บทที่ 7 เทพธิดาและใครอีกคน?
“น่าขยะแขยง!” ลู่หลี่บิดริมฝีปาก
แม้แต่ฟูชูหยาก็ยังเขินอายไปกับคำชมของลู่เจ๋อ แต่เธอชะงักก่อนจะทำสีหน้าแปลก ๆ มองลูเจ๋อ “ลูก สมองลูกถูกแมลงกินไปแล้วรึเปล่า”
“คิก…” ลู่หลี่ก้มหน้าไหล่สั่น
มุมปากของเขากระตุก ลู่เจ๋อยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ครั้งที่ 3 ทั้งสามคนพูดเหมือนกันเลย!
“ไม่มีทาง ผมแค่ชื่นชมว่าแม่ที่ยิ่งใหญ่และไม่มีใครเทียบได้เป็นอย่างไร”
ฟูชูหยาชอบมันและพยักหน้าอย่างมีความสุข “เด็กดี ถ้าลูกสามารถคบกับหลี่ได้ แม่เห็นด้วย ด้วยวิธีนี้ครอบครัว 4 คนของเราจะสมดุล”
ลู่เจ๋อรู้สึกได้ถึงสายตาทิ่มแทงจากด้านข้าง เขาทำได้เพียงยิ้มแห้ง ๆ
เขารับผู้หญิงใจดำคนนี้เขารับไม่ไหวหรอก
ลู่เหวินถอนหายใจ “เราพบเจ๋อที่ป่าซีสุ่ยนอกเมือง น่าเสียดายที่ไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับเจ๋อเหลืออยู่เลย ไม่อย่างนั้นเราสามารถมอบมันให้เจ๋อได้ และเจ๋ออาจสามารถหาพ่อแม่ที่แท้จริงพบ”
ลู่เจ๋อได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม้ว่าผมจะขอบคุณที่พวกเขาให้ชีวิตผม แต่พ่อแม่คนเดียวที่ผมมีคือพวกคุณ”
ในชีวิตที่แล้ว พ่อแม่ของเขาหย่าร้างและมีครอบครัวใหม่เป็นของตัวเอง เขาดูเหมือนเป็นคนนอก เมื่อเขาโตขึ้นเขาก็ห่างไกลจากพวกเขา เขาไม่คิดเลยว่าตัวตนนี้จะเลวร้ายยิ่งกว่าเขา เขาถูกทอดทิ้งตั้งแต่แรกเกิด
แม้ว่าพ่อและแม่จะไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ ของเขา แต่ลู่เจ๋อก็ไม่เคยพบพ่อแม่ที่ดีขนาดนี้มาก่อน สำหรับเขา พวกเขาเป็นพ่อแม่แท้ ๆ ของเขา
ลู่เหวินและฟูชูหยาสบตากัน ในที่สุดฟูชูหยาก็ยิ้ม “เอาล่ะ วันนี้เป็นวันเกิดปีที่ 18 ของเจ๋อ ลูกจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว อยากได้ของขวัญอะไร? แม่จะเตรียมไว้ให้!”
ลู่เหวินยิ้ม “งั้นเตรียมสาวสวยให้เจ๋อ…ไอยะ!”
ก่อนที่ลู่เหวินจะพูดจบ เขาถูกฟูชูหยาตบจนไม่สามารถลุกจากโซฟาได้
ลู่เจ๋อรู้สึกสนใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของฟูชูหยา เขาก็ส่ายหัวทันที แม่มีพลังมากเกินไป
เขายุ่งกับเธอไม่ได้!
“ไม่เป็นไร แม่จะเตรียมให้เอง” ฟูชูหยาพูดเมื่อเธอรู้สึกว่าลู่เหวินไม่น่าเชื่อถือ
ลู่เจ๋อทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วย
"มากินข้าวเช้า"
…
หลังอาหารเช้า คนขับรถของลู่เจ๋อและลู่หลี่ก็ไปส่งพวกเขาที่โรงเรียน
นี่คือโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุดในเมืองฉางหยาง ‘โรงเรียนมัธยมหมายเลข 1’ นักเรียนทุกคนมีความสามารถระดับกลาง ๆ หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่ความสามารถของลู่เจ๋ออยู่กลุ่มท้าย ๆ ของโรงเรียน ในขณะที่ความสามารถของลู่หลี่อยู่บนสุดของโรงเรียน
ผู้หญิงใจดำคนนี้แข็งแกร่งจริงดิ
ลู่เจ๋ออ้าปากค้าง เขาเหลือบมองลู่หลี่ที่อยู่ข้าง ๆ และยิ้มให้เธอ
ทันทีที่เธอลงจากรถ เธอก็ตกอยู่ในสายตานักเรียน
ในโรงเรียน เธอเป็นนักเรียนที่ดีและมีความสามารถ เรียนดีกีฬาเก่ง เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เชื่อฟังครูและเป็นลูกที่สมบูรณ์แบบสำหรับพ่อแม่คนอื่น ๆ
จิตใจอันดำมืดของเธอถูกซ่อนไว้มิด รอยยิ้มอันนุ่มนวลของเธอทำให้เด็กสาวจำนวนนับไม่ถ้วนเรียกเธอว่า “ท่านพี่” และผู้ชายอีกนับไม่ถ้วนตกหลุมรักเธอ
ส่วนลู่เจ๋อเป็นพี่ชายที่ไร้ประโยชน์ในตำนาน
เขาไม่ได้แย่ขนาดนั้น เขาก็แค่คนธรรมดา แต่เมื่อเปรียบเทียบกับลู่หลี่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาแย่
เมื่อเห็นทั้งสองลงจากรถ นักเรียนรอบ ๆ ก็บ่นพึมพำ
“ท่านพี่ยังอ่อนโยนเหมือนเช่นเคยในวันนี้ แต่หมอนั่นกำลังทำลายทุกอย่าง เขาบังไม่ให้ฉันเห็นท่านพี่”
“อ่า ฉันต้องการแทนที่คนที่ยืนอยู่ข้างท่านพี่ ทำไมคนคนนั้นถึงยังไม่ตาย ๆ ไปสักที?”
ตัวประกอบ A ถามด้วยความสงสัย “นั่นนายกำลังทำอะไรอยู่”
ตัวประกอบ B พูดอย่างจริงจังพร้อมพนมมือ “ฉัน? ฉันกำลังสาปแช่งให้หมอนั่นไม่มีวันแข็งไปตลอดชีวิต! เทพธิดาผู้อ่อนโยนไม่ควรมีผู้ชายอยู่ข้าง ๆ เธอ!”
ตัวประกอบ A “เดี๋ยวก่อน ทำแบบนั้นไม่ถูกนะ!”
ตัวประกอบ B “อะไรนะ? นายไม่คิดเหมือนกันเหรอ? นายจะถูกตีตายถ้านายคิดอย่างนั้น!”
ตัวประกอบ A “ไม่ ฉันกำลังบอกว่า นายควรกัดนิ้วกลางด้วยตอนสาปแช่ง มันจะทำงานได้ดีขึ้น ดู!”
ตัวประกอบ A จ้องลู่เจ๋ออย่างดุเดือดขณะกัดนิ้วกลาง ก่อนจะหลับตาอธิษฐานอย่างเคร่งครัด
จากนั้นราวกับว่าตัวประกอบ B ได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง เขาชูนิ้วกลาง กัดมัน และหลับตาลง
…
ลู่เจ๋อพูดไม่ออก พวกนายพูดกันให้เบาหน่อยได้ไหม!
ทุกคนฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ มีใครหูไม่ดีบ้าง?
ตอนนี้เขาอยากทุบใครซักคนจริง ๆ!!
พวกงี่เง่าเอ้ย!
สิ่งนี้ทำให้ลู่เจ๋อนึกถึงแฟนคลับบ้า ๆ บนโลก เวลาเปลี่ยน แต่ก็ยังมีแฟนคลับบ้า ๆ อยู่เสมอ
ไม่รู้ว่าลู่หลี่อยู่ยงคงกระพันเกินไป หรือคนเหล่านี้อ่อนแอเกินไปกันแน่
วัยรุ่นพวกนี้ควรเอาเวลาไปบำเพ็ญ!
แน่นอน ผู้ที่มีความทะเยอทะยานได้เริ่มบำเพ็ญแล้ว คนที่เหลืออยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นคนที่มีความสามารถธรรมดา ๆ ลู่เจ๋อก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นมาก่อน
แต่เขาแค่ทำงานหนักกว่า
ลู่หลี่ยิ้มขณะที่เธอเดินผ่านฝูงชน และฝูงชนก็เปิดทางให้เธออัตโนมัติ ลู่เจ๋อเดินตามเธอไป ทุกอย่างดีหมด ยกเว้นว่าเขาถูกจ้องมองด้วยเจตนาอาฆาตทุกประเภท
แต่ลู่เจ๋อไม่สนใจว่าผู้คนจะมองเขายังไง
เขาเป็นนักเรียนปี 3 ในขณะที่ลู่หลี่ยังอยู่ปี 2 ทั้งสองไม่ได้อยู่ชั้นเรียนเดียวกัน หลังจากแยกกับลู่หลี่แล้ว ลู่เจ๋อก็ไปที่ห้องเรียนของเขา
ทันทีที่เขานั่งลง หลี่เอ้อร์เกาซึ่งนั่งอยู่โต๊ะเดียวกับเขาก็ขยับเข้ามาใกล้ เขาดำและผอม ดูเหมือนคนขาดสารอาหาร แต่ดวงตาของเขาสดใส
หลี่เอ้อร์เกายังไม่รู้ว่าทำไมพ่อแม่ถึงตั้งชื่อนี้ให้เขา หลังจากที่เขามาลองคิดดู ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือเขาเป็นลูกของศัตรูพ่อกับแม่ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาตั้งชื่อนี้ให้เขา
(หมายเหตุ TL: เอ้อร์เกาหมายถึงลิงตัวที่สอง เอ้อร์-สอง เกา-ลิง)
เนื่องด้วยชื่อนี้ เขาจึงดูเหมือนลิงน้อยแต่ไม่น่ารักเท่าลิงน้อย
ทุกครั้งที่เขาคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ใบหน้าของเขาจะดูน่าเกลียด และเขาจะเริ่มบ่นเรื่องนี้กับลู่เจ๋อ สิ่งนี้เคยทำให้ลู่เจ๋อในอดีตประสาทแตก
ดังนั้นเมื่อหลี่เอ้อร์เกาเข้ามาใกล้ ลู่เจ๋อจะทำท่าทางป้องกันโดยไม่รู้ตัว เมื่อผู้ชายคนนี้เปิดปาก มันสร้างความเสียหายมากกว่าบทสวดของพระถังซัมจั๋งในไซอิ๋วเสียอีก
เด็กคนนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
หลี่เอ้อร์เกาไม่สนใจปฏิกิริยาของลู่เจ๋อ เขายิ้ม "เจ๋อ สถานที่สอบปลายภาคของเราได้รับการยืนยันแล้ว"
"มันอยู่ไหน?" ลู่เจ๋อรู้สึกผ่อนคลายเมื่อเห็นว่าหลี่เอ้อร์เกาไม่ได้โวยวายเรื่องชื่อ
“ดาวเคราะห์หนานเฟิง”
“ไม่ได้อยู่บนดาวเคราะห์หลานเจียง?” ดวงตาของลู่เจ๋อหรี่ลง ก่อนหน้านี้สถานที่สอบอยู่บนดาวเคราะห์หลานเจียงมาตลอด
“ว่ากันว่าครั้งนี้เป็นการสอบร่วมของโรงเรียนมัธยมปลายทั้งหมดบนดาวเคราะห์หลัก 3 ดวงในระบบเต๋อหลุน เป็นการเรียนรู้และทำความเข้าใจความแข็งแกร่งของกันและกัน โดยเริ่มจากรุ่นเราเป็นรุ่นแรก”
ลู่เจ๋อได้ยินเรื่องนี้ก็คิดถึงการปฏิรูปการศึกษา สิ่งนี้มักเกิดขึ้นในประเทศจีน
เขานึกถึงตอนที่เขาใช้เวลา 3 ปีในโรงเรียนมัธยมที่ไม่มีแอร์ แต่ทันทีที่เขาเรียนจบ พวกเขาก็ติดตั้งแอร์ในห้องเรียน...
สรุปคือมีความขมขื่นมากมาย แต่เขาจะไม่พูด
อย่างไรก็ตาม ลู่เจ๋อไม่คิดว่ามันจะเป็นฉากใหญ่ขนาดนี้…
------------------------------