ตอนที่ 89+90 ให้ฉันอยู่คนเดียวสักพัก
ขณะลู่ชิงสีกำลังกินโจ๊กต่อหลังจากพูดจบ ทว่าท่าทางร่าเริงของเจียงเหยาค่อย ๆ เปลี่ยนไป ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เธอมีความสุขเพราะเขาเขาอยู่ตรงหน้าเธอ ต่อมาเธอก็ตื่นเต้นเพราะเขาบอกว่าจะไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย
ไม่มีทางที่จะเก็บงำอารมณ์เหล่านี้ได้ นั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงที่สะท้อนออกมาจากแววตาของคนเรา
“ดีใจเหรอ?” ลู่ชิงสีถามเธอทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบ
เจียงเหยาซ่อนอารมณ์ของเธอทันที เธอวางแขนข้างหนึ่งไว้บนโต๊ะแล้วใช้มืออีกข้างหนุนแก้มของเธอ จากนั้นเธอก็พูด “เปล่า ฉันไม่..”
ตอนนี้ คำพูดของเธอไม่น่าเชื่อเลยสักนิด เพราะเธอกำลังพยายามอย่างมากที่จะหุบยิ้มของเธอ สุดท้ายเธอก็ยิ้มออกมา
“ไปต้องดีใจจนเกินไปหรอก” ลู่ชิงสีไม่อยากให้เธอดีใจจนเกินไป “ผมใช้วันหยุดปีใหม่ของผมเพื่อกลับมาในครั้งนี้ เพราะงั้น ผมจะไม่ได้กลับมาฉลองปีใหม่กับคุณนะ”
ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ที่เขาจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอค่อย ๆ ยู่ยี่
“จริงอยู่ที่ผมไม่สามารถกลับมาได้ แต่คุณไปฉลองปีใหม่กับผมที่กองทัพได้นี่” ลู่ชิงสีกล่าว
“เจียงเหยาขมวดคิ้ว และไม่ตอบเขาว่าจะไปหรือไม่
“อาหารในวันปีใหม่ของกองทัพไม่เลวเลยนะ ซาลาเปาอร่อยกว่าที่นี่อีก เกี๊ยวก็ทำตามสูตรของวันปีใหม่ด้วย” ลู่ชิงสีไม่เห็นการตอบสนองใด ๆ จากเจียงเหยา ดังนั้นเขาจึงเกลี้ยกล่อมเธอต่อ “เดี๋ยวคุณไปเยี่ยมผมในวันชาติ คุณก็จะรู้”
เมื่อสังเกตว่าเจียงเหยายังคงนิ่งเงียบอยู่ เขาจึงใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะ
“อย่าลืมนะ ว่าคุณสัญญากับผมแล้ว ว่าจะมาเยี่ยมมาในวันชาติ”
“ฉันไม่ได้ลืมเรื่องนั้นหรอกน่า ฉันแค่ไม่มีความสุขเพราะคุณไม่มีวันหยุดสำหรับฉลองปีใหม่ อย่ายุ่งกับฉันน่า ให้ฉันอยู่คนเดียวสักพัก” เจียงเหยาตอบด้วยเสียงนุ่มนวลและเอนหลังลงบนเตียงอย่างเงียบ ๆ โดยหันหลังให้กับลู่ชิงสี
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ลู่ชิงสีทำความสะอาดโต๊ะและล้างถ้วยชามในทันที หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว เขาเห็นเจียงเหยายังนอนอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อน เขาเดินเข้าไปหาเธอ ใช้นิ้วชี้สะกิดที่หลังศีรษะของเธอ ลู่ชิงสีอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นว่าเธอหันกลับมามองและกลอกตา
“กินแล้วนอนทันที มันไม่ดีต่อกระเพาะนะ ลุกขึ้นเร็วมาเคลื่อนไหวร่างกายสักหน่อยสิ ผมขอออกไปข้างนอกสักพัก หลังจากกลับมาแล้ว ผมจะพาคุณออกไปเดินเล่น ย่อยอาหาร” หลังจากได้ยินคำตอบของเจียงเหยา เขาก็ออกจากห้องด้วยความพึงพอใจ หลังจากที่เห็นเธอลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ
ลู่ชิงสีไม่ได้ออกไปที่ไหนไกล เขาเข้าไปพบแพทย์ที่ดูแลเจียงเหยา เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับบาดแผลของเธอเพิ่มเติม หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากแพทย์อย่างชัดเจนแล้ว เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้น หัวใจที่เป็นกังวลเริ่มผ่อนคลายลงในที่สุด
หลังจากที่เขากลับเข้าในห้องพักผู้ป่วย เจียงเหยาถอดชุดพยาบาลและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของเธอเองแล้ว
ชุดที่เธอใส่เป็นเสื้อผ้าสะอาดที่แม่ลู่นำมาให้
“คุณกำลังจะไปไหน?” ลู่ชิงถามมองดูเธอแต่งตัวแบบนี้แล้วจึงถามขึ้น
เจียงเหยาแปลกใจ เธอจ้องไปที่ลู่ชิงสีด้วยสายตาว่างเปล่า สักพักเธอก็พูดกับเขาเบา ๆ “คุณเพิ่งบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าจะพาฉันออกไปเดินเล่น”
“แค่ไปเดินเล่นเอง ใส่ชุดของโรงพยาบาลก็ได้ คุณตั้งใจเปลี่ยนชุดเพราะเรื่องนี้จริงเหรอ? เราเดินเล่นรอบ ๆ โรงพยาบาลเท่านั้นเองนะ ไม่ไกลสักหน่อย” นั่นเป็นเครื่องแรกที่ลู่ชิงสีเห็นด้านที่เงอะงะและงี่เง่าของเจียงเหยา น่าแปลกที่เธอดูน่ารักมาก “เช้านี้พยาบาลตรวจร่างกายให้คุณหรือยัง?”
“เธอเข้ามาทันทีหลังจากที่คุณออกไปคะ เธอเจาะเลือดและวัดความดัน ทุกอย่างเรียบร้อยดี พยาบาลยังทาครีมให้ฉันด้วย” เจียงเหยากล่าวในขณะที่ยกแขนขึ้นและชี้ไปยังรอยเข็มที่หลงเหลืออยู่บนแขนของเธอ
“นี่ไงล่ะ เห็นไหม”
__
ลู่ชิงสีเหลือบมองที่รอยช้ำของเข็มที่หลงเหลือบนแขนของเธอ เขาพยักหน้า
ผิวของเจียงเหยานั้นบอบบางมาก หลังจากที่ถูกเก็บตัวอย่างเลือด ถึงได้เป็นรอยจ้ำช้ำ ดูเหมือนว่าเธอกลัวความเจ็บปวดมากกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ เจียงเล่ยเคยบอกเขาว่าเธอบอบบางมาก เธอจะร้องไห้เพียงเพราะถูกเข็มเย็บผ้าตำนิ้ว
ดังนั้นบาดแผลที่เธอได้รับในครั้งนี้ จึงเป็นความเจ็บปวดที่สุดเท่าที่เธอเคยได้รับมาในชีวิต
“ชุดของโรงพยาบาลใช้ไม่ได้เลย เสื้อผ้าของฉันยังดูดีกว่าอีก” เจียงเหยาอธิบายอย่างช้า ๆ
“อีกอย่าง ฉันรู้ว่าฉันไม่เป็นไรแล้ว บ่ายนี้ต้องได้ออกจากโรงพยาบาลอย่างแน่นอน ฉันเลยเปลี่ยนชุดเตรียมไว้ ไม่ใช่หรือไง?”
ลู่ชิงสีพยักหน้าและหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าอายุสิบเก้าเป็นวัยที่ผู้หญิงเริ่มจะใส่ใจในรูปร่างหน้าตาของเธอมากขึ้น แม้แต่เจียงเหยาก็ไม่มีข้อยกเว้น
สำหรับเขาแล้ว เขาไม่เคยรู้ว่าผู้หญิงมักจะแต่งหน้า แต่งตัวให้เฉพาะผู้ชายที่เธอรักเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เจียงเหยาใส่ใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับการปรากฎตัวของเธอต่อหน้าเขา
แดดยามเช้าของฤดูร้อน ร้อนเอาเรื่อง แต่ไม่ได้ร้อนอบอ้าวเหมือนตอนเที่ยงวัน พวกเขาเดินไปรอบ ๆ อาคารของโรงพยาบาลหลังออกจากห้องพักฟื้น
โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีตั้งแต่การทำคลอด รักษาผู้ป่วย และสำหรับบางคนที่ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นช่วงสุดท้ายของชีวิต ถือได้ว่าเป็นสถานที่อำลาอดีตและต้อนรับอนาคต จึงทำให้ที่นี่มักจะยุ่งและแออัดไปด้วยผู้คนจากทุกสารทิศที่มีความแตกต่างกัน
ในโรงพยาบาล ยังสามารถมองเห็นอารมณ์ของผู้คนง่ายดาย
เจียงเหยาเพ่งความสนใจไปยังคนรอบ ๆ ตัวเธอ และหันกลับมามองลู่ชิงสี เขาแปลกใจที่เธอมองมา เขาเองก็หันไปมองเธอ ทั้งสองคนสบตากัน เจียงเหยาใคร่ครวญถึงชาติก่อนโดยไม่ปริปากพูดอะไร และส่งยิ้มให้กับลู่ชิงสี
ลู่ชิงสีหยุดเดินอย่างกะทันหัน เขาหรี่ตาลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงแดดหรือตะลึงกับรอยยิ้มอันงดงามที่เธอมอบให้เขา จนลืมที่จะเดินต่อ เขายืนตัวตรง จ้องมองไปที่เธอ
ตามที่เจียงเหยาคิดไว้ หมอคงให้พยาบาลนำยามาให้หลังอาหารกลางวัน และบอกให้เธอรู้ว่าเธอสามารถออกจากโรงพยาบาลได้
ลู่ชิงสีขอให้เจียงเหยารออยู่ในห้องพัก ขณะที่เขาออกไปโทรศัพท์หาที่บ้าน และขอให้ส่งคนขับรถมารับที่โรงพยาบาล อากาศร้อนจัด เขาไม่ยอมให้เจียงเหยาต้องสัมผัสกับแสงแดด เพราะเหงื่ออาจทำให้ยาที่ทาบนหลังหลุดออกได้
หลังจากเธอออกจากโรงพยาบาล เจียงเหยารู้สึกกระปี้กระเปร่าตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาล หรือเตียงที่แคบ ๆ นั่นเลย ลู่ชิงสีไม่สามารถยืดแขน ยืดขาของเขาได้เลยเมื่อเขานอนบนเตียงนั่น
คนขับรถพาพวกเขากลับไปที่บ้านของครอบครัวลู่ในชนบทโดยตรง
ตำรวจได้เข้าจับกุมจ้าวจวนซ่งในทันที แม้แต่ครอบครัวจ้าวมาไม่ทันเยี่ยมเขา เพราะมัวแต่ยุ่งกับการหาวิธีช่วยให้จ้าวจวนซ่งออกจากเรือนจำ
พ่อแม่ของลู่ชิงสีและสมาชิกสี่คนของครอบครัวเจียง กำลังรอพวกเขาอยู่ที่บ้าน
เจียงเหยาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น เมื่อเธอก้าวเข้ามาในบ้าน เจียงเล่ยแทบรอไม่ไหวที่จะโอบกอดน้องสาวตัวน้อยของเขาไว้ในอ้อมแขนและตรวจสอบว่าน้องสาวของเขาซูบผอมไปเท่าไหร่ หลังจากเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเธอ
หากเจียงเหยายังเป็นเด็กสี่ ห้าขวบ เจียงเจี่ยและเจียงเล่ยจะต้องขอให้เธอเปิดแผลให้ดูอย่างแน่นอน พวกเขาถึงจะเลิกเป็นกังวลได้
“โชคดีแล้ว! โชคดีแล้ว! เหยาเหยาของเราต้องได้รับโชค หลังจากเจอกับเรื่องร้ายอย่างแน่นอน!” แม่เจียงจับมือเจียงเหยาพร้อมอธิษฐานขอพรมากมาย เธอยังเตรียมน้ำที่ต้มด้วยเปลือกส้มโอไว้ด้วย เธอเชื่อว่าการทำเช่นนั้นจะสามารถขับไล่วิญญาณร้ายและคนไม่ดีออกไปได้ มันเป็นความเชื่อของชาวบ้านและเจียงเหยาเองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง ขัดขืนได้ เธอเพียงก้มลงและกอดแม่เจียง หลังจากเสร็จพิธีกรรมแล้ว “แม่คะ ไม่ต้องกังวลแล้วค่ะ หนูไม่เป็นไรแล้ว”
“ไม่เป็นไรเหรอ! ไม่เป็นไรหรือหึ! ดีเหรอ! จะดีได้ยังไง พี่เกือบหัวใจวาย!”
เจียงเล่ยยกมือขึ้นและกำลังจะตีหัวเจียงเหยาเหมือนอย่างที่เขาเคยทำมาก่อน เวลาที่ต่อว่าเธอ
ก่อนที่มือจะสัมผัสลงบนศีรษะของเธอ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหาร เขามองย้อนกลับไปและเห็นน้องเขยกำลังจ้องมือของเขาเหมือนเสือที่ดุร้าย เจียงเล่ยดึงมือของเขาลงทันที และพยายามปกปิดมันด้วยการเกาหัวของตัวเองอย่างช้า ๆ