ตอนที่แล้ว1053-1054
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1057-1058

1055-1056


5/8

Ep.1055

“ความตายอยู่แค่เอื้อม ยังกล้าปากเก่งอีก? เช่นนั้นเจ้าก็จงลิ้มรสความร้ายกาจของข้า!”

ยักษ์อุกกาบาต ร้องคำรามเกรี้ยวกราด กำหมัดที่ใหญ่โตราวกับขุนเขาขนาดย่อมทุบมายังซูเฉิน

ในคราเดียว คลื่นพลังอันบ้าคลั่งรุนแรงกดทับลงมาจากเบื้องบน มิติโดยรอบสั่นสะเทือน ทั้งหมดกลายเป็นสีดำสนิท

[รถศึกอัจฉริยะ] เองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ถูกอัดปลิวออกไปหลายไมล์

ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆในรถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันแทรกซึมเข้ามาในร่างกายของพวกเขา สีหน้าของทั้งหมดแปรเปลี่ยนไป เกิดอาการหายใจติดขัด

ในเวลาเดียวกัน ทั้งหมดเกิดความรู้สึกวิตกกังวลแทนซูเฉิน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ ยักษ์อุกกาบาตที่สามารถทำลายล้างได้ทั้งสวรรค์และปฐพี ซูเฉินจะยังสามารถต้านทานได้หรือไม่?

“ก็แค่ทักษะกระจ้อยร่อย!” ซูเฉินแผดเสียงเย็น ทันใดนั้นร่างเขาขยายใหญ่ขึ้นเป็นสิบจั้ง ปลดปล่อยพลังจิตเข้าห่อหุ้มกำปั้น พร้อมโคจร [เกล็ดแขนทองคำ] และ [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า] ทะยานซัดหมัดเข้าปะทะกับยักษ์อุกกาบาตจากเบื้องบน

นี่มันอะไรกัน? ซูเฉินต้องการงัดกับเหล็กแข็งกระนั้นหรือ? อ๊าาาา!

เห็นภาพนี้ หัวใจของฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆแทบหยุดเต้น

“ช่างไม่รู้จักประมาณตน” มุมปากของยักษ์อุกกาบาตสาดรอยยิ้มเย็น จากนั้นออกแรงเพิ่มขึ้นอีกสามส่วน ตั้งปฏิญาณว่าจักสังหารซูเฉินให้ได้ในหมัดเดียว!

วินาทีถัดมา หมัดของซูเฉินกับยักษ์อุกกาบาตปะทะกัน บังเกิดเสียงครืนนนนนนน! ดังกึกก้อง

เห็นแค่เพียง หมัดของยักษ์อุกกาบาตเกิดการระเบิดแหลกลาญ ทั้งแขนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในคราเดียว กลับคืนสู่รูปลักษณ์อุกกาบาตอีกครั้ง บริเวณโดยรอบราวกับมีฝนอุกกาบาตกระจายไปทุกทิศทาง

“ซูเฉินจะร้ายกาจเกินไปแล้ว!”

เห็นซูเฉินใช้หมัดเดียวทำลายทั้งแขนของยักษ์อุกกาบาต ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!?”

เห็นกำปั้นใหญ่แตกเป็นเสี่ยงๆ ยักษ์อุกกาบาตตัวแข็งทื่อ

ไม่ว่าจะเป็นในด้านความทนทานของร่างกายหรือพละกำลังของซูเฉิน มันแกร่งเหนือความคาดหมายของเขาไปอย่างสิ้นเชิง

ณ เวลานี้ ซูเฉินลอยขึ้นมายังส่วนหัวของยักษ์อุกกาบาต เรียกกระบี่เทวะทั้ง 100 เล่มออกมา พร้อมสับลงกลางอวกาศ

“กระบี่ธาตุสายฟ้ามากมายเหลือเกิน ...” ยักษ์อุกกาบาตตกตะลึง ลืมเลือนกระทั่งการป้องกัน

ฟัฟฟฟฟฟฟ!

กระบี่เทวะทั้ง 100 เล่ม ฟันลงกลางหัวของยักษ์อุกกาบาต เกิดรอยปริร้าวไปทั่ว สุดท้ายหัวของยักษ์อุกกาบาตแตกเป็นเสี่ยงๆ

ในเวลาเดียวกัน บังเกิดเสียงกรีดร้องน่าสังเวช

วินาทีถัดมา ยักษ์อุกกาบาตทั้งตัวพลังทลายลง

“ซูเฉินจะไร้เทียมทานเกินไปแล้ว!”

เฝ้ามองไปยังร่างของซูเฉินจากระยะไกล ดวงตาของฉีมู่อวี้เต็มไปด้วยประกายวิบวับทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์จากก้นบึ้งของหัวใจ

ยักษ์อุกกาบาตที่มีความสูงถึงร้อยจั้ง และยังเป็นถึง ระดับเทวะขั้น 7 ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเฉิน

ภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งและไร้เทียมทานของซูเฉิน ค่อยๆทิ้งรอยประทับไว้ในใจของเธอ

“อย่าให้ฉันหาร่างต้นของแกเจอแล้วกัน!”

ซูเฉินแค่นเสียงฮึ หันหลังกลับไปที่ [รถศึกอัจฉริยะ]

แม้สามารถทำลายภูติเงาสัตว์ร้ายมิติลงได้ แต่ชิ้นส่วนไม่ดรอป ทำให้เขาอารมณ์เสียมาก

“ซูเฉิน ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติตนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นหลี่เค่อฉวินแห่งเกาะโหยวเชิง”

ซูเฉินกลับมาที่รถ ฉีมู่เฟิงก็บอกเขาทันที

เกาะโหยวเชิง ... หลี่เค่อฉวิน ...

ซูเฉินพึมพำเบาๆ แล้วจู่ๆก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เอ่ยปากว่า “เกาะโหยวเชิงที่พูดถึง ไม่ใช่ว่ามันอยู่ใกล้สถานที่สาบสูญหรอกหรอ?”

“ใช่แล้ว” ฉีมู่เฟิงตอบยืนยัน

“งั้นคราวหน้าถ้าพวกเราไปสถานที่สาบสูญ  ก็ถือโอกาสนั้นทำลายเกาะโหยวเชิงด้วยซะเลย”

ซูเฉินหรี่ตาลง พึมพำกับตัวเอง

สถานที่สาบสูญคือสถานที่ที่ได้แผนที่มาจากสมุนไพรกำเนิดเซียน เป็นสถานที่ที่แม้แต่นักพรตเทียนซ่านก็ยังให้ความสำคัญกับมัน

นี่แสดงให้เห็นว่า ที่นั่นต้องมีความลับบางอย่างซ่อนไว้ และซูเฉินต้องไปสำรวจมันอย่างแน่นอน

และเนื่องจากหลี่เค่อฉวินจากเกาะโหยวเชิงกล้าโจมตีเขา ซูเฉินจึงมีเหตุผลที่จะทำลายล้างเกาะโหยวเชิง

6/8

Ep.1056

หลังจากนั้น [รถศึกอัจฉริยะ] เริ่มมุ่งหน้าสู่ป้อมปราการมิติต่อ และใช้เวลาอีกเจ็ดวัน ในที่สุดก็ถึงที่หมาย

กระนั้น กลับมีเรื่องน่าประหลาดใจเกิดขึ้น ตระกูลฉีในเวลานี้ บรรยากาศค่อนข้างอึมครึม ราวกับว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น

ซูเฉินและคนอื่นๆเข้ามาข้างในป้อมปราการมิติ ขณะที่กำลังจะสอบถามคนข้างใน ก็เห็นฉีมู่เล่ยรีบรุดเข้ามา ดูจากท่าทีของเขา ค่อนข้างเป็นกังวลมาก

“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลฉีเรา?” ฉีมู่เฟิงถามด้วยความสงสัย

“ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง” ฉีมู่เล่ยตอบ หันมาทางซูเฉินและกล่าวว่า “ซูเฉิน เจ้าต้องรีบออกจากป้อมปราการมิติให้เร็วที่สุด ไปหาที่ซ่อนตัวก่อน”

“ทำไมล่ะ?” ซูเฉินถามด้วยความงุนงง

ฉีมู่เล่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเปิดปากตอบว่า “เฟิงจ้านจากตระกูลเฟิงบุกมาถึงบ้านพวกเรา และประกาศว่าต้องการท้าประลองกับเจ้า หากเจ้าไม่รีบหนีไปซ่อน เกรงว่าจะสายเกินไป”

ตระกูลเฟิง?

เฟิงจ้าน?

ซูเฉินยิ่งฟังยิ่งงง เพราะเขากับตระกูลเฟิงไม่เคยมีความบาดหมางใดๆต่อกัน ไฉนอีกฝ่ายถึงต้องการท้าประลองเขา?

แล้วอีกอย่าง มองจากท่าทีกังวลของฉีมู่เล่ย เป็นไปได้สูงว่าเฟิงจ้านผู้นี้จะแข็งแกร่งมาก

เมื่อได้ยินชื่อตระกูลเฟิง สีหน้าของฉีมู่เฟิงและสองสาวกลายเป็นน่าเกลียดทันที

“พี่ฉี เฟิงจ้านนี่แข็งแกร่งมากเลยหรอ?” ซูเฉินมองฉีมู่เล่ย เอ่ยถาม

“เฟิงจ้านเป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้น 6” ฉีมู่เล่ยตอบตามตรง

พอได้ฟัง ซูเฉินแสดงท่าทีดูแคลนออกมาทันที

ระดับเทวะขั้น 6 ในสายตาเขาไม่ต่างอะไรกับมดปลวก สามารถบดขยี้ได้ด้วยมือเดียว!

อย่างไรก็ตาม ฉีมู่เล่ยสมควรทราบเรื่องนี้เช่นกัน แล้วทำไมเขาถึงแสดงท่าทีเป็นกังวลเช่นนี้? หรือว่าจะมีเรื่องอื่นอีก?

“พี่ฉี เรื่องนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรอีกรึเปล่า?” ซูเฉินถาม ไม่มีท่าทียอมจากไปแม้แต่น้อย

ฉีมู่เล่ยรู้ดี หากไม่พูดให้มันชัดเจน ซูเฉินคงไม่ยอมทำตามคำขอเขา ดังนั้นอธิบายว่า “ตระกูลเฟิงคืออันดับหนึ่งในสิบตระกูลซ่อนเร้น พวกเขามีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหานและตระกูลกู่”

“แต่เจ้ากำจัดยอดฝีมือของตระกูลกู่และตระกูลหานไปจำนวนหนึ่ง ตระกูลเฟิงย่อมไม่พอใจ ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่นี่เพื่อทวงถามปัญหากับเจ้า”

“ถ้าพวกมันอยากสร้างปัญหาให้ฉัน ก็ต้องดูก่อนว่ามีความสามารถมากพอรึเปล่า”

ซูเฉินแค่นเสียงเย็น จากนั้นกล่าวว่า “ที่ตระกูลเฟิงส่งเฟิงจ้านมาท้าประลองกับฉัน พวกเขามั่นใจขนาดนั้นเชียวหรอ?”

ในระหว่างงานประลองระดับดวงดาว ภาพที่ซูเฉินสังหารผู้แข็งแกร่ง ระดับเทวะขั้น 6 ถึงสี่คนในกระบี่เดียวเป็นที่ประจักษ์ต่อทุกสายตา นั่นแสดงให้เห็นถึงกำลังรบอันน่าพรั่นพรึงของเขา

แต่อีกฝ่ายกลับส่งระดับเทวะขั้น 6 คนเดียวมาท้าประลอง หรือสมองของอีกฝ่ายใช่มีแต่น้ำไปแล้ว?

ฉีมู่เล่ยอธิบายว่า “เฟิงจ้านเป็นปรมาจารย์มนตรา เขารู้ว่าเจ้าเป็นผู้ฝึกตนทุกอาชีพ จึงอยากขอท้าประลองกับเจ้าโดยใช้เวทมนต์เท่านั้น”

“เหอะ เหอะ” มุมปากของซูเฉินปรากฏเค้าของความดูแคลน

มันเป็นความจริงที่อาชีพผู้วิวัฒนาการของเขาแข็งแกร่งที่สุด แต่ปรมาจารย์มนตราก็ด้อยกว่าไม่มากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ ที่เขาสามารถประสบความสำเร็จในการผสานรวมเวทมนต์สามธาตุเข้าด้วยกัน

ณ จุดนี้ หากคิดรับมือกับมัน ไม่ต้องกล่าวถึงปรมาจารย์มนตราระดับเทวะขั้น 6 ต่อให้เป็น ระดับเทวะขั้น 7 ก็ยังถูกท่านี้ทำลายล้างได้อย่างหมดจด

เฟิงจ้านกล้าท้าประลองกับเขาด้วยเวทยมนต์ นั่นไม่ต่างจากการยกหินขึ้นแล้วทุ่มลงเท้าตัวเอง

เมื่อเห็นสีหน้าผ่อนคลายของซูเฉิน ฉีมู่เล่ยร้องเตือนว่า “เฟิงเล่ยเหอซึ่งเป็นบรรพชนของตระกูลเฟิงก็มาด้วยนะ และเขาเป็นถึง ระดับเทวะขั้น 7”

“นอกจากนี้ ปู่ของเฟิงจ้าน --เซียวซานยังเป็นถึงเจ้าของป้อมปราการเฮยอวิ๋น และเป็นถึง ระดับเทวะขั้น 8!”

“ตระกูลเฟิงก็ยังพอมีดีอยู่บ้าง ...”

ซูเฉินพึมพำ

ระดับเทวะขั้น 8 สามารถคุกคามเขาได้จริงๆ แม้เขาจะสำรองแต้มพลังงานไว้มากพอที่จะใช้แลกชิ้นส่วนเพื่อยกระดับสู่ระดับเทวะขั้น 6 ซึ่งมากพอที่จะใช้รับมือกับ ระดับเทวะขั้น 8 ได้ก็จริง

อย่างไรก็ตาม หลายวันที่ผ่านมา เขายกระดับได้เร็วเกินไป มีโอกาสที่จะดึงดูดความสนใจของนักพรตเทียนซ่านได้ ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ ไม่ควรยกระดับอีกในเร็วๆนี้

กระนั้น เนื่องจากอีกฝ่ายมาขอท้าประลอง ซูเฉินจะไม่มีวันถอยเช่นกัน หันไปพูดกับฉีมู่เล่ยว่า “พี่ฉี ช่วยพาฉันไปหาคนของตระกูลเฟิงที”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด