บทที่ 12 การตัดสินใจครั้งแล้วครั้งเล่า
บทที่ 12 การตัดสินใจครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากที่ มู่เฟิง ใช้ฉมวกไม้ไผ่ให้ ฉางหนิง ได้เห็น ไม่ว่าใครก็มองออกถึงพลังของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หมิงกวง ในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วยนักล่า เขาเข้าใจความหมายของอาวุธชนิดนี้ในการล่าสัตว์ทันที!
“มู่เฟิง!” หมิงกวง ทั้งตื่นเต้นทั้งเสียใจ “เจ้าไม่ควร..”
ไม่ต้องรอให้เขาพูดจบ มู่เฟิง ยิ้มและสายหัว “ไม่เป็นไร!”
ฉางหนิง อ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างสีหน้าตกใจ
“นี่คือพลังของฉมวกที่เจ้าพูดถึงอย่างนั้นหรือมันน่าทึ่งมาก!”
นางมองไปที่ มู่เฟิง และพูดว่า “เจ้าสามารถให้คนของข้าทดลองได้หรือไม่” มู่เฟิง พยักหน้าแล้วมอบหอกไม้ไผ่ให้กับนาง (ต่อจากนี้ขอเรียกว่าหอก เนื่องจากคนละหน้าที่ละ)
ฉางหนิง หันไปหาชายคนก่อนหน้านี้แล้วรีบ “อากู่ลี่ เจ้ามานี่!”
เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้เองก็รู้สึกประหลาดใจเขาเอื้อมมือไปรับหอกไม้ไผ่แล้วมองไปที่ มู่เฟิง จากนั้นเขาก็เลียนแบบ มู่เฟิง โดยถอยหลังก่อนแล้ววิ่งมาข้างหน้า2-3ก้าวก่อนจะเหวี่ยงหอกไม้ไผ่ออกไป
มู่เฟิง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยราวกับคิดไม่ถึงว่าบุรุษที่ชื่อ อากู่ลี่ จะสามารถเลียนแบบเขาได้เพียงแค่เห็นครั้งเดียว แต่เห็นได้ชัดว่าพลังในการเขวี้ยงหอกนั้นแตกต่างกันออกไป หอกของ อากู่ลี่ แทงลงไปที่ต้นไม้ใหญ่ เปลือกของมันถูกฉีกออกเกือบครึ่งฉื่อ ตัวไม้ไผ่ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้นมันจมลงไปในเนื้อต้นไม้มากกว่า 10 เซนติเมตร
มู่เฟิง ตกตะลึงและคิดในใจว่า “อากู่ลี่ ผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
ใบหน้าของ อากู่ลี่ ดูไม่สบอารมณ์เขาก้มหัวลงเล็กน้อยและพูดว่า
“ข้าขอโทษ เรื่องก่อนหน้านี้ด้วย!”
ฉางหนิง ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ นางเดินไปที่ต้นไม้และหยิบเปลือกไม้ขึ้นมาดู จากนั้นมองไปที่ร่องรอยของการแทงเข้าไปในเนื้อไม้
“อากู่ลี่!” ดวงตาของ ฉางหนิง เป็นประกายใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามาดูนี่สิ!”
ชายคนนั้นรีบเดินไปด้านหน้าและรับเปลือกไม้ที่กะเทาะออกมาก่อนจะมองไปที่รอยบนต้นไม้ในที่สุดเขาก็เอื้อมมือออกมาและดึงหอกไม้ไผ่ หลังจากนั้นไปหน้าของเขาก็แสดงความประหลาดใจ
“มันเป็นอาวุธที่ทรงพลังมาก!”
ฉางหนิง พยักหน้าแล้ววิ่งกลับมาตรงหน้า มู่เฟิง ด้วยสีหน้ายินดี ความตื่นเต้นบนใบหน้าของนางยังไม่จางหาย นางหันไปถามอย่างจริงจังว่า “ถ้ามีหลายคนใช้พร้อมกัน พลังของมันจะไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้เหรอ ?”
“ใช่แล้ว!” มู่เฟิง พยักหน้า “ถ้าหลายคนใช้งานพร้อมกัน พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องเล็งเป้าด้วยซ้ำ”
ฉางหนิง เบิกตากว้าง พลันนึกถึงความเป็นไปได้ แต่แล้วนางก็ถามอีกว่า “ถ้าหากมีคนใช้หอกไม้ไผ่นี้มาจัดการพวกข้าล่ะ ท่านมีวิธีแก้ไขหรือไม่?”
“มี!” มู่เฟิง ไม่ปิดบังและพูดออกมาตรงๆ
“หา?” ฉางหนิงประหลาดใจ จึงขยับเข้าไปใกล้แล้วถามว่า
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่”
มู่เฟิง รู้สึกประหลาดใจเขารู้สึกเพียงกลิ่นหอมหวานของหญิงสาวลอยออกมา ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึก “เหม่อลอย”ขึ้นมา สาวน้อยคนนี้สวมชุดสีขาวทั้งหน้าตาน้ำเสียงและท่าทางเห็นได้ชัดว่าเป็นคนจากตระกูลเบื้องบน แล้วเขาจะไม่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากนางได้อย่างไร
มู่เฟิง พยายามเรียกสติกลับคืนมาและพูดว่า “ได้สิ แต่ข้ากลัวว่าหลังจากที่ข้าพูดไปแล้วคนในเผ่าของเราจะมีปัญหา!”
ฉางหนิง ตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า “เจ้าวางใจได้เมื่อครู่ข้าสาบานไปแล้ว ย่อมไม่ผิดคำพูดอีกทั้งข้ายังจะให้มังกรดินแก่เจ้า”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่นางก็พูดต่อว่า “ถ้าหากเจ้าต้องการ ข้าจะให้คนส่ง ขนสัตว์มาให้เผ่าเจ้าอีกเล็กน้อย!”
“ขนสัตว์งั้นหรอ?” เมื่อเปรียบเทียบกับอาวุธเหล่านี้สิ่งที่เขาต้องการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก็คือปัญหาพื้นฐาน
“เป็นอย่างไรบ้างตกลงไหม?” ดวงตากลมโตของ ฉางหนิง เป็นประกาย เต็มไปด้วยความหวัง มู่เฟิง จำได้ว่าก่อนหน้านี้มีคนเคยพูดไว้ว่า หญิงสาวผู้มีดวงตางดงามมักจะไม่ใช่คนเลวร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางเองได้สาบานเอาไว้แล้ว คำสาบานต่อเผ่าพันธุ์ของนางนั้นถือว่าสำคัญเทียบเท่ากับความเป็นตาย
“ได้!” มู่เฟิง พยักหน้ารับ “พวกเจ้าสามารถกลับไปยังเผ่ากับพวกเราได้และข้าจะสอนวิธีให้เจ้าเอง!”
“มู่เฟิง!”
“หัวหน้าเผ่า!”
หมิงกวง และ หลี่หู อุทานออกมาพร้อมกัน
มู่เฟิง สายหัว “ไม่เป็นไร!”
อากู่ลี่ ที่อยู่ด้านข้างกับพ่นลมออกจมูก “เผ่าพันธุ์ที่ตกใจเมื่อเจอพวกข้าจนทำอะไรไม่ถูก ไม่คุ้มค่ากับการปล้นสะดมของเผ่าวิหคเขียวของข้า”
หลี่หูและ หมิงกวง มีสีหน้าน่าเกลียดแต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไร
“อากู่ลี่” ฉางหนิง ขมวดคิ้วและตะโกนต่ำ “เจ้ากลับไปได้แล้ว!”
“หม่าตั่วด้วย!”
“ไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรอ?” คิ้วกระบี่ของ ฉางหนิง ขมวดเข้าหากันใบหน้างดงามแขวนเอาไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว
“เข้าใจแล้ว!” อากู่ลี่ หันไปกวักมือเรียกคนกลับไปส่วนหนึ่ง
ฉางหนิง ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหันไปมอง มู่เฟิง พร้อมกับคำขอโทษ
“โปรดยกโทษให้กับคนของเผ่าข้าด้วย!”
มู่เฟิง มีสีหน้าเรียบเฉยและความประทับใจที่มีต่อหญิงสาวก็เพิ่มมากขึ้นเขาพยักหน้าและหันกลับมาส่งสัญญาณให้คนของเผ่าเขา
“พวกเรากลับเผ่ากันเถอะ!”
มู่เฟิง พา ฉางหนิง และพรรคพวกกลับไปยังเผ่า ตลอดเส้นทางหลี่หูและ หมิงกวง อยู่ไม่ห่างจาก มู่เฟิง แม้แต่ก้าวเดียวพวกเขากลัวว่า ฉางหนิง จะกลับคำพูด แต่หลังจากที่เห็นว่า ฉางหนิง พาคนของตัวเองมาน้อยกว่าพวกเขา พวกเขาจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย หลังจากเห็นกำแพงไม้ต้นหนามความอบอุ่นใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
พวก ฉางหนิง ที่เดินตรงมายังเผ่าต้าเจียง หลังจากมองกำแพงต้นหนามที่ขวางอยู่เบื้องหน้าก็ตกตะลึง พวกเขาต่างมองและไม่รู้ว่าพวกมันมีไว้ทำอะไร มีเพียงคนเดียวที่เหม่อลอยขณะนี้ ฉางหนิง มองไปที่ มู่เฟิง แล้วพูดว่า
“นี่เป็นฝีมือของเจ้างั้นหรอ?”
มู่เฟิง พยักหน้า “ถูกต้อง!”
“นี่มัน…”สีหน้าของ ฉางหนิง เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นใบหน้างดงามแดงระเรื่อ นางไม่สนใจอันตรายจากต้นหนาม นางยื่นมือไปสัมผัสต้นน้ำ สีหน้าเปลี่ยนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายก็หันมาหา มู่เฟิง และกล่าวอย่างจริงจังว่า
“โปรดสอนวิธีการนี้ให้ข้าด้วย!”พูดจบ ฉางหนิง ก็โค้งคำนับ