บทที่ 508 การเปลี่ยนทัศนคติ(ตอนฟรี)
บทที่ 508 การเปลี่ยนทัศนคติ
“ครองโลก?”
จี้เจิ้นกั๋วได้ยินคำพูดนี้ของจี้เฟิงก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยและกล่าวว่า “ฉันไม่รู้หรอกว่าหวางฉาวอยากจะครองโลกหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจได้ก็คือ ถ้าหวางฉาวต้องการจะทำลายโลกโดยการทำให้เศรษฐกิจล่มสลาย ก็อาจจะทำได้เพียงแค่พลิกฝ่ามือ!”
ดวงตาของจี้เฟิงกระตุกและถามด้วยความประหลาดใจว่า “แล้วพวกเขาต้องการอะไรกันแน่?!”
แต่พอถามจบจี้เฟิงก็อดยิ้มเขินๆออกมาไม่ได้ เพราะถ้าอารองรู้ว่าหวางฉาวกำลังทำอะไรอยู่ พวกเขาก็คงจะลงมือดำเนินการไปนานแล้ว จะมาอยู่เฉยๆแบบนี้ทำไม?
“ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าพวกนั้นต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่เท่าที่รู้มา เมื่อไม่นานมานี้ตระกูลเหอเตรียมจะเข้าไปทำธุรกิจเหมืองแร่ในแอฟริกา และดูเหมือนว่าจะเป็นการขัดแข้งขัดขาของหวางฉาว ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงว่าการลอบสังหารในวันนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!” จี้เจิ้นกั๋วพึมพำ “ส่วนตระกูลจี้ของเขาก็พลอยซวยตกเป็นแพะรับบาปไปด้วย”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ถ้าแค่นั้นตอนนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วสินะครับ!”
จี้เจิ้นกั๋วไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เขากล่าวอย่างจริงจังว่า “จะผ่อนคลายลงบ้างก็ไม่เป็นไรแต่ก็อย่าได้ประมาทไป เพราะยังไงการป้องกันก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ และแน่นอนว่าแม้หวางฉาวจะมีอำนาจมาก แต่ก็เป็นเพียงแค่องค์กรในความมืด พวกเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับประเทศใดประเทศหนึ่งแน่นอน ดังนั้นแค่ระมัดระวังตัวให้มากก็พอ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลจนมากเกินไป”
“ผมเข้าใจแล้ว!”
จี้เฟิงพยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาอดไม่ได้ที่จะถามอีกว่า “อารองครับ วันนี้ผมช่วยชีวิตเหอหงเหว่ยไว้ ถ้าอย่างนั้นมันจะไม่เท่ากับว่าผมได้ล่วงเกินพวกหวางฉาวโดยตรงหรอกเหรอครับ? แล้วถ้าแบบนั้นเขาจะสร้างปัญหาให้กับตระกูลจี้ของเราหรือเปล่า?”
“ฮ่าๆๆ~!”
จี้เจิ้นกั๋วอดหัวเราะไม่ได้ เขาไม่ได้ตอบคำถามของจี้เฟิง แต่กลับถามด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเฟิง ก่อนที่ฉันจะตอบคำถามนี้ ฉันอยากจะถามอะไรเธอหน่อย ถ้าสมมติว่าเธอรู้ถึงการมีอยู่ของหวางฉาวมาก่อน แล้ววันนี้เธอก็รู้ว่าคนที่จะมาลอบสังหารเหอหงเหว่ยเป็นคนที่หวางฉาวส่งมา เธอยังจะช่วยเหอหงเหว่ยอีกหรือเปล่า?”
“ช่วย!”
จี้เฟิงโพล่งออกไปโดยไม่คิดและพูดอย่างเด็ดขาดว่า “แม้ว่าการที่พวกเขาฆ่าเหอหงเหว่ย จะไม่ทำให้ตระกูลจี้และตระกูลเหอเกิดความขัดแย้งกัน แต่อย่างน้อยจะต้องมีปัญหาเกิดขึ้น และจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อตระกูลจี้ของเราอย่างแน่นอน! หรือแม้ว่าหวางฉาวจะแก้แค้น มันก็ถือว่าเป็นเรื่องในอนาคต แต่ที่สำคัญที่สุด เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาผม ผมไม่อาจนั่งดูเฉยๆได้!”
“ในเมื่อเข้าใจแบบนั้นแล้ว ทำไมเธอถึงยังถามอยู่อีกล่ะ?” จี้เจิ้นกั๋วถามยิ้มๆ
จี้เฟิงผงะและยิ้มอย่างเขินอาย “สิ่งที่อารองจะบอกก็คือ ผมกังวลมากเกินไปใช่มั้ยครับ”
ในความเป็นจริง จี้เฟิงก็กังวลมากเกินไปจริงๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับองค์กรลึกลับอย่างหวางฉาว และยังมีบุคคลลึกลับที่เรียกว่าหวางเย่อีก โดยเฉพาะวิธีการอันโหดเหี้ยมที่พวกเขาใช้ แล้วไหนจะสัตว์ประหลาดที่มีกระดูกสันหลังเป็นโลหะ ที่ทำให้จี้เฟิงตกใจจนหน้าเหวอไปเหมือนกัน
เมื่อก่อนจี้เฟิงอาศัยอยู่ในเขตเล็กๆ อย่างหมางซือ โลกด้านมืดที่เขาเจออย่างมากก็เป็นอันธพาลสองสามคน แม้แต่แก๊งก็ไม่มี มีหรือจะเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับองค์กรอะไรที่หลบซ่อนอยู่ในความมืด
พูดกันตามตรง ต้องขอบอกว่า ขอบเขตอันกว้างไกลของวิสัยทัศน์สามารถกำหนดความคิดของคนคนหนึ่งได้จริงๆ
และจี้เฟิงก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากวิสัยทัศน์ของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่ามีองค์กรลึกลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดที่แทรกซึมอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลกใบนี้ และยังสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของโลกได้ มันช่างน่าตกใจจริงๆ!
อย่างไรก็ตาม เมื่อจี้เฟิงนึกขึ้นได้ว่า ในโลกใบนี้ก็มีองค์กรหรือตระกูลที่คล้ายกับแบบนี้มาตั้งนานแล้วดังนั้นเขาจะไม่ตกใจอีกต่อไป และจิตใจของเขาก็สงบลงมาก
เหมือนกับที่อารองจี้เจิ้นกั๋วพูด ไม่ว่าองค์กรนี้จะมีพลังมากน้อยเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถต่อกรกับอำนาจของประเทศได้ แน่นอนว่าประเทศในที่นี้คือประเทศที่มั่นคง หากเป็นประเทศหรือรัฐเล็กๆที่มีความผันผวนรุนแรงอย่างในแอฟริกา บางทีแค่กลุ่มทหารรับจ้างก็อาจจะโค่นล้มรัฐบาลของเมืองเล็กๆในแอฟริกาได้แล้ว ประเทศแบบนั้นย่อมไม่สามารถต่อกรกับองค์กรที่มีพลังอำนาจมหาศาลได้!
แต่ประเทศจีนนั้นต่างออกไป มังกรยักษ์แห่งตะวันออกตัวนี้มีพลังที่หลายๆคนต้องให้ความยำเกรง เมื่อระเบิดออกมามันจะสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ไม่ว่าองค์กรใดๆ ก็ไม่สามารถเผชิญหน้าโดยตรงได้ ไม่เช่นนั้นองค์กรนั้นก็จะถูกทำลายเสียเอง!
ปกติแล้วบางครั้งจี้เฟิงมักจะอ่านข่าวคราวและสืบหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตอยู่บ้าง และมีครั้งหนึ่งเขาบังเอิญไปเห็นข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลหนึ่งในต่างประเทศ ตระกูลนี้มีชื่อว่าตระกูลรอธส์ไชลด์ อิทธิพลและพลังอำนาจของพวกเขานั้นมหาศาลมากจนทำให้ใครหลายๆคนนึกไม่ถึงกันเลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้น ตระกูลรอธส์ไชลด์ก็ทำได้เพียงหลอมรวมเข้ากับสังคมและกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ ไม่ได้อยู่เหนือโลกทั้งใบ!
องค์กรหวางฉาวก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าองค์กรนี้จะน่ากลัวมากแค่ไหนในโลกมืด หรือแม้จะสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับประเทศจีน ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าองค์กรนี้จะสามารถพังระบบเศรษฐกิจโลกได้จริงๆ พวกเขาก็ต้องคิดให้ดีว่า เมื่อเศรษฐกิจโลกล่มสลายแล้ว พวกเขาสามารถต้านทานการแก้แค้นจากคนทั้งโลกได้หรือไม่!
ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถพวกนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือทำมันอย่างง่ายดาย
ดังนั้นองค์กรนี้ที่ต้องการจัดการกับตระกูลเหอ จึงทำได้แต่ใช้วิธีลอบสังหารที่น่ารังเกียจแบบนี้ และเป็นการกระตุ้นการต่อสู้ระหว่างตระกูลเหอกับตระกูลจี้ แต่ถ้าหากถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวและมองเข้าไป นี่ก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าพวกเขาก็มีข้อบกพร่องไม่ได้ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์พร้อมไปเสียทุกอย่าง!
ในความเป็นจริง ตามการคาดเดาของจี้เฟิง เหตุผลที่องค์กรที่ถูกเรียกว่าหวางฉาวนั้นน่ากลัวมากก็เป็นเพราะว่าเขาซ่อนตัวได้ดีมากในความมืด มันทำให้ผู้คนไม่สามารถสืบหาตัวหรือร่องรอยของพวกเขาได้!
แต่ถ้าพวกเขากล้าโผล่หัวออกมา ก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก เพราะแค่การโจมตีจากตระกูลเหอเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาต้องรู้สึกเสียใจ!
เมื่อคิดได้แบบนี้ จี้เฟิงก็ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย อีกฝ่ายก็แค่ตัวตลกที่กระโดดอยู่ในความมืด บางทีตัวตลกคนนี้อาจจะมีพลังที่น่าตกใจอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าเวลาไหน ตัวตลกก็ยังคงเป็นตัวตลกอยู่เสมอ ความจริงนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อเห็นสีหน้าของจี้เฟิงเปลี่ยนไป จี้เจิ้นกั๋วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ การที่เขาให้จี้เฟิงมาที่นี่ในเวลานี้ แต่จริงแล้วเขามีจุดประสงค์หลักอยู่ นั่นก็คือเขาอยากทำให้จี้เฟิงได้รู้ว่า ไม่ว่าพลังในความมืดจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน ตราบใดที่เขาไม่ประมาทและทำสิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!
“อารองครับ ผมเข้าใจความหมายของอารองแล้ว!” จี้เฟิงเงยหน้าขึ้นและยิ้ม “แม้พวกองค์กรหวางฉาวจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขา ทุกปัญหาย่อมมีทางออกอยู่เสมอ บนแผ่นดินจีน พวกเขาไม่สามารถใช้อิทธิพลในความมืดของพวกเขาได้มากนัก!”
จี้เจิ้นกั๋วพยักหน้าด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ “ไม่เลว ขอแค่เจ้าเข้าใจจุดนี้ ทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า แต่ภายในใจของเขายังคงกังวลอยู่เล็กน้อย แต่ความกังวลนี้ไม่ได้เป็นเพราะพลังอันยิ่งใหญ่ขององค์กรหวางฉาวที่ลึกลับนั่น แต่สิ่งที่เขากังวลคือวูล์ฟเวอรีนที่เขาพบในวันนี้!
การที่เขาเปลี่ยนกระดูกมนุษย์ให้เป็นโลหะทั้งหมดนี่มัน....
ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขามีวิธีการอย่างไร เพียงแค่เทคโนโลยีอย่างเดียวก็เพียงพอจะทำให้ผู้คนตกใจมากแล้ว รู้หรือไม่ว่าเทคโนโลยีการเปลี่ยนกระดูกสันหลังนั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกก็ยังแก้ไม่ตก คิดไม่ถึงว่าองค์กรหวางฉาวจะประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้!
จี้เฟิงนึกถึงสิ่งที่อารองพูด องค์กรหวางฉาวมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก... องค์กรหวางฉาวนี้คงไม่ใช่สถาบันวิจัยที่เต็มไปด้วยนักวิทยาศาสตร์บ้าๆคอยทดลองและสร้างสัตว์ประหลาดเหมือนอย่างในภาพยนตร์ใช่มั้ย?”
หลังจากคลายความสงสัยบางอย่างในใจได้แล้ว จี้เฟิงก็ปฏิเสธการรั้งของอาสะใภ้รองอย่างอ้อมค้อม และขอตัวเพื่อจากไป
แต่ก่อนที่จี้เฟิงจะจากไป จี้เจิ้นกั๋วได้โทรหาเซียวซูเหม่ยแม่ของเขาเพื่อบอกกับเธอว่ารถของจี้เฟิงมีปัญหา แต่จี้เฟิงนั้นปลอดภัยดี
แม้ว่าเซียวซูเหม่ยจะกังวลมาก แต่พอจี้เจิ้นกั๋วแก้ตัวให้ เธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มาก และได้แต่พูดอย่างสุภาพไม่กี่คำก่อนจะวางสายไป
จี้เฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจที่จะกลับเอง ไม่ต้องให้คนของอารองไปส่งอย่างที่เขาคิดไว้ในตอนแรก เพราะยังไงเขาก็ต้องเอารถวอลโว่ไปซ่อมอยู่ดี ไม่ควรทิ้งไว้ที่นี่นานๆ นอกจากนี้เครื่องยนต์ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ยังคงขับได้เป็นปกติ ยังไงก็ถึงบ้านได้โดยไม่มีปัญหาและไม่ต้องรบกวนคนขับรถของอารองด้วย
ดังนั้นจี้เฟิงจึงขับรถวอลโว่ที่มีด้านหน้ายุบบู้บี้กลับบ้านอย่างสบายๆ
เมื่อมองเห็นวิลล่าอยู่ไกลๆ จี้เฟิงก็อดตกใจไม่ได้ เขาพบว่าบนระเบียงชั้นสองมีเงาๆหนึ่งยืนอยู่ภายใต้แสงไฟราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่
นั่นคือถงเล่ย!
แม้ว่าเขาจะไม่ได้กระตุ้นกระแสไฟฟ้าชีวภาพ แต่จี้เฟิงก็จำได้ว่าเงาที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเงาของใคร เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ทิศทางที่ถงเล่ยมองอยู่คือเส้นทางจากด้านนอกไปยังวิลล่า เธอกำลังรอคอยเขากลับบ้าน!
หญิงสาวที่งดงามคนนี้... ตอนนี้เธอไม่ต่างจากภรรยาที่รอคอยการกลับมาบ้านของสามีอย่างใจจดใจจ่อ
“เด็กโง่!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว มุมปากของเขากลับมีรอยยิ้มที่ไม่อาจปกปิดได้ การกระทำของถงเล่ยทำให้เขารู้สึกตื้นตันใจมาก
จี้เฟิงเร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่เขามาถึงหน้าวิลล่า ประตูหน้าก็ถูกเปิดออก หลังจากที่จี้เฟิงจอดรถเสร็จและเพิ่งจะก้าวลงจากรถ ร่างบอบบางร่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และร่างนั้นก็โผเข้ากอดเขาทันที
“จิ๊กโก๋น้อย ในที่สุดนายก็กลับมา พวกเราเป็นห่วงนายมากเลยนะรู้มั้ย!” เสียงอันอ่อนโยนของเซียวหยูซวนดังขึ้นข้างๆหูของจี้เฟิงอย่างแผ่วเบา มันทั้งนุ่มนวลและหวาน ในขณะเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยความห่วงใย นี่ทำให้จี้เฟิงกอดเธอเอาไว้แน่น
“ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล!” จี้เฟิงกอดเซียวหยูซวนเอาไว้ในอ้อมแขนและลูบผมยาวสลวยของเธอและหัวเราะเบาๆ “วันนี้ฉันพยายามจะช่วยชีวิตคน แต่กลับทำให้รถของเธอมีสภาพที่น่าสังเวชมาก กระจังหน้ารถของเธอพังยับเกือบทั้งแถบเลย ฮ่าๆ...”
“นายต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ฉัน!” เซียวหยูซวนพูดเสียงหวาน เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงไม่เป็นอะไรจริงๆ อารมณ์ของเธอก็ร่าเริงขึ้นอีกครั้ง
“หึหึ...” จี้เฟิงกำลังจะพูด แต่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น พวกเขาสองคนผละออกจากกันทันทีด้วยความเขินอาย เป็นถงเล่ยและเซียวซูเหม่ยที่เดินออกมาพร้อมกัน
“จี้เฟิง นายไม่เป็นอะไรนะ?” ถงเล่ยถามด้วยความเป็นห่วง
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “แน่นอน ฉันไม่เป็นไร ก็อย่างที่อารองโทรมาอธิบายแล้วนั่นแหละ ข้างนอกอากาศหนาวขนาดนี้ รีบเข้าไปข้างในแล้วค่อยว่ากัน!”
เซียวซูเหม่ยอดถามไม่ได้ “เสี่ยวเฟิง วันนี้ลูกไปทำอะไรมากันแน่? รู้หรือเปล่าว่าตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากอารองของลูก หยูซวนกับเล่ยเล่ยก็เป็นกังวลมาก จนตอนนี้พวกเธอก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย พวกเธอยืนยันว่าจะรอลูกกลับมาก่อน!”
เด็กโง่สองคนนี้...
จี้เฟิงรู้สึกตื้นตันใจมาก แต่ใบหน้าของเขากลับแสดงเพียงแค่รอยยิ้มจางๆ “ไม่มีอะไรหรอกครับแม่ แค่ไปนัดคุยธุระกับคนๆหนึ่ง แล้วระหว่างทางดันเจอปัญหานิดหน่อย แต่ตอนนี้เคลียร์เรียบร้อยแล้ว!”
“ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว! ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!” เซียวซูเหม่ยกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซียวหยูซวนและถงเล่ยที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอีกครั้ง จี้เฟิงรู้สึกผิดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ในอนาคตเขาก็คงทำให้พวกเธอต้องเป็นกังวลอีก!
...จบบทที่ 509~❤️
----------------------------------
คุยกันท้ายบท
หนึ่งปีช่างผ่านไปไวจริงๆเลย ขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ และเนื่องในวารดิถีขึ้นปีใหม่ ผู้แปลในนามปากกาเนตรนารีสีชมพู ขออวยพรให้ผู้อ่านทุกๆท่านจงพบแต่ความสุขกายสบายใจ ร่ำรวยเงินทอง โชคดีตลอดปีและรอดพ้นโควิดทุกสายพันธุ์นะคะ
ปล.แมสผ้ากันโควิดโอมิครอนไม่ได้น๊า~
ด้วยรักและห่วงใย
เนตรนารีสีชมพู