ตอนที่แล้วบทที่ 8  การเก็บเกี่ยว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10  นางรู้ถึงความร้ายกาจของฉมวกไม้ไผ่

บทที่ 9 หญิงสาวชุดหนังสัตว์สีขาว


บทที่ 9 หญิงสาวชุดหนังสัตว์สีขาว

การจับปลาสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วเพราะทุกคนได้แบกปลากลับไป 5-6 ตัว นี่ทำให้หลี่หูและ หมิงกวง ตื่นเต้นเป็นพิเศษ พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะล่าอาหารได้มากมายขนาดนี้มาก่อน  มู่เฟิงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาไม่คาดคิดว่าการจับปลาในน้ำแข็งจะจับปลาได้มากมายขนาดนี้

“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อก่อนลุงถึงบอกว่า แค่ยืนริมน้ำแล้วถือไม้กระบองใหญ่ไว้ตีปลาก็พอ” เขาจำได้ว่าในชีวิตที่แล้วของเขาเขาเห็นถึงบทความที่บรรยายเกี่ยวกับดินแดนรกร้างทางตอนเหนือ ยามที่เขายังเป็นเด็ก

เมื่อก่อนเขาหัวเราะเยาะเรื่องนี้และคิดว่าเป็นคำโกหกที่เขียนโดยผู้เขียน  ในชาติที่แล้วไก่ฟ้าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่หายากแล้วยังมีใครจะได้จับพวกมันกินอย่างนั้นหรือ?

แต่เมื่อนึกถึงฉากจับปลาในทะเลสาบเมื่อครู่เขาก็เชื่ออีกครั้ง ดูแล้วสถานการณ์การตกปลาเมื่อครู่ในทะเลสาบ แม้ทุกคนจะแสดงออกเหมือนคนโง่ แต่ทุกคนก็น่ารักมาก เหมือนเด็กๆที่ดีใจได้ของที่ต้องการ ภายใต้หลุมน้ำแข็ง เมื่อมีปลาตัวที่ 1 ปรากฏขึ้นอีกไม่กี่ลมหายใจก็มีปลาตัวอื่นๆปรากฏออกมา

“ดูเหมือนว่าปลาในทะเลสาบต้าหลงจะมีเยอะมาก!” มู่เฟิง คิด

“พี่ มู่เฟิง!”  ไป๋หยา กระโดดไปมา ราวกับกระต่ายน้อยบนดวงจันทร์ “พี่คิดพวกนี้ได้อย่างไร?เพลาของเราคงไม่ขาดแคลนอาหารอีกสักพัก!”

“ฮ่าๆ” มู่เฟิง ยิ้ม “ก่อนหน้านี้  ลุงหมิงกวงเคยพาพวกเรามาตีปลาในตอนที่ทะเลสาบยังไม่เป็นน้ำแข็ง ข้าแค่คิดว่าในช่วงที่ทะเลสาบเป็นน้ำแข็งก็น่าจะจับปลาได้ แต่ใครจะรู้ว่ามันสำเร็จจริงๆ!”

เขาพูดแบบนี้เพื่อไม่ให้คนในยุคนี้สงสัย ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไรก็ตามคนสมัยนี้ยังมีสติปัญญาตามความคิดของเขาไม่ทันอยู่ดี

เห็นได้ชัดว่า ไป๋หยา  ไม่คิดมากกับคำอธิบายของ มู่เฟิง เช่นกัน นางวิ่งไปมาแล้วพูดกับหลี่หูว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อดูสิตัวที่ใหญ่ที่สุดคือตัวที่ข้าจับได้!”

หลี่หูยิ้มและลูบหัว ไป๋หยา “ใช่แล้วครั้งนี้เจ้าเก่งมาก!”

หลังจากพูดจบเขาก็หันไปหา มู่เฟิง “มู่เฟิง พรุ่งนี้เราจะพาคนมาเพิ่มอีกสักหน่อยจะได้จับปลากลับไปเก็บเอาไว้บ้าง”

มู่เฟิง พยักหน้า “ได้แต่ว่าด้านล่างภูเขาเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ การเก็บตุนปลามากเกินไปอาจทำให้เหม็นได้ง่าย เก็บไว้แค่กินได้สักพักก็พอ”

ที่จริงแล้วในใจของเขาคิดว่าถ้าเอาน้ำแข็งจากทะเลสาบไปได้เขาก็สามารถแช่แข็งปลาเหล่านี้เก็บไว้ได้นาน แต่เมื่อคิดถึงการขุดน้ำแข็งและการขนย้าย รวมทั้งการเก็บรักษาอาจเป็นการสิ้นเปลืองหรือเสียเปล่าเกินไปดังนั้นเขาจึงยอมแพ้ความคิดนี้ ไว้รอโอกาสที่ดีกว่านี้ค่อยหาวิธีแช่แข็งก็ยังไม่สาย

นอกจากนี้ในเผ่าต้าเจียงยังมีปัญหาอีกมากมายคงต้องเก็บเรื่องการทำห้องแช่แข็งไว้ก่อน ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น มู่เฟิง ก็หยุดเดินและเดินมาข้างๆเขา

“มีอะไรหรอ?” มู่เฟิง ถามขึ้น

ไป๋หยา ที่แต่เดิมพูดจาอย่างสนุกสนานข้างๆหลี่หู ไม่พูดไม่จายืนอยู่ด้านหลังหลี่หูอย่างระมัดระวัง แม้ว่า มู่เฟิง จะไม่ได้มองสีหน้าของนางแต่รับรู้ได้ว่านางรู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

“หืม?” มู่เฟิง รู้สึกสงสัย “เกิดอะไรขึ้น?”

ยังไม่ทันพูดจบ หมิงกวง ก็เดินมาหยุดตรงด้านหน้า มู่เฟิง และพูดขึ้นมาว่า “มู่เฟิง มีกลุ่มคนอยู่ด้านหน้า!”

“กลุ่มคน?แล้วมีปัญหาอะไรหรอ?” มู่เฟิง รู้สึกสงสัย

“พวกเขามากกว่าพวกเราและปิดกั้นเส้นทางทั้งหมด ข้าเกรงว่าพวกเขาต้องการที่จะปล้นพวกเรา!”

“หา?” ไป๋หยา ที่อยู่ด้านข้างสีหน้าซีดเผือดแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเห็นได้ชัดว่านางนึกถึงภัยพิบัติของเผ่าที่ประสบไปไม่นานมานี้

หลี่หูเองก็ตกใจเช่นกันใบหน้าปรากฏแววตาเจ็บปวด

“ปล้นอีกแล้วงั้นหรอ อย่างมากพวกเราก็คงต้องสู้ตายกับพวกเขา!”

ในขณะที่เขาพูดเขาโยนปลาตัวใหญ่ลงกับพื้นและกำลังจะเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้แต่ มู่เฟิง ดึงเขาเอาไว้

“ลุงหลี่หูอย่าเพิ่งหุนหัน!”

หลี่หูที่ถูกวางไว้ก็โกรธจัด “มู่เฟิง ชนเผ่าของเราได้ผ่านการถูกปล้นสะดมทำให้ขาดแคลนอาหาร หากถูกปล้นอีกครั้งคนในเผ่าของเราก็จะอดตาย!”

มู่เฟิง สายหัวและกล่าวว่า “อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นแม้ว่าพวกเขาจะปล้นอาหารเราไป แล้วพวกเราปลอดภัยพวกเราก็ยังกลับมาจับปลาได้!”

“อยู่บนภูเขาไม่ต้องกลัวไม่มีฟืน!”

“ภูเขาอะไร? ฟืนอะไร?”หลี่หูตกตะลึงกับประโยคนี้

มู่เฟิง สายศีรษะ  “ท่านไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นพาข้าไปดูสถานการณ์ก่อน!”

“ไม่ได้เจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าไม่สามารถเสี่ยงได้!”

“วางใจเถอะข้ารู้ดี จะไม่ทำให้เสี่ยง!”

เมื่อพูดเช่นนี้ มู่เฟิง ก็เดินออกมาจากแถว หลี่หูและ หมิงกวง รู้สึกประหม่ารีบเดินตาม มู่เฟิง ไป

มู่เฟิง มาถึงด้านหน้าขบวนดวงตาของเขาแข่งค้าง

มีกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าและมีจำนวนมากกว่าพวกเขานอกจากนี้ใบหน้าของพวกเขายังเต็มไปด้วยสีสันรวมทั้งผมของพวกเขาถูกมัดอย่างเป็นระเบียบ  มู่เฟิง รู้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากเผ่าใหญ่!

เพราะมีเพียงคนของชนเผ่าใหญ่เท่านั้นที่มี “เวลาว่าง”ที่จะตัดผมและใช้สีเพื่อแยกความแตกต่างระหว่างนักรบและคนทั่วไป

ผมและสีเป็นสัญลักษณ์ของตัวตนและสถานะ ก็เหมือนกับคนมีเงินและฐานะในชาติที่แล้วขับรถหรูและสวมนาฬิกาแพง

สิ่งที่ทำให้ มู่เฟิง รู้สึกประหลาดใจที่สุดก็คือผู้นำของพวกเขาเป็นหญิงสาวที่ขี่สัตว์ป่าบางอย่างที่ มู่เฟิง ไม่รู้จัก!

หญิงสาวสวมชุดหนังอสูรสีขาวบริสุทธิ์ดวงตานั้นเป็นประกายราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง เรียวยาวราวกับนกฟีนิกซ์

สิ่งที่ทำให้ มู่เฟิง ตาเป็นประกายก็คือหน้ารูปไข่ของหญิงสาวคนนี้ดูสวยกว่าดาราหลังทำศัลยกรรมที่เขาเคยเจอชาติที่แล้วเสียอีก แต่ถ้าจะบอกถึงความสวยงามไม่เพียงพอก็คือ หน้าแดงจากการตากแดดลมและรอยแผลเป็นที่เกิดจากความเหน็บหนาวอย่างเห็นได้ชัด

แต่ข้อบกพร่องเหล่านี้กลับทำให้นางนั้นดูองอาจราวกับสตรีที่แข็งแกร่ง หญิงสาวแต่ละคนมีนักรบยืนขนาบซ้ายขวา และขี่สัตว์ป่าที่หน้าตาไม่เลว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็เต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง

แตกต่างจากความตึงเครียดระหว่างหลี่หูและ หมิงกวง  มู่เฟิง คิดถึงสิ่งอื่นที่เขาหลงใหลมาเป็นเวลานาน นั่นคือการขี่ม้าและเลี้ยงอินทรีย์ กลายเป็นชายผู้หล่อเหลาเต็มไปด้วยความสุข

เมื่อคิดได้อย่างนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกาย