WS บทที่ 311 อันธการ PART 1
“ชาวงูอัลไพน์…”
เมอร์ลินกระซิบเสียงต่ำและมองดูผู้เฒ่างูอย่างใกล้ชิด ไม่น่าแปลกใจที่เขามีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ เขาก็ยังสงสัยว่านักเวทย์ที่น่าเกลียดสองคนที่อยู่ข้างนอกนั้นน่าจะแตกต่างจากคนทั่วไปด้วย
เมอร์ลินเคยสัมผัสกับส่วนหนึ่งของความรู้ทั่วไปในดินแดนมนต์ดำ เขารู้ว่ามีบางเผ่าที่แปลกแตกต่างจากคนทั่วไปในโลกนี้ หนึ่งในเผ่าเหล่านั้นคือเผ่าสัตว์อัลไพน์
เห็นได้ชัดว่าชาวงูอัลไพน์สืบเชื้อสายมาจากสัตว์ร้ายบนเทือกเขาอัลไพน์ คนเหล่านี้เป็นลูกครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ประหลาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทุกประเภทที่แตกต่างจากคนทั่วไป มีข่าวลือว่าในยุครุ่งเรืองที่สุดของนักเวทย์ นักเวทย์ที่โหดร้ายเหล่านั้นใช้คนธรรมดาเพื่อทำการทดลองต่าง ๆ พยายามสร้างบุคคลที่สามารถผสมผสานข้อดีของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ขึ้นมา
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาส่วนใหญ่ล้มเหลว บางคนกลายเป็นคนอัปลักษณ์และพวกเขาก็ค่อย ๆ ดำเนินเผ่าพันธุ์ต่อไป พวกเขาสามารถอาศัยอยู่ในภูเขาและหนองน้ำที่อันตรายที่สุดเท่านั้น โดยมีกลุ่มสัตว์ป่าอยู่รวมกันเป็นฝูง
อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่างูที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่เพียงแต่เป็นชาวงูบนภูเขาอัลไพน์เท่านั้นแต่ยังเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังอีกด้วย แม้ว่าเมอร์ลินจะไม่รู้จักความแข็งแกร่งของเขาแต่อย่างน้อยเขาควรจะเป็นนักเวทย์ระดับสี่
นักเวทย์ระดับนี้ย่อมต้องมีตำแหน่งที่แข็งแกร่งมากในหมู่ชาวงูอัลไพน์ ท้ายที่สุด นักเวทย์ระดับสี่เป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังที่สามารถสร้างหอคอยได้เพียงลำพังในดินแดนมนต์ดำ
ดวงตาของผู้เฒ่างูเหลือบเล็กน้อยแล้วกระซิบ “พ่อมดเมอร์ลินดูเหมือนจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับชาวงูบนเทือกเขาอัลไพน์ ดังนั้นฉันเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติม ตอนนี้ฉันเป็นผู้นำเผ่าของชาวงูบนเทือกเขาอัลไพน์ สาเหตุที่ฉันถึงมาอยู่ที่นี่ มันเป็นเพราะองค์ชายแปดได้ที่ให้เกียรติเผ่าของฉันเสมอมา ดังนั้นชาวงูคนอัลไพน์ของฉันจึงเป็นนักสู้ที่ภักดีที่สุดขององค์ชายแปด!”
น้ำเสียงของผู้เฒ่างูดูจริงจัง จิตใจของเมอร์ลินก็เต็มไปด้วยความคิดต่าง ๆ เช่นกัน
องค์ชายแปดองค์นี้ดูเหมือนจะเป็นกุญแจสำคัญในทุกสิ่ง รวมถึงผู้เฒ่างูซึ่งองค์ชายแปดยังส่งมายังปราสาทวิลสันด้วย
เมอร์ลินรู้ว่าเขากับองค์ชายแปดไม่เคยพบกันมาก่อนแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะสนใจตระกูลวิลสันจึงส่งผู้เฒ่างูมาที่นี่ เมอร์ลินคิดว่าองค์ชายแปดต้องการอะไรบางอย่างจากเขา ดังนั้น เมอร์ลินจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกระซิบว่า
“ผู้เฒ่างู บอกฉันมาว่าทำไมองค์ชายแปดถึงต้องการจะพบฉัน?”
ผู้เฒ่างูส่ายหัวแทนและกล่าวว่า “สำหรับเรื่องนี้ องค์ชายแปดไม่ได้กล่าวเฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตาม พระองค์ส่งฉันและผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนไปที่ปราสาทวิลสันเพื่อปกป้องครอบครัวของพ่อมดเมอร์ลินเท่านั้นและรับสั่งห้ามให้ครอบครัวของพ่อมดเมอร์ลินต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน แล้วเมื่อพ่อมดเมอร์ลินกลับมาที่ปราสาทวิลสัน ทางเราจะแจ้งให้องค์ชายแปดทราบ พระองค์จะเชิญพ่อมดเมอร์ลินไปที่เมืองอิมพีเรียล!”
“ไปยังเมืองอิมพีเรียล?”
องค์ชายแปดผู้ลึกลับ การกระทำของเขากระตุ้นความสนใจของเมอร์ลินมาก ทำไมองค์ชายแปดถึงส่งคนมาปกป้องปราสาทวิลสัน แล้วยังมีเรื่องเชิญเขาไปยังเมืองอิมพีเรียลอีก ดูเหมือนพระองค์จะต้องการอะไรบางอย่างจากเขา
เจ้าชายแห่งอาณาจักรแบล็กมูนเป็นมากกว่าเจ้าชายแห่งอาณาจักรแห่งแสง ในอาณาจักรแบล็กมูน ราชวงศ์เป็นตัวแทนของพลังที่แข็งแกร่งที่สุด ยังมีนักเวทย์ผู้เก่งกาจจำนวนนับไม่ถ้วน เจ้าชายทุกคนจะสามารถจัดตั้งกลุ่มนักเวทย์ที่อยู่ภายอำนาจของตัวเอง ผู้เฒ่างูที่องค์ชายแปดส่งมานั้น เห็นได้ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพระองค์ ยิ่งกว่านั้น ความจริงที่ว่าเขาได้คัดเลือกเผ่าสัตว์อัลไพน์ก็หมายความว่าความทะเยอทะยานของเจ้าชายไม่ธรรมดา
“เดี๋ยวก่อน องค์ชายแปด…ไม่ใช่ว่าเคานต์ลองการ์ดีที่เคานต์เซลินจัดการ เขาขึ้นตรงกับองค์ชายแปดไม่ใช่เหรอ?”
เมอร์ลินเลิกคิ้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมชื่อ ‘องค์ชายแปด’ จึงฟังดูคุ้นเคย เมื่อเขากลับมาที่เมืองปรากาซในตอนนั้น เขาได้ช่วยเคานต์เซลินจัดการกับภัยคุกคามสงครามจากเมืองเลบิส
นอกจากนี้ เขายังช่วยเคาท์เซลินพิชิตเมืองเลบิสด้วย เคานต์ลองการ์ดีแห่งเมืองเลบิสต่อสู้ภายใต้ชื่อองค์ชายแปด
ในขณะนั้น เมอร์ลินไม่ได้สนใจเลย เพราะทุกอย่างหลังจากนั้นเป็นงานของเคาท์เซลิน บางทีเคาท์เซลินอาจตัดสินใจสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อองค์ชายแปดหลังจากการผนวกเมืองเลบิส
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เมอร์ลินก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ผู้อาวุโสงู เคาท์เซลินให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อองค์ชายแปดแล้วหรือ?”
ผู้เฒ่างูตะลึงเล็กน้อยแต่เขาก็ตอบสนองกับคำถามได้อย่างรวดเร็ว “เนื่องจากคุณเป็นนักเวทย์จากดินแดนมนต์ดำอันห่างไกล จึงไม่แปลกที่คุณจะไม่รู้ว่าเรื่องอิทธิพลขององค์ชายแปด นับตั้งแต่เคานต์เซลินได้ยึดเมืองเลบิส ถ้าเขาไม่ได้ถวายความจงรักภักดีต่อองค์แปด เขาจะยังสามารถปกครองเมืองเลบิสไปได้ต่อหรือไม่?”
เมอร์ลินเข้าใจสิ่งที่ผู้เฒ่างูจะสื่อ ตัวเขามักจะอยู่ในดินแดนมนต์ดำ ถึงองค์ชายแปดจะไม่ทำอะไรเขาแต่ไม่ใช่กับเคานต์เซลิน องค์ชายแปดสามารถอำนาจที่มีของเขาจัดการเคานต์เซลินได้อย่างสบาย ๆ
หากเคานต์เซลินไม่ได้จงรักภักดีต่อเจ้าชายแปด ทั้งเมืองเลบิสกับปรากาซคงจะถูกองค์ชายยึดครองไปแล้ว
“เอาล่ะ ฉันรู้ที่มาที่ไปทั้งหมดแล้ว ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือขององค์ชายแอด ฉันจะจำมันไว้ขึ้นใจ! ตอนนี้ เรามาพูดถึงปัญหาที่ปราสาทวิลสันต้องเผชิญกันก่อนดีกว่า หากที่นี่ไม่มีเหตุอะไรขึ้น ทางองค์ชายแปดคงไม่ส่งผู้เฒ่างูมาที่ปราสาทวิลสัน ใครก็ตามที่กล้าโจมตีปราสาทวิลสัน ฉันจะจัดการกับมันเอง!”
เมอร์ลินเอาลมหายใจลึกและจ้องมองไปยังเบื้องหน้า
การปรากฏตัวของผู้เฒ่างูกับผู้ติดตามของเขา มันไม่ใช่บังเอิญอย่างแน่นอนและเพื่อการซื้อใจเมอร์ลินขององค์ชายแปด เขาสัมผัสได้ว่าคำขอที่องค์ชายแปดจะขอหลังจากนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอน
ในเวลานี้เมอร์ลินได้ติดค้างองค์ชายแปดอย่างมาก ถ้าองค์ชายแปดไม่ยื่นมาเข้ามาช่วยปราสาทวิลสันจะต้องได้พบอันตรายอย่างใหญ่หลวง หากการเดินทางของเขาทำให้ปราสาทและครอบครัวของเขาตกอยู่ในอันตราย เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก
ดังนั้นร่างกายของเมอร์ลินไม่ได้ตั้งใจปกปิดจิตสังหารออกมาในจุดนี้และมันดูเหมือนว่าผู้เฒ่างูก็รู้สึกหนาวสั่นไปในหัวใจของเขา
“เรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก องค์ชายแปดเพียงแค่บอกให้เราปกป้องปราสาทวิลสันเพื่อไม่ให้พวกเขากล้าทำอะไรที่นี่...แต่ว่านะพ่อมดเมอร์ลิน คุณได้ทิ้งเมืองปรากาซนานเกินไปและมักจะอยู่ในดินแดนมนต์ดำเท่านั้นจึงทำให้มีพ่อมดพเนจรบางส่วนเข้ามาในเมืองนี้...”
ผู้เฒ่างูตอบอย่างชาญฉลาด ดูเหมือนว่าปราสาทวิลสันจริง ๆ เจอวิกฤติและมันฟังเหมือนมันปัญหาก็ไม่ได้จะแก้ง่าย ๆ ด้วย
“บอกฉันได้มั้ยว่าพวกเขาเป็นใคร?” เมอร์ลินกล่าวอย่างสงบพลางมองผู้เฒ่างู
“เมืองทารัน เมืองควินโนมิ เมืองฟรานย่า...” ผู้เฒ่างูปิดตาของเขาและค่อย ๆ กล่าวว่าชื่อของเมืองเหล่านี้
"พวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับองค์ชายแปดใช่มั้ย?"
เมอร์ลินลูบแหวนมนต์ดำอย่างแผ่วเบาในขณะที่เขาพูดอย่างใจเย็น ทุกคนที่คุ้นเคยกับเมอร์ลินจะรู้ว่าทุกครั้งที่เขาสัมผัสแหวนมนต์ดำ มันเป็นช่วงเวลาที่เขามีเจตนาฆ่าที่รุนแรงที่สุดในหัวใจของเขา
ผู้เฒ่างูพยักหน้าและพูดว่า "เมืองเหล่านี้ทั้งหมดมีจุดแข็งบางอย่างของพวกเขา พวกเขาเป็นกลางไม่ขึ้นตรงต่อใคร คราวนี้มันเป็นเพียงความตั้งใจของพ่อมดบางคนในเมืองเหล่านี้ เกี่ยวกับจุดประสงค์ของพวกเขานั้น ฉันเชื่อว่าพ่อมดเมอร์ลินคงจะทราบเรื่องนั้นดี"
"พวกเขาต้องการพลังปีศาจแพนโดร่าสินะ?"
เมอร์ลินยิ้มอย่างเย็นชา เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นไวส์หรือบลูเบิร์ดที่เขาฆ่าพวกเขาเป็นอัจฉริยะในออสมูและพวกเขาทุกคนพลังปีศาจแพนโดร่า
เมอร์ลินเองมีพลังปีศาจแพนโดร่ามากมาย เขาจึงรู้ถึงความสำคัญของพวกมัน ไม่ว่าใครก็ต้องการมัน ไม่เว้นแม้แต่ผู้เฒ่างูผู้ซึ่งเป็นผู้นำเผ่างูอัลไพน์ เขามีพลังมากมายแต่สิ่งที่ขาดไปคือพลังปีศาจแพนโดร่า
หรือแม้กระทั่งองค์ชายแปดที่ถือทรัพยากรมากมายของราชวงศ์ของอาณาจักรแบล็กมูน มันก็ยากที่เขาจะครอบครองพลังปีศาจแพนโดร่าหรือแม้กระทั่งดินแดนมนต์ดำที่ให้ความสำคัญต่อเมือร์ลินอย่างยิ่งแต่พวกเขาก็ไม่มีทางมอบพลังปีศาจแพนโดร่าให้เขาได้ง่าย ๆ
ดังนั้นพลังปีศาจแพนโดร่าร่าจึงสามารถดึงดูดพ่อมดพเนจรโดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อมดพเนจรที่ทรงพลังเหล่านั้น
เมอร์ลินไม่คิดว่าการครอบครองพลังปีศาจแพนโดร่าจะสร้างความวุ่นวายมากขนาดนี้ เขาคิดเพียงแค่ว่าหากเกิดอะไรขึ้นเขาก็สามารถเข้าไปหลบในดินแดนมนต์ดำได้ อย่างไรก็ตามเขาทำให้ครอบครัวของเขาอยู่ในเมืองปรากาซตกอยู่ในอันตรายแทน
"ฉันต้องขอบคุณผู้เฒ่างูที่ช่วยพวกเราเสมอมา! เนื่องจากเมืองเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายแปด ดังนั้นฉันจะมอบของขวัญบางอย่างให้พระองค์" เมอร์ลินลุกขึ้นและเตรียมจะจากไป
ผู้เฒ่างูยิ้มและจ้องไปที่ร่างของเมอร์ลิน จากนั้นพยักหน้าและมองขณะที่เมอร์ลินจากไป
*พรึ่บ! พรึ่บ!*
เมื่อเมอร์ลินจากไป นักเวทย์ชราสองคนข้างนอกก็เข้าไปในกระท่อม ยืนอยู่ต่อหน้าผู้เฒ่างูด้วยความเคารพ
“ผู้เฒ่างู เมอร์ลินจะทำอย่างนั้นจริง ๆ หรือ? แม้ว่าเหล่านักเวทย์ในเมืองเหล่านั้นอาจเป็นพ่อมดพเนจรแต่มันก็ไม่ง่ายที่จะจัดการ พวกเขาทั้งหมดเป็นนักเวทย์ระดับสี่ทั้งหมดและทรงพลังอย่างมาก ฉันคิดว่าแค่พวกเราใช้อิทธิพลขององค์ชายแปด ฉันเชื่อว่าพวกเขาคงจะยอมวางมือจากปราสาทวิลสันในวันหนึ่งอย่างแน่นอน”
พ่อมดชราผู้น่าเกลียดเปล่งเสียงออกมาอย่างน่าสงสัยในขณะที่มองไปที่ด้านหลังของเมอร์ลิน
ผู้เฒ่างูไม่ได้มองไปทางพ่อมดชราแต่ถามแม่มดแทน “เธอคิดอย่างไรเกี่ยวกับพลังของพ่อมดเมอร์ลิน?”
"พลังของเขา? แน่นอนพลังของพ่อมดเมอร์ลินแข็งแกร่งมาก ความมั่นใจในตนเองของเขาถูกปล่อยออกมาจากภายในสู่ภายนอกราวกับว่าเขาไม่กลัวอันตรายใด ๆ ฉันสัมผัสได้ถึงออร่าเช่นนี้มาก่อน มันคล้ายกับเวทมนตร์อันทรงพลังที่อยู่รอบ ๆ องค์ชายแปด…เป็นไปได้ไหมที่องค์ชายแปดทรงให้คุณค่ากับเขา แม้ว่าดินแดนมนต์ดำเป็นเพียงองค์กรเล็ก ๆ อาจเป็นเพราะพระองค์ทรงมองเห็นพลังที่ยิ่งใหญ่จากพ่อมดเมอร์ลิน”
ผู้เฒ่างูส่ายหัวเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้ม “องค์ชายแปดไม่ได้เห็นคุณค่าของเมอร์ลินแต่เขากลับให้ความสำคัญกับดินแดนมนต์ดำที่สนับสนุนเมอร์ลินต่างหาก! แม้ว่าดินแดนมนต์ดำจะไม่มีค่าสำหรับองค์ชายแปดแต่เป้าหมายที่แท้จริงของพระองค์คือการเข้าถึงอาจารย์ของพ่อมดเมอร์ลินผู้ซึ่งฆ่านักเวทย์ระดับเจ็ดจากออสมู พ่อมดลีโอ ยังไงล่ะ!”
“พ่อมดลีโอ…”
เมื่อได้ยินชื่อ นักเวทย์ผู้น่าเกลียดทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ในใจ
“พรุ่งนี้พวกคุณตามพ่อมดเมอร์ลินไปที่นั่นแต่อย่าทำอะไรเลยและรอให้ถึงช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด จากนั้นพวกคุณค่อยออกมาแสดงตัวแล้วช่วยเมอร์ลิน ฉันเชื่อว่าจากประสบการณ์นี้ เมอร์ลินจะรู้สึกขอบคุณองค์ชายแปดมากขึ้นและจะง่ายขึ้นสำหรับพระองค์ที่จะผูกมิตรกับพ่อมดลีโอ…”
เมื่อผู้เฒ่างูพูดจบ เขาก็โบกมือและปล่อยให้นักเวทย์ชราทั้งสองคนออกจากกระท่อมไป
ในขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาสามคนจะไม่ทราบว่ามีพลังจิตลึกลับได้ปกคลุมทั้งกระท่อมตลอดเวลา พลังจิตนั่นกำลังเฝ้าดูทุกอย่างในนั้น
“หึ เจ้าพวกโง่ พวกเจ้าประเมินพลังของนายท่านต่ำไป…”
พลังจิตลึกลับนี้แสดงความผันผวนที่คลุมเครือและหายไปอย่างเงียบ ๆ จากนั้นปราสาทวิลสันกลับสู่ความสงบดังเช่นก่อนหน้านี้