WS บทที่ 312 อันธการ PART 2
*เอี๊ยด…*
ประตูถูกผลักออกเบา ๆ และลมเย็นพัดเข้ามา พัดชายเสื้อคลุมสีดำของเมอร์ลิน ยกขึ้นเล็กน้อย
เมอร์ลินไม่ได้เงยหน้าขึ้น นิ้วของเขาแตะบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา
"นายท่านขอรับ”
คนที่เดินเข้ามาคือพ่อมดแบมมูผู้ลึกลับ ต่อหน้าเมอร์ลิน พ่อมดแบมมูดูเคารพเขามาก
"เป็นอย่างไรบ้าง?" เมอร์ลินถามอย่างไม่ใส่ใจ
“นายท่าน ข้าพบแรงจูงใจของพวกเขาแล้ว ชายชราครึ่งงูครึ่งคนได้รับคำสั่งจากองค์ชายแปดให้ปกป้องครอบครัวของท่านที่ปราสาทวิลสัน สำหรับจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคือการผูกมิตรกับอาจารย์ที่ปรึกษาของท่าน พ่อมดลีโอ!”
พ่อมดแบมมูได้รายงานข้อมูลบางส่วนที่เขาได้ยินกับเมอร์ลิน ตัวเขามีพลังจิตของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่จึงสามารถได้ยินทุกสิ่งอย่างลับ ๆ ได้
“ถ้างั้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่ออาจารย์ของฉัน…”
อันที่จริง เมอร์ลินคาดเดาไว้แล้ว ทางราชวงศ์มีอำนาจยิ่งใหญ่ในอาณาจักรแบล็กมูน แม้แต่องค์กรนักเวทย์ธรรมดา พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ท้ายที่สุดแล้ว พลังของราชวงศ์แห่งอาณาจักรแบล็คมูนเป็นตัวแทนของอำนาจที่ทรงพลังซึ่งเทียบเท่ากับองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่ ถ้าพวกเขาไม่ได้มีพลังมากขนาดนั้น พวกเขาคงไม่สามารถปกครองอาณาจักรแบล็คมูนได้
เนื่องจากลีโอฆ่าออสซีอุสไป ชื่อของเขาก็ดังกระฉ่อนทันทีแถมเขายังครอบครองดวงตาแห่งความมืดในตำนานซึ่งสามารถฆ่านักเวทย์ระดับเจ็ดที่ทรงพลังได้ สิ่งนี้แสดงถึงความหมายยิ่งใหญ่สำหรับนักเวทย์ที่ทรงพลัง
สำหรับเมอร์ลิน องค์ชายแปดเท่านั้นที่สังเกตเห็นเขาเนื่องจากความสัมพันธ์เล็กน้อยของเขากับพ่อมดลีโอ โดยองค์ชายแปดหวังว่าจะติดต่อพ่อมดลีโอผ่านเมอร์ลิน
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เมอร์ลินก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเขาก็แสดงอาการเย็นชา เขาพึมพำเสียงต่ำ “ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด องค์ชายแปดได้ช่วยชีวิตทุกคนในปราสาทวิลสัน ถ้าพระองค์ต้องการพบพ่อมดลีโอ ฉันก็จะช่วยพระงค์! อย่างไรก็ตาม ฉันต้องขอจัดการเรื่องของตระกูลให้เรียบร้อยเสียก่อน…”
ปราสาทวิลสันไม่ปลอดภัยแล้วและตัวตนของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ว่าจะมีการคุ้มครองจากดินแดนมนต์ดำแต่ก็ยากที่จะรับประกันความปลอดภัยของปราสาทวิลสันอย่างแท้จริง เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความเย็นชาในดวงตาของเมอร์ลินก็ทวีความรุนแรงขึ้น
คราวนี้ เมอร์ลินมีแผนเล็กน้อยในใจเมื่อเขานำพ่อมดแบมมูกลับมาที่ปราสาทวิลสันและตอนนี้ แผนของเขาก็แน่วแน่มากขึ้น ถ้าเขาปล่อยให้พ่อมดแบมมูอยู่ในปราสาทวิลสัน เขาก็จะสามารถขจัดความกังวลทั้งหมดออกไปได้
ถึงอย่างนั้น เมอร์ลินก็ไม่เคยคิดที่จะทำให้ตระกูลวิลสันเป็นตระกูลนักเวทย์แต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ทำให้เขาต้องพิจารณาเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดโคซิออนกับซีเลีย ลูกทั้งสองของเขาไม่มีคุณสมบัติของนักเวทย์แต่โคล ลูกน้อยของเมซี่ส์กับมีคุณสมบัติของนักเวทย์ตั้งแต่อายุยังน้อย
นี่เป็นโอกาสสำหรับตระกูลวิลสันที่จะกลายเป็นตระกูลนักเวทย์
“ฉันไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากฆ่าไวส์กับบลูเบิร์ดและกลายเป็นนักเวทย์ที่เก่งกาจในสายตาของคนอื่นแถมฉันยังคงเป็นนักเรียนที่มีค่าที่สุดของอาจารย์ลีโอ จะทำให้ตระกูลต้องพบเจอเรื่องแบบนี้…”
เมอร์ลินรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้เพราะเขาได้ผ่านอะไรหลาย ๆ อย่างมานับตั้งแต่เข้าสู่ดินแดนมต์ดำและค่อย ๆ เติบโตจากพ่อมดมือใหม่ไปเป็นพ่อมดที่ทรงพลัง
ถึงกระนั้น ในสายตาของนักเวทย์ที่ทรงอานุภาพอย่างแท้จริง ตัวเขาจะยังคงเป็นลูกศิษย์ของ ‘พ่อมดลีโอ’ อยู่เสมอ และตัวตนของเขายังไม่สามารถแยกจากดินแดนมนต์ดำกับพ่อมดลีโอได้
“นายท่านขอรับ ข้ามีเรื่องจะพูดแต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดดีไหม?”
พ่อมดแบมมูผู้ซึ่งให้ความเคารพมาโดยตลอด ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ดูเหมือนวันนี้จะเกิดความลังเลใจ
“มีอะไรผิดปกติหรือ?” เมอร์ลินมองพ่อมดแบมมูอย่างสับสน
พ่อมดแบมมูสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถอนหายใจ “นายท่าน มันเป็นเรื่องของที่ปรึกษาของท่าน พ่อมดลีโอ ตอนที่ข้าสอดแนมข้อมูลให้ท่าน ข้าบังเอิญได้ยินคนพวกนั้นพูดถึง 'ดวงตาแห่งความมืด' จริงหรือไม่ที่อาจารย์ของท่านประสบความสำเร็จในการฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด?”
อย่างที่เมอร์ลินคิด มันเกี่ยวข้องกับดวงตาแห่งความมืดจริง ๆ ด้วย สำหรับดวงตาแห่งความมืดที่ทุกคนรู้จักนั้น ไม่มีรู้พลังที่แท้จริงของมัน
อย่างไรก็ตาม ในโลกนี้ มีนักเวทย์บางคนที่รู้จักดวงตาแห่งความมืด เช่น องค์ชายแปดแห่งอาณาจักรแบล็คมูน มีความเป็นไปได้สูงที่เขารู้ว่าสิ่งที่พ่อมดลีโอปลูกฝังคือดวงตาแห่งความมืดที่แท้จริง มิฉะนั้น เขาคงไม่สนใจดินแดนมนต์ดำมากนักและต้องยังต้องการผูกมิตรกับพ่อมดลีโอผ่านเมอร์ลินอีกด้วย
“ถูกต้อง อาจารย์ของฉันได้ฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดจนสำเร็จ ว่าแต่พ่อมดแบมมู คุณรู้ละเอียดเกี่ยวกับดวงตาแห่งความมืดหรือไม่?”
เมอร์ลินรู้ว่าพ่อมดแบมมูเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังเมื่อหลายศตวรรษก่อน ดังนั้นความรู้บางอย่างเกี่ยวกับคาถาที่เขามีนั้นมากกว่าตัวเขาเอง คงไม่น่าแปลกใจถ้าเขารู้เรื่องดวงตาแห่งความมืด ท้ายที่สุด พ่อมดแบมมูยังรู้เรื่องเรือของนิโคล่า, แม็กซิมแห่งไฟและอื่น ๆ นับประสาอะไรกับดวงตาแห่งความมืด
เมื่อได้ยินคำตอบของเมอร์ลิน สีหน้าของพ่อมดแบมมูก็เปลี่ยนไป หลังจากเงียบอยู่นาน เขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และถอนหายใจออกมา
“นายท่าน บางทีท่านอาจยังไม่รู้ ดวงตาแห่งความมืดเป็นพลังปีศาจแพนโดร่าที่สร้างขึ้นโดยมหาจอมเวทย์แห่งความมืด โอลาส มีข่าวลือว่าดวงตาแห่งความมืดของมหาจอมเวทย์โอลาสได้นำนักเวทย์ผู้ทรงพลังจำนวนนับไม่ถ้วนมาพิชิตมิติอันยิ่งใหญ่และขับไล่เหล่าเทพเจ้ามากมาย เขาเป็นหนึ่งในตำนานที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาเหล่านักเวทย์เมื่อหลายพันปีก่อน!
“นอกจากมหาจอมเวทย์โอลาสแล้ว ยังคนอื่น ๆ ที่พยายามฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดแต่ไม่ประสบความสำเร็จ มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเป็นเวลาหลายพันปีว่า ดวงตาแห่งความมืดนี้มีคำสาปแช่ง ผู้ใดก็ตามที่พยายามฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด สุดท้ายจะต้องตายในความทุกข์ทรมานพร้อมกับคำสาปชั่วนิรันดร์…”
หลังจากฟังสิ่งที่พ่อมดแบมมูพูด เมอร์ลินก็ขมวดคิ้ว เขารู้เพียงว่า ดวงตาแห่งความมืดนั้นทรงพลังมาก มันมีทั้งหมดเจ็ดรูปแบบซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยมหาจอมเวทย์โอลาส
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดหวังว่าพลังปีศาจแพนโดร่าที่ทรงพลังเช่นนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘คำสาป’ อยู่ด้วย
โดยส่วนตัวแล้ว เมอร์ลินไม่เชื่อในคำสาปใด ๆ ในมุมมองของเขา มันอาจจะเป็นความล้มเหลวของการฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด และไม่มีใครเลยที่ประสบความสำเร็จเลย ดังนั้นคนอื่นจึงมองว่ามันเป็นคำสาป
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของเมอร์ลิน พ่อมดแบมมูก็ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า “นายท่าน จริงอยู่ว่าดวงตาแห่งความมืดทั้งประหลาดและทรงพลัง มีนักเวทย์จำนวนมากต่างพยายามฝึกฝนมัน แม้แต่จอมเวทมนต์ผู้ยิ่งใหญ่บางคนที่รวบรวมแม็กซิมส์ก็ตาม
อย่างไรก็ดี แม้แต่จอมเวทย์ที่เริ่มครวบรวมแม็กซิม เมื่อพวกเขาเริ่มฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด พวกเขาก็จะถูกพลังธาตุมืดกลืนกินอย่างลึกลับและสภาพการตายของพวกเขาก็แปลกประหลาด จอมเวทย์บางคนถึงกับถูกดวงตาแห่งความมืดกลืนกิน…ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีข่าวลือว่าดวงตาแห่งความมืดเป็นพลังปีศาจแพนโดร่าต้องสาป
นอกจากมหาจอมเวทย์โอลาสแล้วก็ไม่มีใครสามารถฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดได้ หากอาจารย์ของท่านได้ฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดสำเร็จแต่นายท่านไม่ควรพยายามฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด…”
พ่อมดแบมมูรู้สึกหมดหนทางเช่นกัน เขารู้ดีว่าโดยพื้นฐานแล้วเมอร์ลินจะไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เขาพูดก็ได้ เมื่อเผชิญหน้ากับพลังปีศาจแพนโดร่าอันทรงพลังก็ไม่มีใครต้านทานสิ่งล่อใจได้
ถ้าเขาไม่เห็นนักเวทย์ที่ทรงพลังที่ฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดตายอย่างอนาถต่อหน้าต่อตาเขา มีหรือคนอย่างเขาจะไม่ฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดด้วย
“คุณกลัวว่าฉันจะฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดและตายก่อนถึงระยะเวลาสัญญาร้อยปีแล้วลากคุณไปตายด้วยใช่มั้ย?”
เมอร์ลินเห็นว่าใบหน้าของพ่อมดแบมมูเต็มไปด้วยความกังวล พ่อมดแบมมูกังวลเกี่ยวกับสัญญาทาส
เมอร์ลินกับพ่อมดแบมมูได้ลงนามในสัญญาทาสซึ่งเป็นสัญญาที่เอารัดเอาเปรียบที่สุดในบรรดาสัญญาทั้งหมด เมื่อเมอร์ลินเสียชีวิตในฐานะ ‘เจ้านาย’ ของสัญญา พ่อมดแบมมูในฐานะ ‘ทาส’ ก็จะไม่มีโอกาสรอดชีวิตเช่นกัน สัญญาทาสที่ทรงพลังจะฆ่าพ่อมดแบมมูในพริบตา
แล้วอีกอย่าง สัญญาทาสของเมอร์ลินกับแบมมูยังมีร่องรอยของพลังของแม็กซิมแห่งไฟไว้ด้วย แม้ว่าพ่อมดแบมมูจะกลายเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่และเขาจะรวบรวมแม็กซิมและกลายเป็นจอมเวทย์ในตำนานแต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้านสัญญาทาสซึ่งมีพลังของแม็กซิมได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพ่อมดแบมมูถึงกังวลเกี่ยวกับการฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดของอาจารย์ของเมอร์ลิน เขากลัวว่าหากเมอร์ลินฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด มันจะลากเขาไปสู่ความหายนะด้วยเช่นกัน
ใบหน้าของพ่อมดแบมมูมีความอับอาย แม้ว่าเขาจะกลายเป็นทาสของเมอร์ลินแต่ก็ยังมีเวลาเพียงร้อยปีเท่านั้น ร้อยปีถือว่าไม่นานนักสำหรับนักเวทย์ระดับเจ็ดอย่างเขา เขาไม่ต้องการที่จะออกจากการทรมานหลายร้อยปีในกรงเพลิงเพื่อมาตายโดยเรื่องไร้เหตุผลเช่นนี้
“เอาล่ะ พ่อมดแบมมู ฉันจะจำเรื่องนี้ไว้และจะไม่พยายามฝึกฝนมัน”
เมอร์ลินพยักหน้าในที่สุด ไม่ใช่ว่าเขาเชื่อในคำสาปของดวงตาแห่งความมืดจะเป็นจริงแต่ดวงตาแห่งความมืดนั้นเป็นพลังปีศาจที่ทรงพลังมาก นอกจากนี้ พ่อมดลีโอไม่ได้ตั้งใจจะส่งต่อดวงตาแห่งความมืดให้เขา ดังนั้นแม้ว่าเมอร์ลินจะต้องการฝึกฝน เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
ในวันหนึ่ง หากเขากลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่จริง ๆ บางทีเมอร์ลินอาจจะพิจารณาและศึกษาดวงตาแห่งความมืดอย่างรอบคอบในภายหลัง
*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*
“ขออภัยที่ดิฉันเข้ามารบกวน ท่านไวเคานต์เจ้าคะ ตอนนี้มันดึกมากแล้ว นายหญิงทั้งสองจึงสั่งให้ดิฉันพาท่านไปที่ห้องเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงสาวใช้ของปราสาทจากด้านนอกประตู เมอร์ลินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ตอนนี้มันดึกมากแล้วจริง ๆ เมื่อเขาอยู่ในดินแดนมนต์ดำ เขาไม่ได้สนใจเรื่องเวลามากนัก
“นายท่าน ข้าขอตัวก่อนขอรับ!”
พ่อมดแบมมูก็จากไปอย่างทันท่วงที ร่างของเขาหายไปอย่างเงียบ ๆ สู่แสงยามราตรี ด้วยพลังจิตอันยิ่งใหญ่ในปัจจุบันของแบมมู เขาตระหนักดีถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในปราสาทวิลสันทั้งหมด ไม่มีอะไรจะหนีจากสายตาของพ่อมดแบมมูได้
เมอร์ลินผลักประตูเปิดและเหลือบมองสาวใช้ที่มองลงมาด้านล่าง เขาไม่อาจมองเห็นเธอได้อย่างชัดเจนในความมืดแต่เขาก็ไม่สนใจ ขณะที่เขาค่อย ๆ ยกเท้าขึ้นและเดินขึ้นไปชั้นบน