บทที่ 40 ความคิดเห็นที่แตกต่าง
บทที่ 40 ความคิดเห็นที่แตกต่าง
ภายในห้องมีกล่องใบใหญ่วางอยู่ หลินชิวผูมองเห็นอย่างรวดเร็วและรีบเข้าไปตรวจสอบทันที ขณะสวมถุงมือก็สังเกตบริเวณมุมทั้งสี่ของกล่องไปด้วยพลางพึมพำ “ทำไมกล่องนี้ถึงได้ดูคุ้นตานักนะ”
“คุณคิดว่าลักษณะของมันคล้ายกับร่องรอยกดทับที่เจอในที่เกิดเหตุตะกี้งั้นเหรอ?” เฉินฉีถาม
หลินชิวผูเปิดออกดู ข้างในกล่องเป็นเสื้อผ้าและขวดยาเม็ดที่ไม่สามารถระบุประเภทแน่ชัดได้ ประแจ เชือกหนึ่งมัด ถุงมือกรรมกรหนึ่งคู่ และเงินสดประมาณหนึ่งพันหยวน นอกจากนี้ยังมีสิ่งพิมพ์ลามกอนาจารหลายฉบับ
ในขณะที่เขาตรวจสอบสิ่งของภายในกล่อง เฉินฉีเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงและสอดส่ายสายตามองหาอะไรบางอย่าง พบว่ามีถุงยางอนามัยและแผ่นภาพการ์ดวาบหวิวซึ่งเป็นสิ่งที่พบเจอได้ในโรงแรมม่านรูดทั่วไป
เฉินฉีรีบยืนยันความคิดของตัวเองทันที “ผมบอกคุณแล้วว่าที่นี่มีการค้าประเวณีผิดกฎหมาย!”
หลินชิวผูเพิกเฉยต่อคำพูดของเขาเสีย เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่างและทอดสายตามองออกไปด้านนอก “มานี่หน่อยสิ”
“มีอะไรเหรอ?”
“ศพหญิงไร้หัวถูกพบห่างจากที่นี่เพียงสองกิโลเมตร ผนวกกับหลักฐานทางกายภาพที่เราพบจึงสามารถสรุปได้คร่าว ๆ ว่าศพผู้หญิงคนนั้นถูกฆ่าโดยอาชญากรมีหมายจับคนนี้ไม่ผิดแน่”
เฉินฉีโคลงศีรษะ “นั่นเป็นแค่ข้อสันนิษฐานหนึ่งที่อาจเป็นไปได้”
“เมื่อกี้นี้คุณเพิ่งคาดการณ์เวลาเสียชีวิตว่ามากกว่าสี่สิบแปดชั่วโมง และอาชญากรที่เราเพิ่งจับตัวได้ก็เพิ่งก่อคดีร้ายแรงในเมืองหลงอันเมื่อประมาณสามถึงสี่วันที่ผ่านมา คุณกล้ารับประกันเหรอว่าเขาไม่มีความเชื่อมโยงใด ๆ ทั้งนั้นระหว่างสองคดีที่เกิดขึ้น?”
“พ่อหนุ่ม รู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าคำพูดพวกนั้นเป็นอะไรที่หลอกตัวเองให้เอื้อตามสิ่งที่คิดขนาดไหน? ใช่ ผมยอมรับว่าทุกอย่างสามารถเชื่อมโยงกันได้ แต่การเชื่อมโยงที่ว่าไม่จำเป็นต้องตรงตามข้อสันนิษฐานของคุณเสมอไปซะหน่อย สำหรับผมแล้ว ผมไม่คิดว่าคนแซ่เจี่ยเป็นคนทำ”
“เหตุผลล่ะ?!”
เฉินฉีชูการ์ดวาบหวิวในมือให้หลินชิวผูดูพร้อมอธิบาย “ที่นี่มีโสเภณีคอยให้บริการลูกค้า ถ้าคนแซ่เจี่ยกระสันอยากปลดเปลื้องความต้องการของตัวเองขนาดนั้น แค่ยอมควักเงินจ่ายก็ได้แล้ว ทำไมเขาต้องลงทุนฆ่าข่มขืนเหยื่อแล้วทิ้งศพไว้ใกล้กับโรงแรมที่ตัวเองเข้าพักด้วยล่ะ? ทำแบบนี้ไม่เท่ากับเป็นการจุดไฟเผาตัวเองหรอกหรือ? ที่สำคัญ ถ้าเขาเลือกลงมือฆ่าแล้วจะทิ้งศพไปง่าย ๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องตัดหัวผู้ตายออกเพื่อทำลายหลักฐานและวางแผนรอบคอบขนาดนั้น? พฤติกรรมการตัดศีรษะบ่งบอกได้ว่าตัวตนของผู้ตายจะเป็นภัยที่ย้อนกลับมาหาฆาตกรในสักวัน แต่คนแซ่เจี่ยมาจากต่างถิ่น ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางเป็นคนคนเดียวกันแน่”
“แล้วคุณจะอธิบายเรื่องกล่องนี่ยังไง?”
“กล่องเหรอ?” เฉินฉียิ้ม “กล่องขนาดใหญ่แบบนี้ ถ้ายัดศพเข้าไปข้างในจริงคุณรู้รึเปล่าว่ามันหนักขนาดไหน? ถึงสองกิโลเมตรจะไม่ไกลจากที่นี่ แต่ถ้าต้องแบกไปตลอดทางมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ไม่งั้นฆาตกรก็ต้องมีรถไว้ขนย้าย ซึ่งถ้าเขามีรถส่วนตัวจริงควรเลือกนำศพไปทิ้งในที่ที่ห่างไกลว่านี้”
“คุณโน้มน้าวใจผมด้วยเหตุผลพวกนี้ไม่สำเร็จหรอก”
“ที่โน้มน้าวไม่สำเร็จเพราะคุณไม่เต็มใจยอมรับฟังมันมากกว่า โอ้ ใช่! รีบติดต่อสถานีตำรวจในเขตนี้ให้เข้ามาตรวจสอบเงื่อนงำดำมืดของสถานที่แห่งนี้เร็วเถอะ ผมแน่ใจว่าคนของโรงแรมม่านรูดนี้ต้องเป็นเส้นสายคอยคุมกิจการค้าประเวณีแน่ เมื่อกี้นี้เราเพิ่งเปิดเผยตัวตนไปขนาดนั้น ป่านนี้เจ้าของร้านคงโทรแจ้งให้ผู้หญิงพวกนั้นรีบหนีไปซ่อนตัวแล้ว เราต้องรีบหน่อย”
ในฐานะตำรวจ หลินชิวผูไม่มีเหตุผลที่จะเพิกเฉยต่อการกระทำผิดกฎหมายศีลธรรมอันดี เขาโทรไปที่สถานีตำรวจในเขตพื้นที่ทันที และไม่ลืมที่จะกำชับอีกฝ่ายอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาไม่ควรขับรถตำรวจมาที่นี่อย่างโจ่งแจ้ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว
เฉินฉียังพูดต่อไป “อาชญากรแซ่เจี่ยเก็บการ์ดพวกนี้ลงในลิ้นชัก ซึ่งบ่งชี้ว่าเขาน่าจะเคยทำการซื้อประเวณีแล้วเช่นกัน ตราบใดที่มนุษย์กำลังมัวเมาอยู่กับกามตัณหา เขาไม่มีทางก่ออาชญากรรมใด ๆ ในช่วงเวลาที่กำลังระเริงอยู่กับความปรารถนาดังกล่าว ผมแน่ใจว่าในบรรดาโสเภณีที่เราจับกุมได้ต้องมีสักคนที่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคนแซ่เจี่ย”
หลินชิวผูส่ายหน้า “นี่ก็แค่การคาดเดาส่วนตัวของคุณ อย่าเอาประสบการณ์อันน้อยนิดของตัวเองมาหว่านล้อมให้ผมเชื่อตามที่คุณคิดไปเลยน่า”
“ประสบการณ์อันน้อยนิด?! คุณไม่มีสิทธิ์มาแดกดันผมด้วยคำดูถูกแบบนี้ด้วยซ้ำ!”
“โอ้ ผมไขคดีสำเร็จมาแล้วนักต่อนัก มากกว่าคดีที่คุณเอาตัวเองเข้ามามีเอี่ยวซะอีก! อย่าทำตัวอวดดีต่อหน้าผมไปหน่อยเลย!”
“เราไม่เสียเวลามานั่งเถียงกันหรอกนะว่าระหว่างผมกับคุณชั่วโมงบินของใครเยอะกว่ากัน? มาพูดถึงคดีที่ยังคาอยู่ในมือตอนนี้ดีกว่า ผู้กองหลิน คุณจะสืบสวนคดีในขณะที่คนแซ่เจี่ยยังนอนไม่ได้สติอยู่แบบนี้น่ะเหรอ?”
หลินชิวผูไม่ต้องการเปิดเผยแผนการของตัวเองให้อีกฝ่ายรับรู้ แต่เนื่องจากเขาทั้งคู่จับพลัดจับผลูร่วมงานกันมาถึงขั้นนี้แล้วเขาจึงตอบไปอย่างเสียไม่ได้ว่า “ใช่!”
“งั้นคุณก็พิสูจน์หลักฐานจากข้อสันนิษฐานที่คุณเชื่อมั่นนักหนาไป ส่วนผมก็จะตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสิ่งที่ผมสันนิษฐาน”
หลินชิวผูหันขวับมองเฉินฉีทันที “คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ผมยังไม่ทันอนุญาตให้คุณเข้าร่วมการสืบสวนด้วยซ้ำ!”
เฉินฉีเหยียดยิ้มและส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “ผมแค่รู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังจะนำพาทีมสืบสวนอันทรงเกียรติของคุณดำดิ่งตกลงไปในคูน้ำอีกครั้ง ผมก็เลยมีน้ำใจอยากช่วยเหลือ”
“ผมเนี่ยนะจะนำพาพวกเขาดิ่งจมคูน้ำ?!” หลินชิวผูแค่นเสียงหัวเราะ “คุณแค่โชคเข้าข้างไขคดีสำเร็จไปแค่สองคดีเอง อย่าสถาปนาตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรขนาดนั้น!”
“หยุดพูดจาเหยียดความสามารถของคนอื่นซะทีเถอะ!” เฉินฉีเตือน
หลินชิวผูคิดในใจว่าผู้ชายคนนี้ติดนิสัยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านน่าดู ทั้งยังพยายามหาเหตุผลเพื่อที่จะได้เข้ามาแทรกแซงการทำงานของเขาแทบทุกครั้ง และเขาไม่สามารถห้ามปรามใด ๆ ได้เลย ต้องปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมตามระเบียบ แต่คราวนี้หลินชิวผูมั่นใจเหลือเกินว่าสมมติฐานของเฉินฉีจะต้องผิดพลาด
เขาตัดสินใจทันที “โอเค ผมอนุญาตให้คุณเข้ามาช่วยสืบสวนคดีของเราอีกครั้ง”
“ไม่สิ ถึงผมต้องสืบสวนคดีนี้ด้วยตัวคนเดียว แต่ผมต้องการผู้ช่วยสักสองคน...”
“ยกเว้นน้องสาวของผม”
“หลินถงซูกับสวีเสี่ยวตง ผมสนิทสนมคุ้นเคยกันดีกับพวกเขาทั้งคู่ ถ้าคราวนี้ผมทำสำเร็จ แน่นอนพวกเขาจะได้รับเครดิตไปเต็ม ๆ ส่วนคุณเองก็จะได้รับเครดิตในฐานะหัวหน้าทีมด้วย”
“ผมบอกแล้วไงว่าคุณเลือกน้องสาวของผมไม่ได้”
“งั้นคุณก็ลองไปถามน้องสาวตัวเองดู ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอเต็มใจจะทำงานร่วมกันกับใคร ระหว่างทีมแยกของผม กับทีมสืบสวนภายใต้การควบคุมของคุณ”
หลินชิวผูโกรธมากจนเผลอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเสียงดัง ส่วนเฉินฉีพูดจบแล้วได้แต่ฉีกยิ้มให้ด้วยท่าทางยียวนป่วนประสาท หลังจากเงียบกันไปสักพักเพื่อครุ่นคิด หลินชิวผูจึงพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเรามาตั้งกฎการประนีประนอมบางอย่าง อย่างแรก คุณสามคนต้องร่วมมือกัน อย่างที่สอง พวกเราจะต้องแบ่งปันข่าวกรองซึ่งกันและกัน ไม่มีฝ่ายไหนได้รับอนุญาตให้ปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลที่ได้รับมา อย่างที่สาม ระหว่างการสืบคดีถ้ามีเหตุฉุกเฉินต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ ลำดับความสำคัญทั้งหมดจะถูกมอบให้กับทีมสอบสวนหลักก่อนเป็นลำดับแรก”
“ตกลง!” เฉินฉียื่นมือออกไป
“ใครอยากจับมือกับคุณ!”
“ธรรมเนียมแสดงการให้ความร่วมมือยังไงล่ะ” เฉินฉียิ้ม
หลินชิวผูเอื้อมมือออกไปและจับมือกับเขาอย่างไม่เต็มใจ
ทันใดนั้นเสียงถีบพังประตูดังขึ้นจากห้องชั้นบน ตามด้วยเสียงแข็งกร้าวของผู้ชายทที่ตะคอกดังลั่น “ใส่เสื้อผ้าซะ!”
ชายสองคนเดินลงมาตามทางเดิน สหายตำรวจในชุดนอกเครื่องแบบมาถึงที่นี่ทันเวลาเพื่อจับกุมการค้าประเวณี ชายหญิงคู่หนึ่งถูกฉุดดึงออกมาจากห้องและบังคับให้นั่งยอง ๆ ตรงมุมตึก ตำรวจคนหนึ่งจำหลินชิวผูได้จึงหันไปพูดกับเขาว่า “ผู้กองหลิน ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่คุณแจ้งเข้ามาให้ทางเรารับทราบครับ”
“ด้วยความยินดีครับ อ่า... ใช่ เรากำลังสืบสวนคดีอาชญากรรม รบกวนพวกคุณช่วยจับโสเภณีพวกนี้ฝากขังไว้ก่อน ทีมสืบสวนของผมจะกลับมาสอบปากคำพวกเธอในภายหลัง”
“ผู้กองไม่ต้องกังวลเลย เราตามจับพวกเธอไว้แน่”
“อย่าปล่อยให้เธอหนีหลุดรอดไปได้แม้แต่คนเดียวเชียวนะครับ” เฉินฉีเสริม
“คุณคือ...” ตำรวจคนนั้นไม่เคยเห็นหน้าเฉินฉีมาก่อน
“ผมเป็นเพื่อนของผู้กองเขาน่ะ” เฉินฉีรีบออกตัว
หลินชิวผูเหล่ตามองเฉินฉีแวบหนึ่ง ตัวตนภายนอกของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องที่เขาสามารถอธิบายที่มาที่ไปให้คนนอกเข้าใจโดยง่าย เขาจึงตอบกลับเพียงว่า “เขาเป็นเพื่อนของผมที่ถูกตามให้มาช่วยไขคดี เรียกเขาว่าคุณเฉินก็ได้”
หลังนายตำรวจทั้งสองคลายความข้องใจแล้วจึงกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ หลินชิวผูหันไปหาเฉินฉี “ช่วยผมย้ายสิ่งของพวกนี้ลงไปที่รถที”
ทั้งสองตรวจสอบรายละเอียดรอบห้องอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เบาะแสใด ๆ หลุดรอดสายตา แม้แต่ถุงขยะก็ถูกขนออกไปเช่นกัน ให้ความรู้สึกเหมือนช่วยทำความสะอาดห้องอย่างไรอย่างนั้น
สิ่งของเบ็ดเตล็ดทั้งหมดถูกยกขึ้นใส่ท้ายรถของเฉินฉี หลังจากรถแล่นกลับเข้าถนนสายหลักได้ไม่นาน สวีเสี่ยวตงก็โทรหาหลินชิวผูอีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนเป็นอย่างมาก “ผู้กองหลินครับ อาชญากรมีหมายจับ เขา... เขา...”
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“ค่าผ่าตัดและค่ารักษาพยาบาลของเขาเป็นเงินรวมกันตั้งสี่หมื่นหยวน! ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้นสำรองจ่ายให้เขา ตอนนี้ผมเลยถูกกันตัวไว้ ออกจากโรงพยาบาลไม่ได้สักที!”
หลินชิวผูถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เรื่องแค่นี้ก็ทำตื่นตูมไปได้! อาการคนแซ่เจี่ยตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“ยังนอนเป็นผักอยู่ในห้องไอซียูครับ ไม่ได้สติเหมือนเดิมเปี๊ยบ”
“ผมกำลังจะกลับไปที่สถานีแล้ว เดี๋ยวผมโอนเงินให้คุณเพิ่มสักหน่อยก็แล้วกัน มีตำรวจเฝ้าอยู่ที่นั่นกี่คน?”
“มีเสี่ยวลี่ สหายตำรวจอีกคน แล้วก็ตัวผมเอง”
“คืนนี้ไม่ต้องรีบกลับบ้านนะ อยู่เฝ้าระวังที่นั่นไปก่อน...”
เฉินฉีรีบชี้เข้าหาตัวเองเป็นเชิงให้อีกฝ่ายทำตามสัญญาเพราะตอนนี้สวีเสี่ยวตงถือเป็นคนของเขาแล้ว หลินชิวผูเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อจึงเปลี่ยนคำสั่งเสียใหม่ “กลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้ ค่อยมาพบกันวันพรุ่งนี้ ผมมีงานอื่นจะมอบหมายให้คุณทำ ส่วนงานเฝ้าระวังที่โรงพยาบาล ผมจะมอบหมายให้คนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของคุณแทน”