างก็ดีใจมาก โดยเฉพาะจี้หยินหง เธออดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจยาว กิริยาท่าทางของสามีเธอก่อนหน้านี้ทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนและไม่สบายใจมาก
เพราะตอนนี้สถานการณ์ที่บ้านของเธอลำบากมาก ถ้าสามียังดื้อรั้นอยู่แบบนี้ ก็คงไม่มีค่าใช้จ่ายเพียงพอสำหรับเด็กๆแล้ว
โชคดีที่ทุกอย่างเรียบร้อย จี้หยินหงอดรู้สึกซาบซึ้งใจเซียวซูเหม่ยและจี้เฟิงไม่ได้
“อาซ้อ ฉันต้องขอบคุณพวกคุณมากจริงๆ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี...” จี้หยินหงพูดด้วยความซาบซึ้งใจ
เซียวซูเหม่ยยิ้มพลางเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “หยินหง ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว เรื่องก็คลี่คลายไปในทางที่ดี ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองเถอะ พวกเราไปนั่งในห้องทำงานกันดีกว่า!”
ต่อจากนี้ หยางเต๋อจ้าวมีหน้าที่เจรจารายละเอียดสัญญากับคังหยวน แน่นอนว่าการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะต้องให้จี้เฟิงเป็นคนทำ แต่ภายใต้คำแนะนำของจี้เฟิง สัญญานี้ค่อนข้างเอื้อประโยชน์ให้กับคังหยวน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคังหยวนเป็นคนเรียบง่าย นอกจากเรื่องที่เขาชอบแล้ว เรื่องอื่นๆเขาแทบไม่สนใจเลย ไม่ว่าหยางเต๋อจ้าวจะพูดอะไร เขาก็พยักหน้าโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
หลังจากตกลงเงื่อนไขกันเรียบร้อยแล้ว จี้เฟิงก็ยิ้มและพูดว่า “อาเขยครับ ห้องแล็บในช่วงสั้นๆนี้อาจจะยังไม่ได้มีอะไรพัฒนามากนัก นั่นเป็นเพราะโรงงานยาเถิงเฟยของเราเพิ่งเริ่มต้น แต่อาเขยวางใจได้เลย ผมจะซื้อเครื่องมือทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับห้องแล็บให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถ้าอาเขยมีเพื่อนที่ทำด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ อืม... ผมหมายถึง คนที่เก่งๆเลยน่ะ อาเขยก็ชวนพวกเขามาทำงานกับเราได้เลยนะครับ!”
คังหยวนพยักหน้าและพูดทันที “ไม่ต้องห่วง ฉันจะทำอย่างแน่นอน!”
“งั้นก็ดีเลย เชิญคุณอาเซ็นสัญญาได้เลยครับ!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่องานทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว จี้เฟิงจึงเป็นเจ้ามือชวนคังหยวนและหยางเต๋อจ้าวทานข้าวกลางวันด้วยกัน จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
จี้หยินหงกับคังหยวนพักอาศัยอยู่ที่เกสต์เฮาส์ที่จี้ช่าวเหลยเตรียมไว้ให้
จนเมื่อประมาณบ่ายสองกว่าๆ จู่ๆอาสะใภ้รองก็โทรมาชวนแม่ของเขาไปที่บ้าน จี้เฟิงเห็นว่าแม่อยู่บ้านเฉยๆก็คงจะเบื่อ เลยสนับสนุนให้แม่ไปหาอาสะใภ้รอง
ภายใต้การคุ้มกันของเสี่ยวอิงและบอดี้การ์ดคนอื่นๆ เซียวซูเหม่ยก็ไปที่บ้านของอาสะใภ้รอง ดังนั้นที่วิลล่าจึงเหลือจี้เฟิงเพียงคนเดียว
แต่เขาไม่ได้รู้สึกเหงาหรือเบื่อเลย เขาเข้าไปในจิตใต้สำนึกของตัวเองและทำการฝึกฝนต่อไป
จนเมื่อจี้เฟิงออกมาจากจิตใต้สำนึก ก็เป็นเวลาเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว จี้เฟิงจึงรีบขับรถไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อไปรับเซียวหยูซวนและถงเล่ยกลับบ้าน
เมื่อมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัย จี้เฟิงก็อดขบขันไม่ได้ เมื่อเห็นนักศึกษาแต่ละคนมีสีหน้าที่แตกต่างกันไป บางคนดีใจ บางคนหดหู่ เขาถึงกับหัวเราะออกมา แม้ว่าจะเป็นคะแนนแค่ 60 คะแนน แต่เป็นคะแนนที่ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆเลย
จี้เฟิงอดยิ้มไม่ได้ เพราะมันทำให้เขาหวนนึกถึงอดีต ในตอนที่เขาสอบไม่ผ่าน อารมณ์ของเขาก็เหมือนกับคนที่อยู่ตรงหน้าเขาแบบนี้เลย!
ในไม่ช้า เขาก็เห็นเซียวหยูซวนและถงเล่ยเดินออกมา ร่างงดงามทั้งสองของพวกเธอโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษท่ามกลางหมู่นักศึกษาที่พลุกพล่าน
จี้เฟิงอดภาคภูมิใจไม่ได้ ผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าสองคนนี้เป็นแฟนของเขา!
แต่ไม่นานจี้เฟิงก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อเขาพบว่าใบหน้าที่งดงามของถงเล่ยดูไม่สบอารมณ์ หรือว่าเธอจะทำข้อสอบไม่ได้?
“ทางนี้!” จี้เฟิงโบกมือให้สองสาว และเซียวหยูซวนก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยความยินดี
“เล่ยเล่ย เธอทำข้อสอบไม่ได้เหรอ? ทำไมสีหน้าถึงดูไม่ดีเลย?!” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่!” ถงเล่ยส่ายหัวและพูดด้วยเสียงที่คมชัดว่า “ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าฉันน่ะสิ เธอต้องการกระดาษคำตอบของฉัน แต่ฉันไม่ให้เธอ เธอเลยพูดสิ่งที่ไม่น่าฟัง!”
...จบบทที่ 512~❤️