ตอนที่ 15 มาถึงหมู่บ้านโคโคยาชิแล้ว!
ว่าที่นายพลวัย18ปี ที่ตอนนี้ยังคงเป็น เจ้าเด็กขี้แย ตัวจิ๋ว ขี้ขลาดและซุ่มซ่ามที่ไร้เพื่อน!
วิลล์คิดว่าคงจะน่าเสียดายแย่ถ้าเขาไปเอาต้นกล้าดีๆแบบนี้ไปด้วย
ว่าที่ทหารเรือ!
หมอนี่มีอนาคตมากกว่าในฐานะเบ๊ของเขา
ฮะแฮ่ม..วิลล์หมายความว่าเขาสามารถฝึกโคบี้ได้ แม้ว่าเขาจะไม่มีอาหารสูตรพิเศษของกองทัพเรือ และการฝึกสอนจากหมัดเหล็กของการ์ป เขาก็สามารถฝึกเจ้าเด็กนี่ได้ ใช่มั้ย?
ดังนั้น เมื่อเขาไปสู้กับใครในอนาคต เขาจะส่งโคบี้ไป และถ้าโคบี้ชนะ เขาก็ได้สามารถพูดได้ว่า “ดูสิ แกยังสู้เบ๊บนเรือฉันไม่ได้เลย ทำไมไม่ไปตายซะล่ะ?”
มันน่าสนมากเลยรู้
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ สีหน้าของวิลล์ที่กำลังมองโคบี้ก็ดูแปลกๆ
“นายท่าน ผมไม่ค่อยเข้าใจที่ท่านพูดเท่าไรเลยครับ” โคบี้ย่นคอลงอย่างแหยๆ
“นายยังเด็กและยังไม่เคยเห็นด้านมืดของโลกนี้ นั่นถึงทำให้นายคิดว่ากองทัพเรือจำเป็นต้องถูกต้องเสมอ แต่จริงๆแล้วมันไม่เป็นอย่างนั้นเลย!”
“ดังนั้น ฉันจะแสดงให้นายเห็นเองว่าด้านมืดของกองทัพเรือนั้นโสมมแค่ไหน และถ้าหลังจากนั้นนายยังอยากเป็นทหารเรืออยู่ ฉันก็จะพอนายไปส่งที่นั่นเอง”
“ถ้าถึงเวลานั้นนายเข้าใจและมีหัวใจที่ต้องการยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง และไม่ต้องการเป็นทหารเรือ ฉันจะฝึกนายเองเพื่อที่นายจะได้มีความแข็งแกร่งพอที่จะยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องในหัวใจ!”
‘ บัดซบ! บทบาทนี้มันเหมือนว่าฉันกำลังปลูกฝังแนวคิดเรื่องความยุติธรรมใส่หัวโคบี้เลย ’ วิลล์คิดอย่างรู้สึกอายเล็กน้อย
มันคงจะน่าอายกว่านี้ถ้าวันหนึ่งโคบี้ได้จำคำพูดของเขาและเรียกร้องหาความยุติธรรมเพียงเพื่อจะกำจัดความชั่ว!
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โคบี้ ไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว เพราะทุกคนมองว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด และวิลล์ก็เป็นคนแรกที่เห็นค่าของเขา
ดังนั้นโคบี้จึงตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินว่าเขาสามารถเรียนรู้ภายใต้การสั่งสอนของชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้!
แต่ก่อนหน้านั้น อุดมคติที่แท้จริงของเขาคือการเป็นทหารเรือที่รักษาความยุติธรรม!
“ขอบคุณครับนายท่าน! ผมจะจดจำทุกอย่างด้วยสายตาของผม และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ผมจะจดจำความบุญคุณที่ช่วยผมจากพวกโจรสลัดไปตลอดชีวิตครับ!”
เมื่อเห็นว่าการล้างสมองของเขาค่อนข้างได้ผล วิลล์ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจอย่างมาก
“โอเค ไปทำงานต่อเถอะ แล้วช่วยทำค็อกเทลมาให้ด้วย”
“ครับ!”
เมื่อเห็นโคบี้เดินจากไปด้วยความฮึกเหิมแล้ว วิลล์ก็สงสัยว่าแบบนี้ไม่ดูสบายไปหน่อยหรอ เพราะถึงแม้โคบี้จะถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง เขาก็ประสบความสำเร็จได้อย่างไร้ขีดจำกัดในอนาคต ในขณะที่อนาคตของเขานั้นยังไม่แน่ชัด
ชั่งมันไปก่อนเถอะ
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาทำลายกลุ่มโจรสลัดอัลวิด้าและช่วยเหลือโคบี้ ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว และการที่เขาจะได้เจอลูฟี่หรือเข้าร่วมกองทัพเรือหรือไม่นั้นก็ยังไม่แน่ชัด
อีกอย่างในฐานะนักเดินทางที่มีนิ้วทองคำ ถ้าเขาฝึกโคบี้ไม่ได้ เขาก็ไร้ประโยชน์แล้ว!
เขาจะเป็นคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกและดีดนิ้วของเขาอย่างทานอส!
ทันใดนั้น วิลล์ก็กลับมามั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมอีกครั้ง!
- - -
หลายวันต่อมา เรือทั้งสองลำก็มาถึงหมู่บ้านโคโคยาชิ ที่มีการปลูกส้มเป็นเอกลักษณ์
หลังจากจ่ายส่วยให้กับยามมนุษย์เงือกสองสามคนแล้ว กลุ่มของเขาก็ขึ้นฝั่งและทำธุรกิจได้ตามปกติ
ท้ายที่สุดแล้ว หมู่บ้านต้องการปัจจัยหลายอย่างเพื่อความอยู่รอด และพ่อค้าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้!
แทนที่จะฆ่าห่านเอาไข่ทองคำ อารองยอมให้ผู้คนและพ่อค้าซื้อขายกันโดยมีการเก็บค่าธรรมเนียม
แต่ซื้อขายได้เฉพาะของใช้ในครัวเรือนเท่านั้น
ส่วนอาวุธนั้น?
ถึงจะมีคนกล้าขาย แต่ใครจะกล้าซื้อ?
ก่อนที่จะมาที่นี่ หอการค้าบลูเบิร์ดได้รับรวมข้อมูลมาแล้ว ดังดันสิ่งที่พวกเขานำมาด้วยก็จะมีแค่สิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน อย่าง หม้อ กระทะ เกลือ ผัก เนื้อสัตว์และสิ่งของทั่วๆไปเท่านั้น
แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้อาจไม่ได้เงินมากมาย แต่เฒ่าจอห์นก็ทำทุกอย่างเพื่อผูกมิตรกับวิลล์
หลังจากที่พวกเขาขึ้นฝั่งแล้ว ชาวบ้านจำนวนมากก็เข้ามาสอบถามสถานการณ์ และเมื่อพวกเขารู้ว่าพวกวิลล์ที่ขึ้นฝั่งมาเป็นพ่อค้าทุกคนต่างก็มีสีหน้ายินดี
นับตั้งแต่วินาทีที่สถานที่แห่งนี้ถูกครอบครองโดยกลุ่มโจรสลัดอารองเมื่อ6ปีที่แล้ว พ่อค้าจำนวนมากก็ไม่เต็มใจจะมาที่นี่
ท้ายที่สุดแล้ว พ่อค้าและโจรสลัดก็เป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ และมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่าเมื่อพวกเขามาที่นี่พวกเขาจะถูกกลืนกินหรือไม่ และหากโชคไม่ดีพวกเขาอาจตายหรือกลายเป็นทาสซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้!
และอีกเหตุผลที่ไม่มีพ่อค้าเดินทางมาที่นี่เพราะชาวบ้านถูกกลุ่มโจรสลัดอารองขูดรีดจนไม่มีกำลังทรัพย์พอจะซื้อสินค้าใดๆแล้ว
ชาวบ้านที่ขาดของใช้ประจำวันอย่างเกลือต้องจ่ายราคาที่สูงลิบเพื่อซื้อเกลือจากอารอง
นั่นเป็นสาเหตุที่วงจรอุบาทว์เกิดขึ้น และก็ไม่มีใครทราบว่ามีกี่คนที่เสียชีวิตในหมู่บ้านโคโคยาชิตลอดช่วงหลายปีมานี้ตั้งแต่ถูกอารองปกครอง
และเบลเมล แม่บุญธรรมของนามิก็ไม่ใช่แค่เหยื่อรายเดียวอย่างแน่นอน!
เป็นเรื่องดีที่นามิเป็นเพียงคนเดียวที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และมักจะนำบางสิ่งกลับมาคืน ไม่งั้นคงมีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้!
- - -
ในระหว่างการทำธุรกรรม วิลล์ถามชาวบ้านในหลายๆสิ่งและรู้สึกว่าเขามาถูกที่แล้ว
ปลาชั่วร้ายอย่างอารองนั้นจะไม่ได้รับความปราณีจากเขาแน่นอน
“เอ่อ..เราไม่มีเงินแล้ว เราสามารถแลกเปลี่ยนกับอย่างอื่นแทนได้มั้ย ได้โปรด เราต้องการเกลือจริงๆ”
ผู้หญิงที่มีลูกน้อยอ้อนวอนทั้งน้ำตาพร้อมกุมมือกัปตัน กัปตันดูเขินอายเล็กน้อยแต่เขาไม่ได้พูดอะไร ไม่อย่างนั้นกลับไป ประธานคงไม่พอใจแน่ และเขาจะเป็นคนที่โชคร้ายแทน
ในตอนนั้น วิลล์ก็เดินเข้ามาและพูดว่า “เรารับแลกเปลี่ยน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น คนอื่นๆก็สามารถแลกเปลี่ยนได้!”
ชาวบ้านมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ แม้แต่กัปตันและคนของเขาก็คนของเขาก็มองมาที่เขาด้วยตาเป็นประกาย
“ไม่เป็นไรจริงๆหรอ?”
“แลกกับส้มได้มั้ยคะ?”
“ฉันจะแลกส้ม100ปอนด์กับเกลือหนึ่ง ไม่สิ แค่ครึ่งปอนด์ก็พอ ได้ไหม?”
ชาวบ้านเกือบทั้งหมดใช้ส้มเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน และมันก็ไม่ได้แปลกจริงๆเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาเหลือหลังจากอยู่ใต้การปกครองของอารองมานาน
ไม่เป็นไร หยวนๆได้เพราะส้มของที่นี่อร่อยจริง!
อย่างไรก็ตาม วิลล์มาที่นี่เพื่อกำจัดเนื้อร้ายที่เรียกว่าอารองและลูกน้องของมัน จากนั้นเขาจะลักพาตัวนามิตัวน้อย ดังนั้นการจะสร้างความประทับใจแก่ทุกคนจึงเป็นเรื่องดี