1047-1048
7/10
Ep.1047
ในใจของสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 5 บังเกิดคลื่นปั่นป่วน เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าเหตุใดเผ่ามนุษย์ที่แสนอ่อนแอ จึงมีร่างกายที่แข็งแกร่งและทนทานเช่นนี้?
ระหว่างที่กำลังเหม่อลอย ทันใดนั้นพลันสัมผัสได้ถึงแรงมหาศาลพุ่งเข้ามา ตามมาติดๆด้วยขวานยักษ์หลุดออกจากฝ่ามือเขา ถูกซูเฉินกระชากแย่งไป
“เจ้า ..!”
สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 5จ้องมองซูเฉินด้วยอาการตื่นกลัว อดชักฝีเท้าถอยอย่างช่วยไม่ได้
สูญเสียสิ่งประดิษฐ์เทวะไป ความสามารถในการต่อสู้ของเขาลดทอนไปกว่าครึ่ง เวลานี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเฉินอย่างแน่นอน
ณ ตอนนี้ ความคิดที่จะหลบหนีผุดขึ้นมาในใจเขา
“ไม่เลวนี่”
ซูเฉินพินิจมองขวานยักษ์ในมือ ก่อนโยนอย่างไม่ใยดีลงในถุงเก็บของ
คุณภาพของขวานยักษ์เล่มนี้ถือว่าค่อนข้างสูง หากนำไปย่อยสลาย สมควรได้รับแต้มพลังงานอย่างน้อย 7-8 พันแต้ม ซูเฉินค่อนข้างพอใจมาก
หลังจากเก็บขวานยักษ์ ซูเฉินเหลือบมองไปยังสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 5 เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ไม่ใช่ว่าแกอยากจะฆ่าฉันหรอ? ทำไมตอนนี้ทำหน้าแหยแบบนั้นเล่า?”
อึก!
สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 5 กลืนน้ำลายลงคอ ระลอกคลื่นของความตื่นตระหนกเอ่อล้นไปทั่วใบหน้า
สิ่งประดิษฐ์เทวะถูกปล้นไป แล้วแบบนี้เขายังมีอะไรมาใช้ฆ่าซูเฉินอีก?
“มนุษย์! ที่นี่คือเมืองหยานเจิ้น! พวกเรายังเหลือยอดฝีมือระดับเทวะขั้น 6 ที่ยังไม่ปรากฏตัว เจ้าอย่าได้อวดดีเกินไปนัก!”
เนื่องจากเกรงว่าซูเฉินจะฆ่าเขา สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 5 เลยรีบยกยอดฝีมือในเมืองหยานเจิ้นขึ้นมาเพื่อขู่ซูเฉิน
ซูเฉินเบ้ปาก หัวเราะดูแคลนและกล่าวว่า “ระดับเทวะขั้น 6 ในสายตาฉันเป็นแค่มดปลวกเท่านั้น ถ้าโผล่มาหนึ่งฉันก็จะฆ่าไปหนึ่ง ถ้าโผล่มาสองฉันก็จะฆ่าพวกมันทั้งคู่!”
“เจ้า ...”
สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 5 ต้องการจะด่าซูเฉิน แต่ภายใต้สายตาของอีกฝ่าย สุดท้ายไม่กล้าเปล่งมันออกมา
“มนุษย์! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเมืองหยานเจิ้นของเราจะไม่มีผู้แข็งแกร่งเหลืออยู่แล้ว?”
ระหว่างนั้นเอง เสียงอันน่าเกรงขามลอยก้องเข้ามา
สิ้นเสียง เห็นแค่เพียงสัตว์ร้ายมิติที่มีร่างกายสูงใหญ่ผิดปกติพุ่งเข้ามาทางพวกเขา ทั่วตัวของมันคุกรุ่นไปด้วยจิตสังหาร
สัตว์ร้ายมิติตนนี้คือต้วนชาง เจ้าเมืองหยานเจิ้น เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 6
“ระดับเทวะขั้น 6!”
สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายร้ายแรงที่แผ่ออกมาจากต้วนชาง สีหน้าของฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆเปลี่ยนไปเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของซูเฉินยังคงสงบไม่ไหวติง เบนสายตามองต้วนชาง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในที่สุดก็ออกมาซักทีนะ ฉันก็หลงคิดว่าแกจะเป็นเต่าหัวหดจนจบเรื่องซะแล้ว”
ก่อนหน้านี้ เขาได้รู้จากปากฉีมู่เฟิง ว่าเมืองหยานเจิ้นมีสัตว์ร้ายมิติ ระดับเทวะขั้น 6 อยู่
ซึ่งเหตุผลที่เขาไม่รีบร้อนฆ่าสัตว์ร้ายมิติตัวอื่น ก็เพื่อรอให้ ระดับเทวะขั้น 6 ปรากฏตัวขึ้นนั่นเอง เพราะหากใช้วิธีนี้ จะได้หว่านแห แล้วจับปลาทั้งหมดได้ในคราเดียว นอกจากนี้ยังช่วยให้ได้รับชิ้นส่วนเพิ่มขึ้นอีกด้วย!
“เผ่ามนุษย์ ระดับเทวะขั้น 4 กล้าดียังไงมาอาละวาดในเมืองหยานเจิ้นของข้า?”
ต้วนชางกวาดสายตาสำรวจมองซูเฉิน ในดวงตาเขาทอประกายเย็นยะเยือก แค่นเสียงเย็น “คนที่กล้าบุกเมืองหยานเจิ้นของข้า ล้วนไม่มีผู้ใดพบจุดจบที่ดี แม้แต่เจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น!”
สิ้นเสียง รอยยิ้มโหดเหี้ยมผุดขึ้นตรงมุมปากของเขา เมื่อสองคิ้วขมวดเข้าหากัน พลังแห่งจิตวิญญาณก็ถูกระเบิดออกมาทันที โถมเข้าบดขยี้ซูเฉิน
“ที่แท้มันก็เป็นปรมาจารย์พลังจิต ...” ซูเฉินรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย เนื่องจากสัตว์ร้ายมิติขึ้นชื่อเรื่องร่างกายอันแข็งแกร่ง อย่างสัตว์ร้ายมิติทุกตัวก่อนหน้านี้ที่เขาฆ่าไป ก็ล้วนแต่เป็นผู้วิวัฒนาการ นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่ได้พบสัตว์ร้ายมิติในฐานะปรมาจารย์พลังจิต
“เจ้าหนู ดูซิว่าคราวนี้เจ้าจะยังอวดดีได้อีกซักแค่ไหน?”
เห็นต้วนชางลงมือด้วยตัวเอง สัตว์ร้ายมิติตนอื่นๆต่างคิดว่าซูเฉินคงตายแน่ๆแล้ว ทั้งหมดแสยะยิ้มเย็น
“คิดใช้พลังจิตสู้กับฉัน?” มุมปากของซูเฉินยกโค้ง เปิดใช้งาน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] ทันที
เมื่อร่างกายสูงขึ้นเป็นสิบจั้ง พลังจิตมหาศาลก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว
8/10
Ep.1048
“ระดับเทวะขั้น 5! ทั้งยังเป็นปรมาจารย์พลังจิต!?”
เห็นซูเฉินยกระดับเป็น ระดับเทวะขั้น 5 ได้ในพริบตา ทั้งยังเป็นปรมาจารย์พลังจิตเช่นกัน ต้วนชางชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ฟื้นคืนสติกลับมา
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตัวเขายังเหนือกว่าซูเฉินอยู่หนึ่งขั้น อีกทั้งยังมีความมั่นใจในพลังจิตของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง
ซูเฉินคิดต่อสู้โดยใช้พลังจิตกับเขา นั่นไม่เท่ากับใช้ไข่ทุบหินหรอกหรือ?
วินาทีถัดมา พลังจิตอันบ้าคลั่งรุนแรงสองสายปะทะกัน สีหน้าของต้วนชางแปรเปลี่ยนไปทันที เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าพลังจิตของซูเฉินราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่ค่อยๆบดขยี้พลังจิตของเขาไปทีละนิด ทีละนิด
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้!?”
ต้วนชางตกใจตัวแข็งทื่อ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ระดับของซูเฉินต่ำกว่าเขาตั้งหนึ่งขั้นอย่างเห็นได้ชัด แล้วเหตุใดเป็นพลังจิตของเขาที่ถูดบดขยี้?
แน่นอน ต้วนชางคงไม่ทราบ ว่าซูเฉินได้กินผลแก่นแท้เข้าไปเกือบ 20 ลูก ส่งผลให้พลังจิตของเขาได้ไปถึง ระดับเทวะขั้น 6 แล้ว และด้วยความสามารถในการสังหารศัตรูข้ามขั้น ทำให้ต้วนชางมิอาจต้านทาน ถูกถล่มยับไปตลอดทาง
ร่างของต้วนชางสั่นสะท้าน ขณะที่กำลังจะตอบโต้ เตรียมเหวี่ยงหมัดเพื่อทุบทำลายพลังจิตของซูเฉิน ในสายตาก็พบว่าซูเฉินได้ชกหนึ่งหมัดมาทางเขาจากระยะไกลแล้ว
โดยมิทันคาดคิด ต้วนชางรู้สึกว่าจิตวิญญาณของตนเองคล้ายถูกสั่นคลอน เกิดอาการสับสนงุนงง จมลงสู่ภาพลวงตา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง แสงสีม่วงทอประกายใต้ฝ่าเท้าของซูเฉิน พริบตาเดียวหายวับไป เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาก็มาถึงด้านหน้าของต้วนชางแล้ว
ในทันทีทันใด ภูเขาขนาดเล็กที่ทอประกายแสงห้าสีถูกฟาดลงมาเหนือหัวเขา บังเกิดเสียงปงงงง ดังสนั่น ทั้งตนทั้งร่างของต้วนชางถูกทับจมหายไป
“ท่านเจ้าเมืองตายแล้ว?”
สัตว์ร้ายมิติที่มุงดูอยู่รอบๆตัวแข็งทื่อ บังเกิดความรู้สึกว่านี่ใช่กำลังฝันอยู่หรือไม่?
ต้วนชางคือ ระดับเทวะขั้น 6 อีกทั้งยังมีถึงสองอาชีพคือผู้วิวัฒนาการและปรมาจารย์พลังจิต ในความคิดของพวกมัน นี่คือตัวตนที่คงกระพันเสมอมา แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะถูกเผ่ามนุษย์ฆ่าตายเอาง่ายๆแบบนี้?
มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ!
มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง!
ไม่มีสัตว์ร้ายมิติตัวใดในที่นี้ยอมรับความจริง พวกมันขยี้ตา ทั้งหมดมองไปยังตำแหน่งเดิมของต้วนชาง
แต่ในเวลานั้นเอง ซูเฉินเก็บ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] กองเนื้อบดบนพื้นถูกเผยออกมา
พิจารณาจากเสื้อผ้าที่หลงเหลืออยู่ บ่งบอกได้ทันทีว่าเป็นของต้วนชาง
เห็นภาพนี้ ความรู้สึกหวาดกลัวอย่างลึกล้ำแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของสัตว์ร้ายมิติ
ณ ขณะนี้ พวกมันกระจ่างแจ้งแก่ใจแล้ว ว่าต้วนชางถูกฆ่าตายแล้วจริงๆ ทั้งยังถูกฆ่าตายในเวลาแค่ไม่กี่วินาที
และเมื่อต้วนชางจบชีวิต มนุษย์ตรงหน้าจะยังปล่อยพวกเขาไปอีกหรือ?
ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ เหล่าสัตว์ร้ายมิติกลุ่มหนึ่งเริ่มล่าถอยด้วยความหวาดกลัว
ซูเฉินหรี่ตาลงกวาดมองไปรอบๆ ก่อนเรียกหุ่นเชิดทองคำออกมา ถ่ายทอดคำสั่ง
“เหล่าตี๋! ฆ่าพวกมันให้หมด!”
หุ่นเชิดทองคำไม่พูดพล่ามทำเพลง พุ่งกระโจนเปิดการโจมตีอย่างดุเดือด
ซูเฉินก็ไม่เกียจคร้านอยู่เฉย เล็งเป้าหมายเป็นสัตว์ร้ายมิติ ระดับเทวะขั้น 5 ตรงเข้าสังหารมันอย่างง่ายดาย
ใช้เวลาไม่ถึงนาที สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะมากกว่าสิบตัวถูกสังหารลง ซูเฉินเก็บรวบรวมชิ้นส่วนอย่างมีความสุข จากนั้นนำ [รถศึกอัจฉริยะ] ออกมา พาฉีมู่เฟิงและอีกสองคนออกจากเมืองหยานเจิ้น
หลังจากนั้น ซูเฉินเริ่มจัดระเบียบชิ้นส่วน
[รถศึกอัจฉริยะ] ภายใต้การนำทางของฉีมู่เฟิง บินตรงไปยังนิกายซ่อนวิญญาณ
สามวันต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ก็มาถึงเกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง
เกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของนิกายซ่อนวิญญาณ ซูเฉินหรี่ตาและกวาดมองออกไป พึมพำว่า “ที่นิกายซ่อนวิญญาณไม่มีม่านพลังงานปกคลุมไว้งั้นหรอ?”
โดยปกติแล้ว เกาะที่มีคนอยู่อาศัย มักสร้างม่านป้องกันคลุมไว้ เพื่อขัดขวางการรุกรานจากภายนอก แต่เกาะที่นิกายซ่อนวิญญาณตั้งอยู่ กลับไม่พบร่องรอยของม่านพลังงานเลย
แบบนี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าพวกเขาไม่กลัว ... หรือใช่วางกับดักอะไรเอาไว้หรือไม่?