ตอนที่แล้วบทที่ 9 หญิงสาวชุดหนังสัตว์สีขาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 11 คำสาบาน

บทที่ 10  นางรู้ถึงความร้ายกาจของฉมวกไม้ไผ่


บทที่ 10  นางรู้ถึงความร้ายกาจของฉมวกไม้ไผ่

หญิงสาวที่สง่างามรวมทั้งจำนวนคนมากมายทำให้เผ่าต้าเจียงทำได้แค่หยุดยืนมองและไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

ไป๋หยา  พยายามทำให้จิตใจสงบ นางวิ่งตาม มู่เฟิง ไปและเห็นผู้หญิงชุดขาวที่งดงามนั่งอยู่บนหลังสัตว์ นางรู้สึกอับอายจึงก้มหัวลงโดยไม่รู้ตัว

คนรอบข้างไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของจิตใจของหญิงสาว ความสนใจของพวกเขามุ่งเน้นไปที่กลุ่มแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

หลี่หูเดินไปด้านหลัง มู่เฟิง  มองดูจำนวนคนและเครื่องแต่งกายตรงหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  หลังจากเห็นหญิงสาวในเสื้อคลุมสีขาวแถมพาหนะที่นางขี่ หลี่หูพูดเสียงต่ำ “มังกรดินหุ้มเกราะ!”

“มังกรดินหุ้มเกาะอย่างนั้นหรอ?” มู่เฟิง ตกตะลึง เขาสื่อสารกับระบบอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นก็มีข้อมูลของมังกรดินหุ้มเกราะ ความจริงแล้วมันเป็นลูกหลานของมังกรหัวค้อนไดโนเสาร์กินพืชในสมัยโบราณ ทั้งตัวสวมเกราะศีรษะและหางเป็นก้อนขนาดใหญ่บนตัวมีเกล็ดปกคลุม

พูดกันตามความจริงแล้วมังกรดินที่สวมเกราะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ป่า หญิงสาวที่สามารถใช้อสูรเกราะเป็นพาหนะได้แน่นอนว่าฐานะและภูมิหลังของนางจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

แตกต่างจากความกังวลใจของหลี่หู  มู่เฟิง กำลังครุ่นคิดถึงความทรงจำอย่างละเอียดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เขาใช้มารยาทของชนเผ่าโบราณโดยการใช้มือซ้อนทับที่อก

“ขอถามหน่อยว่าเบื้องบนมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไรหรือ”

“เบื้องบน” การพูดถึงคำว่าเบื้องบน เป็นการยกย่องเผ่าใหญ่หรือไม่ก็พันธมิตรของเผ่า

เพียงคําเดียวที่ มู่เฟิง แสดงออกถึงท่าทีออกมาหญิงสาวที่อยู่บนมังกรดินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

นางเป็นลูกสาวที่หยิ่งยโสในเผ่า นางเคยไปเผ่าเล็กๆมามากมายและเคยชินกับความกระวนกระวายใจเมื่อมีคนได้พบเห็นนาง พวกเขาไม่เคยมีใครกล้ามองนางตรงๆ แต่เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนอายุพอๆกับนางนั้นยังคงดูสงบนิ่งและไม่ตื่นตระหนกอะไรเลย?

เขารู้ถึงมารยาทของชนเผ่าโบราณได้อย่างไร อีกทั้งเขายังอายุน้อยทำไมถึงออกมายืนแถวหน้าได้?

ชายหนุ่มคนหนึ่งสูงกว่า 180 เซนติเมตรและแข็งแกร่งกว่า หมิงกวง เสียงดังว่า

“เจ้ากล้าดีอย่างไรในเมื่อรู้ว่าพวกเราเป็นเบื้องบนทำไมยังไม่คุกเข่าคำนับอีก!”

“หืม?” หัวใจของ มู่เฟิง จมดิ่งเขาหรี่ตาและมองไปที่ชายคนนั้น เห็นได้ชัดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ชายคนนั้นถูกมอง เขารู้สึกไม่สบายใจมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและก้าวออกมาด้านหน้า

สีหน้าของหลี่หูและ หมิงกวง เปลี่ยนไปพวกเขาเองก็ก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าหญิงสาวชุดขาวผู้นั้นจะเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับนกไนติงเกล

“อากู่ลี่ อย่าหยาบคาย!”

เมื่อพูดเช่นนั้นหญิงสาวก็กระโดดลงจากมังกรดินและก้าวไปข้างหน้า 1ก้าว  สองมือของนางซ้อนทับกันเหมือนกับ มู่เฟิง เพียงแต่นางไม่ได้วางมันลงบนหน้าอก การแสดงออกของนางเป็นมิตร

“สวัสดี ข้าชื่อ เคอฉางหนิง ข้ามาจากเผ่าวิหคเขียว!”

ชายคนนั้นถอยหลังออกไปแต่สีหน้าของเขายังคงหยิ่งยโส

หญิงสาวชุดขาวยิ้มราวกับดอกไม้บานในสายลม “ข้าและคนในตระกูลของข้าผ่านมาเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาร้าย!”

หลี่หูและ หมิงกวง ค่อยวางใจ พวกเขามองหน้ากัน และมองออกถึงความยินดีในแววตาของอีกฝ่าย แต่ใบหน้าของหลี่หูเผยสีน่าตกตะลึงออกมาอีกครั้ง “เผ่าวิหคเขียวงั้นหรือ?”

เผ่าวิหคเขียวส่วนใหญ่อยู่ทางตะวันตกที่ห่างไกลและเป็นหนึ่งในสามเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก มนุษย์ในเผ่ามีมากกว่าชนเผ่าต้าเจียงหลายร้อยเท่า!

ที่เขารู้ก็เพราะเผ่าต้าเจียงอพยพมาจากดินแดนตะวันตกเช่นกัน แต่ มู่เฟิง ไม่รู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนเขามองไปที่หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่า “เคอฉางหนิง”ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาพยักหน้าและกล่าวว่า

“ในเมื่อพวกท่านเพียงแค่ผ่านมาพวกเราก็ขอตัวก่อน!”

พร้อมกันนั้น มู่เฟิง ก็ส่งสัญญาณให้หลี่หูและ หมิงกวง

“เดี๋ยวก่อน!” เคอฉางหนิง พูดขึ้น

“ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า!”

“มีเรื่องจะถามข้างั้นหรอ เรื่องอะไร?” มู่เฟิง ประหลาดใจ

“พวกเจ้าจับปลาได้เยอะขนาดนี้ได้อย่างไร?” เคอฉางหนิง มองตรงมายัง มู่เฟิง ดวงตาของนางราวกับมีประกายระยิบระยับ

“หืม?”  มู่เฟิง คิดอย่างรอบคอบ เขากังวลว่าหากเขาพูดวิธีตกปลาออกไปแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่พวกเขาอาจจะสูญเสียแหล่งเสบียงไป

หลี่หูและ หมิงกวง ด้านหลังพูดอย่างร้อนรนว่า “มู่เฟิง!”

มู่เฟิง คิดอย่างรวดเร็วและมองไปที่หญิงสาว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวังและดวงตาของนางเต็มไปด้วยความจริงใจ เขาจึงตัดสินใจทันทีและกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา!”

“โอ้..”เคอฉางหนิงเบิกตากว้าง ใบหน้าประดับไปด้วยความประหลาดใจ

“ไหนเจ้าลองพูดมาสิ!”

มู่เฟิง เล่าเรื่องการขุดน้ำแข็งให้นางฟังหลังจากพูดจบหญิงสาวก็มีสีหน้าประหลาดใจ “แค่นี้งั้นหรือ?”

มู่เฟิง พยักหน้า “แค่นี้แหละ!”

หญิงสาวครุ่นคิดและพูดกับตัวเองว่า

“เหตุผลง่ายๆเช่นนี้ทำไมไม่มีใครคิดออกก่อนหน้านี้ล่ะ!”

หลังจากหยุดไปชั่วครู่นางก็นึกอะไรขึ้นมาได้เงยหน้าขึ้นมามองไปที่ มู่เฟิง และพูดว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าทำฉมวกจากไม้ไผ่อย่างนั้นหรือ!”

“ใช่”  มู่เฟิง พยักหน้าและรู้สึกประหลาดใจ

เพียงเพราะหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ามีไอคิว และปฏิกิริยาตอบสนองสูงกว่าคนรอบข้างอย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนว่านางจะเห็นความพิเศษของฉมวกไม้ไผ่! เป็นที่ทราบกันดีว่าทุกความคืบหน้าในยุคดึกดำบรรพ์นั้นแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆแต่ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง เช่นการเจาะไม้จุดไฟ เพื่อให้มนุษย์ไม่ต้องกินเนื้อดิบหรืออาหารดิบ!

การล่าสัตว์ด้วยหินสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่า! แม้แท่งหินที่เรียบง่ายและไม้ก็สามารถครองความได้เปรียบในการต่อสู้ในยุคดึกดำบรรพ์

การใช้ไม้ไผ่ทำฉมวกแทงปลา คนอื่นอาจไม่สังเกตเห็นอะไรแต่ผู้ที่มีความสามารถสามารถรู้ถึงความดีและข้อเสียของมัน!

เพราะมันคือ “อาวุธ”ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน