1053-1054
3/8
Ep.1053
ซูเฉินวิ่งไปได้ครึ่งทาง จู่ๆก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน
การเคลื่อนไหวอันคาดไม่ถึงนี้ ทำให้โม่ชางไห่รู้สึกอึดอัดมาก แท่งเหล็กที่เขากำลังฟาดลงก็หยุดกลางอากาศเช่นกัน
เมื่อคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าซูเฉินจะใช้ลูกเล่นอะไร เขาจึงรีบเปิดถุงเก็บสมบัติอย่างรวดเร็ว เรียกหุ่นเชิดระดับเทวะขั้น 6 ออกมาเพื่อใช้ป้องกัน
“ซูเฉิน เลิกรากันแค่นี้เถอะ แล้วข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
พอเรียกหุ่นเชิด ระดับเทวะขั้น 6 ออกมา อาการตื่นตระหนกของโม่ชางไห่ ลดทอนลงกว่าเดิมมาก
ซูเฉินไม่ได้พูดอะไร แต่มุมปากเขายกโค้งด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แทน
โม่ชางไห่เห็นแบบนั้น ในหัวใจสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ เริ่มตะหงิดว่าต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติ
แต่ในเวลานั้นเอง พลันปรากฏแรงกดดันอันน่าสะพรึงลุกฮือจากเบื้องหลังเขา
“มีคนลอบโจมตี?”
โม่ชางไห่สะดุ้งโหยง รีบหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว ในสายตาเขา เห็นแค่เพียงซูเฉินอีกคนหนึ่ง กำลังแบกภูเขาหลากสี และทุ่มลงมาเหนือศีรษะ
“มีซูเฉินสองคนได้อย่างไร?” โม่ชางไห่ตื่นตกใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ ขณะที่เขากำลังจะปัดป้อง ซูเฉินคนแรกที่หยุดฝีเท้า พลันง้างแขนเล็งชกเข้ามาจากระยะไกล ทันทีหลังจากนั้น อาการสับสนมึนงงหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจเขา การเคลื่อนไหวทั้งหมดบนมือและแขนชะงัดลงทันตา
จิตจำลองของซูเฉินฉวยโอกาสนี้ทุ่ม [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋]
หุ่นเชิดระดับเทวะขั้น 6 ของ โม่ชางไห่ เห็นท่าไม่ดี ยกสองแขนขึ้นพยายามสกัดกั้น [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋]
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามันคาดไม่ถึงเรื่องน้ำหนักของ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋]
เพียงสัมผัสมันเบาๆ หุ่นเชิดก็ถูกกดทับลงกับพื้นทันที โม่ชางไห่ เองก็โดนทุบจมลงไปพร้อมกับมันเช่นกัน
ณ ตอนนี้ เขาได้หลุดพ้นจากภาพลวงตาแล้ว กระนั้น ด้วยการถล่มทับของ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการต้านทานไปเรียบร้อย
“ซูเฉินแข็งแกร่งจริงๆ!”
เห็นซูเฉินจับโม่ชางไห่ ได้ราวเหยี่ยวโฉบจากฟ้าคว้ากระต่าย จินกวงตะลึงลาน จริงอยู่ที่เขาเดาได้ตั้งแต่ต้นว่า โม่ชางไห่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเฉิน แต่ไม่นึกฝันเลย ว่าโม่ชางไห่จะพ่ายแพ้เร็วถึงเพียงนี้ ภายใต้เงื้อมมือของซูเฉิน อีกฝ่ายไม่ทันแม้จะต่อต้าน
อย่างไรก็ตาม มีอย่างหนึ่งที่เขามั่นใจ โม่ชางไห่มิใช่คนอ่อนแอ แต่สาเหตุที่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น มันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของซูเฉินเหนือกว่าข่าวลือ
“อาศัยแค่เศษสวะอย่างแก ยังคิดจะฆ่าฉันอีกหรอ?” ซูเฉินก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เยาะเย้ยแดกดัน
ระหว่างทาง ดาบสงครามเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมามือเขา ใบดาบทอประกายเย็นเยียบ แค่มองก็ชวนให้รู้สึกพร่ามัว
“ซูเฉิน ข้าเองก็ถูกนักพรตเทียนซ่านบังคับมาอีกที ได้โปรดให้โอกาสข้าซักครั้ง!” โม่ชางไห่ อ้อนวานขอความเมตา
ณ เวลานี้ เขาได้กลายเป็นลูกแกะที่รอวันถูกเชือด ความเป็นความตายตกอยู่ในมือซูเฉิน
หากอยากมีชีวิตรอด วิธีเดียวคือต้องขอความเมตตาจากซูเฉิน
“ขยะอย่างแก เก็บไว้จะมีประโยชน์อะไร?”
ซูเฉินเบ้ปาก สับลงในดาบเดียว
ได้ยินเพียงเสียงแคว๊กกกก ร่างของโม่ชางไห่ ถูกผ่าแยกเป็นสองส่วน
“ฆ่ากันง่ายๆแบบนี้เลย ...”
ผู้สูงศักดิ์จินกวงหายใจไม่ทั่วท้อง โม่ชางไห่คือยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในระดับเทวะขั้น 7 เดิมอีกฝ่ายสามารถเที่ยวเตร่ไปทั่วมิติภายนอกได้ตามใจนึก แต่ดันมาวุ่นวายกับซูเฉิน สุดท้ายการจบชีวิตน้อยๆลง คงได้แต่ต้องโทษตัวเองแล้ว
ซูเฉินเก็บชิ้นส่วน กล่าวร่ำลาจินกวง เดินกลับเข้าไปบน [รถศึกอัจฉริยะ] ออกจากที่นี่
“บนโลกใบนี้ถือกำเนิดสัตว์ประหลาดเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร ..?”
เฝ้ามองทิศทางที่ [รถศึกอัจฉริยะ] หายไป ผู้สูงศักดิ์จินกวงผ่อนลมหายใจยาว
...
“ซูเฉิน พวกเราจะกลับไปป้อมปราการมิติเลย หรือไปที่อื่นต่อ?”
ระหว่างทาง ฉีมู่เฟิงเอ่ยถาม
“กลับไปที่ป้อมปราการมิติก่อน” ซูเฉินลองทบทวนดูอยู่พักหนึ่ง ก่อนตอบกลับ
ก่อนหน้านี้
พวกเขาเดินทางผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย อย่างไรก็ตามหลังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น พวกสัตว์ร้ายมิติคงเตรียมรับมือแล้ว มันไม่ปลอดภัยที่จะกลับทางค่ายกลเคลื่อนย้าย คงได้แต่บินกลับเท่านั้น
และด้วยเวลาที่ยืดเยื้อ หากแวะไปที่อื่น มีโอกาสจะกลับไม่ทันเขตแดนลับมิติ
4/8
Ep.1054
หลังจากนั้น [รถศึกอัจฉริยะ] บินตรงไปกลับไปยังป้อมปราการมิติ สองสามวันแรกไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น แต่พอถึงวันที่ห้า นกสำรวจกลับร้องเตือนขึ้น
“เจ้านาย ข้ารู้สึกว่ามีคนกำลังจับตามองดูพวกเรา”
“หรือว่าจะมีคนสะกดรอยตาม?” ซูเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย เอ่ยปากถาม
“ไม่ใช่การสะกดรอยตาม แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนมีคนกำลังเฝ้ามองพวกเราอยู่ในมุมมืด แต่อยู่ไกลจากพวกเรามาก” นกสำรวจอธิบาย
ซูเฉินนึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนออกคำสั่งแก่ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ค้นหามัน”
[รถศึกอัจฉริยะ] อัพเกรดเป็นขั้น 14 แล้ว รัศมีการค้นหากว้างถึง 200,000 กิโลเมตร ถ้ามีคนซุ่มโจมตีจริงๆ จะมากจะน้อยน่าจะตรวจหาร่องรอยได้
“เจ้านาย ตรวจไม่พบอะไรเลย”
[รถศึกอัจฉริยะ] สแกนหาอยู่พักหนึ่ง ก่อนรายงานกลับมา
“งั้นก็ไม่ต้องสนใจแล้ว เดินทางต่อได้”
ในเมื่อไม่พบร่องรอยของอีกฝ่าย ซูเฉินก็ไม่สนใจอีกต่อไป [รถศึกอัจฉริยะ] ยังคงบินต่ออีกเป็นเวลาสองวัน เมื่อผ่านกระจุกดาวอุกกาบาต นกสำรวจก็ร้องเตือนขึ้น “เจ้านาย พบที่มาของสัญญาณอันตรายแล้ว มันอยู่ในกระจุกดาวอุกกาบาต”
ซูเฉินหรี่ตาลงมองไปทางอุกกาบาต โดยไม่ทันตั้งตัว ลำแสงสีขาวถูกยิงออกมาจากมัน ไม่นานก็มาถึงเบื้องหน้า [รถศึกอัจฉริยะ]
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น ลำแสงที่ว่าเริ่มเปลี่ยนรูป กลายร่างเป็นภูติเงาสัตว์ร้ายมิติตัวหนึ่ง
“ซูเฉิน! เราผู้เฒ่ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติ กวาดตามองมาทาง [รถศึกอัจฉริยะ] กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ซูเฉิน ไม่เสียเวลาคิดมากความ เปิดประตูรถ ก้าวออกไปคนเดียว ตะโกนใส่ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติว่า “เป็นแกสินะที่คอยจับตามองฉันในช่วงหลายวันมานี้”
“เป็นข้าเอง”
ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติยอมรับอย่างใจกว้าง
“แล้วแกมีธุระอะไร?” ซูเฉินถาม
อีกฝ่ายจับตามองเขามาหลายวันแล้ว ต้องมีเป้าหมายอะไรแน่ๆ
“ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่มิติภายนอก เจ้าสังหารคนของข้าไปไม่น้อย ถูกไหม?” สัตว์ร้ายมิติ ถามแทนคำตอบ
ซูเฉินพยักหน้า รอให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“ในเมื่อเจ้ายอมรับมัน เช่นนั้นพวกพวกเรามาว่ากันเรื่องต่อไป”
ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติกระแอมในลำคอ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ล่วงเกินพวกเราเหล่าสัตว์ร้ายมิติ ย่อมไม่พบจุดจบที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าที่สังหารชาวเผ่าเราไปนับไม่ถ้วน จักต้องทนรับการล้างแค้นของพวกเราจนกว่าจะตาย!”
“ยังไงก็ตาม เราผู้เฒ่าชื่นชมผู้มีพรสวรรค์ ดังนั้นสามารถมอบโอกาสรอดชีวิตแก่เข้าได้”
“ว่าต่อสิ”ซูเฉินถูจมูกเขา สีหน้าท่าทีสงบนิ่งมาก
ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติทำหน้าตาขึงขัง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ยอมจำนนต่อพวกเราสัตว์ร้ายมิติ มิฉะนั้นเจ้าจักต้องตาย!”
“ก้มหัวให้พวกแกอะนะ?” ใบหน้าของซูเฉินเต็มไปด้วยความรังเกียจ อีกฝ่ายเป็นแค่ภูติเงาเท่านั้น แต่ดันกล้าเอ่ยวาจาใหญ่โตว่าจะฆ่าเขา ช่างน่าขันสิ้นดี!
“เราผู้เฒ่าให้โอกาสเจ้าแล้ว ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับมัน งั้นก็ไปลงนรกซะ!”
ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติหัวเราะร้ายกาจ ทันใดนั้น กระจุกดาวอุกกาบาตที่อยู่เบื้องหลังเริ่มสั่นไหว เกิดความโกลาหลอย่างรุนแรง
วินาทีถัดมา เห็นแค่เพียงกระจุกดาวอุกกาบาตที่กระจัดกระจายอยู่โดยรอบทั้งหมดมาบรรจบกันในจุดเดียว
ไม่กี่อึดใจต่อมา มันได้หลอมรวมกันกลายร่างเป็นยักษ์อุกกาบาตสูงหลายร้อยจั้ง
“นี่มันอะไรกัน?”
ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆ ตกตะลึง
และในเวลานั้นเอง ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติทะยานขึ้นไปตรงส่วนหัวของยักษ์อุกกาบาต สุดท้ายจมหายเข้าไปในระหว่างคิ้วของมัน
ในพริบตา กลิ่นอายอันบ้าคลั่งของระดับเทวะขั้น 7 ได้แพร่กระจายออกมา
“ฮ่า ฮ่า ...” ยักษ์อุกกาบาตหัวเราะคลุ้มคลั่ง จับจ้องซูเฉินด้วยคู่ดวงตาที่ใหญ่โตอย่างหาที่เปรียบมิได้ กล่าวเสียงเย็นชา “ซูเฉิน ตอนนี้รู้หรือยังว่าความกลัวคืออะไร ?”
“แค่ขั้น 7 ก็อวดดีใส่ฉัน? ซื่อบื้อซะไม่มี” ซูเฉินส่ายหัว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
เขาไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
จริงอยู่ ว่าร่างอันใหญ่โตของ ยักษ์อุกกาบาต มันชวนให้ผู้คนตื่นตกใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันอยู่แค่ ระดับเทวะขั้น 7 เท่านั้น
คิดทำอวดเบ่งต่อหน้าเขา --ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ!