ตอนที่ 42 วันที่มีชีวิตชีวา
ฝนที่ตกลงมาในตอนกลางคืนกลบร่องรอยการต่อสู้เมื่อคืนก่อนไปซะหมดเหลือไว้เพียงกลิ่นเลือดจางๆบนดาดฟ้าเรือเท่านั้นที่ยังคงเป็นหลักฐานถึงการต่อสู้ในคืนก่อนหน้านี้
เช้าวันรุ่งขึ้นนั้นมีแสงแดดสดใสเป็นพิเศษ
นามิลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นเธอก็ยืดตัวอย่างเกียจคร้าน
จากนั้นก็...
"กรี๊ดดด!!!" เสียงกรีดร้องซึ่งเป็นสัญญาณการเริ่มต้นวันใหม่ที่มีชีวิตชีวาอีกวันของกลุ่มโจรสลัดไร้หน้าดังไปทั่วเรือ!
แบม แบม แบม แบม!
โต๊ะและเก้าอี้บินไปรอบๆห้องของเธอ
"ไม่นะนามิ ฟังฉันอธิบายก่อนสิ!"
วิลล์ที่ถูกไล่ออกมาจากห้องดูนั้นหดหู่จากนั้นก็หาวฟอดใหญ่
เมื่อคืนเขานั้นเป็นห่วงนามิก็เลยนอนอยู่ข้างเตียงดูแลเธอในขณะที่ศึกษาผลปีศาจและความสามารถใหม่ของถุงมืออินฟินิตี้
แล้วเขาก็ผล็อยหลับไปเพราะว่าเขานั้นทั้งง่วงและก็เหนื่อยมาก
แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นต่อบ้างตอนที่เขาผล็อยหลับไป อาจจะเพราะมันหนาวเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ วิลล์เลยคลานขึ้นไปที่เตียงของนามิแล้วทั้งสองคนก็นอนกอดกันหลับฝันดี
และจากนั้นก็ภาพก็ตัดฉากมาที่นามิที่เพิ่งโยนเขาออกมาจากห้องเลย!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...
นามิซึ่งกำลังนั่งกินอาหารเช้าหลังจากได้ฟังเรื่องราวของวิลล์แล้วบวกกับคำให้การของโคบี้และเรือที่เป็นหลักฐานก็อยู่ที่เท้าของเธอ ในที่สุดเธอก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เธอหมดสติไปอย่างลึกลับ!
เหตุผลที่นามิโมโหรุนแรงก่อนหน้านี้คงเป็นเพราะเธอคิดว่าวิลล์คือไอ้บ้าที่ทำให้เธอสลบไป!
นามิจะโกรธขนาดนั้นก็ไม่แปลกเพราะเธอคิดว่าอาจจะถูกเจ้าหมอนี่ทำให้เธอสลบไปแล้วก็ XXX!
โชคดีที่มันเป็นแค่ความเข้าใจผิด!
นอกจากนี้เขาก็ยังอธิบายที่ดูฟังขึ้นว่าทำไมเธอถึงตื่นขึ้นมาและเห็นวิลล์นอนอยู่บนเตียงของเธอด้วย
เพราะเห็นแก่เรื่องที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้อีกครั้งและดูแลเธอเมื่อคืนนามิก็เลยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หรอกนะ
“สมบัติอยู่ไหน! สมบัติของฉันคงไม่จมไปพร้อมกับเรือหรอกใช่ไหม!”
นามินึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จากนั้นก็คว้าคอเสื้อของวิลล์ในทันทีและเริ่มเขย่ามันอย่างแรง!
ที่จริงนั่นมันสมบัติของฉันนะ...
สันชาติญาณในการเอาตัวรอดของวิลล์นั้นส่งเสียงเตือนดังมากจนทำให้เขาเปลี่ยนคำพูดเป็น "มันอยู่ในห้องกัปตันหนะ" ในทันที
นามิดูผ่อนคลายลงและดื่มชาดำแบบผู้ดีในทันทีราวกับว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเลยเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้
“แต่เสื้อผ้าที่เธอซื้อและก็อุปกรณ์อื่นๆบนเรือของเราจมไปหมดแล้ว”
“โอ้ ไม่เป็นไรๆแค่ไปซื้อที่เกาะต่อไปก็ได้และในเรือลำนี้ก็น่าจะมีเสบียงพอสำหรับคนเป็นร้อยคนเลยเพราะงั้นนายไม่ต้องห่วงไป”
วิลล์ทำหน้าบูดพร้อมกับคิดว่าถึงเธอจะไม่เป็นไรแต่รางวัลของฉันมันจมทะลไปแล้วนะ!
เขาคิดว่านามิเองก็รู้ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขาด้วยและนั่นก็เป็นสาเหตุที่เธอทำท่าทางใจเย็นอยู่นี่เอง
และก็ในตอนที่วิลล์ได้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเธอขณะที่เธอดื่มชาดำนั้นมันก็ยิ่งทำให้วิลล์เกลียดเจ้าแว่นนั่นมากขึ้นไปอีก!
รู้อย่างงี้เขาคงไม่ฆ่ามันง่ายขนาดนั้นหรอก!
“อ้ออีกอย่าง ฉันเจอนี่บนตัวเจ้าแว่นนั่นด้วย” วิลล์ส่งล็อกโพสต์ให้นามิ
นามิหยิบมันขึ้นมาลองเทียบกับล็อกโพสต์ที่ผู้หญิงบ้านั่นให้พวกเขาไว้และพบว่าทั้งสองอันไม่ได้ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน
เธอไม่รู้ว่าทั้งสองอันนี้มันชี้ไปที่ไหน เธอก็เลยไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อ
แต่มันก็ไม่น่าจะต่างกันเท่าไหร่เพราะผู้หญิงบ้าก็หวังให้ว่าวิลล์ช่วยเธอหาที่อยู่ของเอสดังนั้นเธอก็ไม่น่าจะวางกับดักพวกเขาและถึงเจ้าแว่นนั่นจะร้ายกาจยังไงแต่มันก็คงจะไม่วางกับดักตัวเองหรอกใช่ไหม!
“ตัดสินใจได้เลย กัปตัน!”
"เราจะใช้เส้นทางไหนดี"
นามิยิ้มแล้ววางล็อกโพสต์สองอันไว้บนโต๊ะเพื่อให้เขาเลือก
วิลล์คิดสักพักจากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า"เราน่าจะใช้ของที่พวกเราขโมยมาเองจะดีกว่า"
ถึงแม้ว่าตรรกะของเขาจะดูงี่เง่ามากแต่นามิก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะต้นหนเรือที่มีความสามารถจะต้องสามารถแล่นเรือได้อย่างปลอดภัยไม่ว่ากัปตันอยากจะไปที่ไหนก็ตาม!
แทนที่จะให้กัปตันเลือกจุดหมายแล้วกรีดร้องว่ามันอันตรายเกินไป ไปไม่ได้นะอะไรพวกนั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นจะมีต้นหนเรือไปทำไม
หลังจากเก็บล็อกโพสต์ทั้งสองไปอย่างระมัดระวังแล้ว นามิก็วางถ้วยชาลงทันที
“งั้นเราก็ไปกันเลยเถอะ กัปตัน!”
........
เพราะพวกเขามีกันแค่สามคน นามิเป็นต้นหนเรือที่รับผิดชอบในการสังเกตสภาพอากาศและปรับทิศทางของเรือ ดังนั้นกัปตันวิลล์และโคบี้ที่ต้องลำบากอยู่เรื่อยจึงต้องทำงานที่เหลือทั้งหมดเอง
แต่ก็ยังโชคดีที่โคบี้ทำงานได้เยอะแยะตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้!
วิลล์เรียกการทำงานพวกนี้ว่าการฝึกพิเศษ! และเพราะ ‘การฝึกพิเศษ’ นี้เองที่ทำให้โคบี้ซึ่งเป็นลูกเรือจึงต้องถูกเขาใช้งานตลอดเวลา!
แต่การฝึกพิเศษของโคบี้ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปซะทีเดียว เนื่องจากการทำงานและการฝึกฝนในทุกวันนี้ กล้ามเนื้อของโคบี้ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และเขาก็ดูสูงขึ้นเล็กน้อย แม้แต่อาหารเขาก็กินมากกว่าเดิมหลายเท่าเลยด้วย!
จะทำงานได้ยังไงถ้าไม่มีอาหารกิน! ใช่ไหมหละ!
ในเรื่องอาหารการกินวิลล์ไม่เคยปฏิบัติต่อเขาแย่ๆเลย นอกสะจากวันที่พวกเขากินส้มกันทุกวันหนะนะ
ถึงมันจะไม่ได้ดีเท่าอาหารของกองทัพเรือแต่มันก็ไม่น่าจะเลวร้ายเกินไป
ยังไงก็เถอะวิลล์ก็รู้สึกดีกับตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องนี้และเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นที่จะได้เห็นการเติบโตของโคบี้ในอนาคต
---
หลังจากทำงานต่างๆมากมาย เช่น ทำความสะอาดดาดฟ้า จัดห้อง ทำเครื่องดื่ม ทำอาหาร...
โคบี้ในตอนนี้ก็กำลังกินข้าวกลางวันที่เขาทำเองในขณะที่ฟังเสียงของนามิเป็นบางครั้งเพื่อปรับทิศทางของเรือ
ในทางกลับกัน ทั้งวิลล์และนามิก็กำลังเพลิดเพลินไปกับอาหารกลางวันและไวน์ดีๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังออกเดตกันอยู่
เนื้อสัตว์และไวน์พวกนี้เป็นผลิตภัณฑ์พิเศษของทะเลเวสต์บลู ซึ่งทำให้ทั้งวิลล์และนามิรู้สึกประหลาดใจที่ไม่เคยลองมันมาก่อนเลย
จากนั้นท่ามกลางบรรยากาศอันแสนสบายในเวลาอาหาร จู่ๆ วิลล์ก็ได้ยินนามิถามลอยๆออกมา
“ฉันเพิ่งไปสำรวจห้องกัปตันมาแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ”
"มีอะไรแปลกงั้นเหรอ?" วิลล์ดูสับสน
“ก็เรื่องกองสมบัติของเรือเราและสมบัติบนเรือของเจ้าแว่นนั่นรวมกันแล้วมันดูจะน้อยเกินไปหน่อยไหม?”
เมื่อเธอพูดจบเธอก็ส่งยิ้มที่ดูเหมือนจะละลายผู้คนได้เลยทีเดียว
วิลล์รู้สึกหนาวขึ้นมาทันทีและก้มหน้าลงในจานเคี้ยวอาหารพลางพูดอย่างคลุมเครือว่า “บางทีมันอาจจะถูกใช้เพื่อซื้อเรือและเสบียงก็ได้เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มโจรสลัดทุกกลุ่มจะรวยกันหนิจริงไหม”
"มันก็ดีแล้วน่าที่ได้สมบัติพวกนี้มา!"
“อ๋อ จริงเหรอ~~?”
นามิจ้องมาที่เขาด้วยสายตาที่รุนแรงราวกับว่าเธอพยายามจะมองทะลุตัวเขาไป
เมื่อรู้สึกได้ถึงการจ้องมองอันรุนแรงที่สามารถเผาเขาได้หากเขาไม่ระวัง วิลล์ก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น!
“จริงสิ! เธอคิดว่าฉันจะซ่อนสมบัติไว้งั้นหรอฮะ?”