ตอนที่ 97+98 เขาไม่ได้บ้า
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ เจียงเหยาจึงเฝ้าดูชายคนนั้นด้วยความอยากรู้ เธอเห็นเขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ชายคนนั้นชะเง้อคอมองไปรอบ ๆ ราวกับว่าเขากำลังรอใครสักคนอยู่
เจียงเหยาเห็นใบหน้าของชายคนนั้นเมื่อเขาหันกลับมา เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างไม่สมส่วนนักและดูเหมือนว่าจะไม่ได้อาบน้ำ ใบหน้าของเขามีรอยย่นและไร้รสนิยม ผมเผ้ายุ่งเหยิง เจียงเหยายืนอยู่ไกล ๆ สังเกตว่าชายคนนั้นพึมพำอะไรสักอย่างกับตัวเอง คนอื่น ๆ เดินผ่านเขาไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเขา
“โอ้ ผู้ชายคนนั้นดูแปลกประหลาดเสียจริง” เจียงเหยาพูดกับตัวเอง
“คุณกำลังมองหาอะไรอยู่?” เมื่อลู่ชิงสีเดินเข้ามาหาเธอ เจียงเหยาจ้องมองเหม่อออกไปไกลอย่างใจจดใจจ่อ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากลับมาแล้ว
เขาหยิบขวดน้ำอัดลมยัดใส่ในมือของเจียงเหยา เจ้าหน้าที่เริ่มตรวจตั๋ว
เจียงเหยาได้สติคืนมาอีกครั้บ เธอหันมาและส่งยิ้มให้กับลู่ชิงสี ขณะที่ช่วยหิ้วถุงที่เต็มไปด้วยขนมในมือของเขา เธอเปิดถุง มองเข้าไปในถุง ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา ในถุงเต็มไปด้วยพุดดิ้ง ขนมหวาน เมล็ดทานตะวัน บิสกิต และเครื่องดื่ม ทั้งหมดนี้คืออะไรกัน? เขาคิดว่าเขากำลังดูแลเด็กหญิงอายุสามขวบอยู่อย่างนั้นหรือ?
“ไปกันเถอะ” ลู่ชิงสีกระตุ้น ขณะที่เขาหยิบสัมภาระบนพื้นขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ยืนเคียงข้างกันเพื่อรอการตรวจตั๋วรถไฟ
ใบหน้าของหญิงสาวฉาบไปด้วยรอยยิ้มซุกซน ขณะที่เธอแกะห่อขนมออก และหยิบขนมยื่นใกล้ริมฝีปากของลู่ชิงสี “กินขนม”
ลู่ชิงสีเอียงศีรษะไปด้านข้างอย่างกระดากกระเดือก “เพื่อคุณเลยนะ” เขาพูด แสดงให้เห็นว่าปกติเขาไม่เคยกินขนมไม่มีประโยชน์แบบนี้
“ลองดูคะ อร่อยนะ” เจียงเหยาหยิบขนมไปใกล้ริมฝีปากของเขาอีกครั้ง
ลู่ชิงสีหันหน้าไปมา “ไม่ล่ะ ขอบใจนะ คุณกินเถอะ”
“ก็คุณซื้อมานี่ ไม่ลองหน่อยเหรอ?” เจียงเหยาย้ายมือออกห่างจากริมฝีปากเขา และกินขนมชิ้นนั้นเอง พูดกันตามตรง เธอไม่ชอบกินขนมและอาหารขยะเหมือนกัน แต่เพราะลู่ชิงสีซื้อมันมา เธอจึงไม่ได้บอกเขา อีกอย่าง เธอตัดสินใจที่จะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของเขา เพราะลู่ชิงสีดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่สามารถพูดเล่น ๆ ด้วยได้สักเท่าไหร่
ลู่ชิงสีเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวของเจียงเหยา ขณะทีพ่วกเขากำลังเข้าใกล้ประตู เขามองลงไปเพื่อรับตั๋ว ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลจากฝูงชนรอบตัวเขา จากนั้นเสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลังของเจียงเหยาก็ดังก้องไปทั่วชานชาลา
ด้วยความกังวล ลู่ชิงสีหันกลับไปมองอย่างรวดเร็วและอ้าปากค้างด้วยความตกใจสุดขีด
“เจียงเหยา!” ลู่ชิงสีทิ้งสัมภาระในมือและวิ่งตรงไปที่เจียงเหยา เขาเตะคนบ้าที่เข้ามากอดเจียงเหยาไว้แน่น จากนั้นเขาก็ดึงเจียงเหยาที่กำลังตกใจสุดขีดเข้ามากอด และกอดเธอไว้แน่น “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
เจียงเหยากำลังร้องไห้ออกมาดัง ๆ ในอ้อมแขนของเขา ลู่ชิงสีมองดูเธอ เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ และหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน เขาควรปล่อยให้เจียงเหยาเดินอยู่ข้างหน้าเขาตลอดเวลา เขาไม่ควรปล่อยละสายตาจากเธอ
“ที่รัก! ที่รักของผม! ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว!” คนบ้าที่ล้มลงกับพื้นจากจากถูกเตะ ปีนป่ายขึ้นมาและพุ่งเข้ามาหาเจียงเหยาและลู่ชิงสี เขายังตะโกนใส่เจียงเหยาและเรียกเธอว่าที่รักของเขา เมื่อเขาเห็นลู่ชิงสีกอดเจียงเหยา เขาก็คลั่งและเข้าชกต่อยลู่ชิงสี “ปล่อยเมียฉัน! ปล่อยเธอนะ!”
ลู่ชิงสีเป็นทหาร ดังนั้นการชกจากคนบ้าร่างผอมแห้ง ไม่ต่างอะไรกับของนุ่ม ๆ ที่มาโดนตัวเขา
ลู่ชิงสีหลีกเลี่ยงการต่อยอย่างรวดเร็วในขณะที่ปกป้องเจียงเหยาไว้ในอ้อมแขนของเขา เขาเริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็นคนบ้าเรียกเจียงเหยาว่า ที่รักของเขา
“ดูให้ดีสิ เธอเป็นเมียฉัน!” ลู่ชิงสีตะโกนใส่คนบ้า
ชายหนุ่มปกป้องเจียงเหยาด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างในการจัดการกับคนบ้า เมื่อเห็นว่าคนบ้ากำลังดิ้นรนอย่างมาก เขาก็ปล่อยมือจากเจียงเหยาและพุ่งเข้าหาคนบ้า ตรึงร่างอีกฝ่ายลงกับพื้น
__
ประสบการณ์ทั้งหมดทำให้เจียงเหยาตัวแข็งทื่อ เธอตัวสั่นด้วยความกลัว
ขณะที่เธอยืนอยู่ข้างหลังลู่ชิงสี ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้น เขากระโดดขึ้นมาบนตัวเธอและลากเธอออกไปไกลหลายก้าว ขณะเรียกเธอว่าภรรยาของเขา เธอหันกลับมาและตระหนักว่าเป็นคนบ้า เธอเริ่มกรีดร้องอย่างสุดปอด เธอยังได้กลิ่นอันน่าสะพรึงกลัวที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของชายคนนั้น
นอกจากจะตกใจกับสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว เธอรู้สึกไม่สบายและรังเกียจ ภายในสองชาติของเจียงเหยา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกจับตัวโดยผู้ชายที่ไม่ใช่ญาติทางสายเลือดของเธอ เหตุการณ์นั้นน่าขยะแขยงมากจนเธอเกือบจะอ้วกออกมาทันที
เมื่อเจียงเหยาหันไปมองลู่ชิงสี เธอเห็นเขากดชายคนนั้นไว้กับพื้น ยกกำปั้นขึ้น เธอค่อย ๆ สงบสติอารมณ์และตะโกนบอกลู่ชิงสี “หยุดเถอะ อย่าทำให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย”
ท้ายที่สุด ลู่ชิงสีเป็นทหารที่ดี แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบ มันคงไม่ดี ถ้ามีคนรู้จักเขาและรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวกับหัวหน้าของเขา
ทันใดนั้น หญิงชราคนหนึ่งก็พุ่งออกมา ตรงไปหาลู่ชิงสีพร้อมกับตีที่มือและแขนที่ตรึงคนบ้าไว้กับพื้น พร้อมกับคำราม “นี่ ปล่อยลูกชายของฉันนะ! ปล่อยเขา! ลูก เป็นไงบ้าง อย่าทำให้แม่ตกใจสิ!”
ลู่ชิงสีจำผู้หญิงคนนั้นได้ เธอขายผลไม้ที่สถานีรถไฟ ลู่ชิงสีเคยเห็นคนบ้าและหญิงชราที่สถานีรถไฟ แต่เขาไม่รู้ว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ลู่ชิงสีไม่เคยได้ยินเรื่องความวุ่นวายใด ๆ ที่เกิดจากคนบ้าในสถานีรถไฟ ทว่า คราวนี้ เขาได้กระโดดเข้าหาภรรยาของเขาและทำให้เธอตกใจกลัว ดังนั้นเขาจึงปล่อยผ่านไปไม่ได้
“ลูกชายของป้าเหรอ?” ลู่ชิงสีพูดอย่างไม่พอใจ “ป้าไม่รู้หรือไงว่าลูกของตัวเองเป็นคนบ้า?”
“ไม่นะ! เขาไม่ได้บ้า!” หญิงชราปฏิเสะด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ที่นี่กลายเป็นที่ป่าเถื่อนไปแล้วหรือไง? ทำไมถึงได้รังแกลูกชายของฉัน”
นายสถานีรถไฟกลอกตาแล้วพูดว่า “ป้า ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็รู้กันหมดนั่นแหละว่าลูกป้าเป็นคนบ้า ลูกของป้าอยู่ที่สถานีที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว? สิบห้าปีได้มั้ง? หรือยี่สิบปี? เขามักจะพูดคนเดียวอยู่เสมอ คราวนี้เขากระโดดเกะบนตัวสาวสวยคนนี้และบอกว่าเธอคือภรรยาของเขา! ป้ารู้ไหมว่าผู้โดยสารกี่คนที่ตกใจกับเรื่องตลกร้ายของเขา”
ผู้โดยสารที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดแทรก “ใช่! จู่ ๆ ลูกชายของป้าก็เข้าไปกอดภรรยาของผู้ชายคนนั้นและบอกว่าเธอเป็นภรรยาของเขา ดูเด็กสาวที่น่าสงสารคนนั้นสิ เธอกลัวมากจนหน้าซีดและยังตัวสั่นด้วย ป้ากล้าดียังไงมาว่า ว่าเขารังแกลูกชายของป้า หลังจากที่ลูกตัวเองทำเรื่องแบบนั้น ป้าควรจะขอบคุณชายหนุ่มคนนั้นที่ไม่ตีเขาจนตาย!”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าลูกฉันไมได้บ้า!” หญิงชราตะโกนเสียงดัง จากนั้นเธอก็ช่วยพยุงคนบ้าให้ลุกจากพื้นพร้อมกับสะอื้นไห้ “ลูก ลุกเร็วเข้า บอกพวกเขาไปสิว่าลูกไม่ได้บ้า โอ้ ลูกชายของฉัน! แม่ต้องบอกลูกสักกี่ครั้ง ผู้หญิงคนนั้นไม่กลับมาแล้ว เธอไม่ต้องการลูกอีกแล้ว!”
“ไม่จริง! แม่โกหก!” คนบ้าผลักหญิงชราออกไปทันทีราวกับถูกฟ้าผ่า “เธอรักผม! เธอรักผมมาก! แม่นั่นแหละ เป็นความผิดของแม่ทั้งหมด! เธอคงไม่จากไป ถ้าไม่ใช่เพราะแม่!”
คนบ้าเดินโซเซขณะที่เขายืนขึ้น ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปทั่วตัว “เธอแค่โกรธผม ถ้าหายโกรธแล้ว เธอก็จะกลับมา เธอจะกลับมาอย่างแน่นอน”
ตามที่นายสถานีบอกเขา คนบ้าก็เดินออกไปและพูดพึมพำกับตัวเองในขณะที่หญิงชราหมอบลงกับพื้นแล้วร้องไห้