ตอนที่ 81+82 การแก้แค้น
จ้าวจวนซ่งจ้องเขม็งไปที่เจียงเหยา
“เพราะแก ฉันถึงต้องสูญเสียทุกอย่างไป! ได้ ในเมื่อแกมันโหดร้ายถึงเพียงนี้ ก็รับกรรมคืนสนองไปก็แล้วกัน ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าหลังจากถูกข่มขืน ลู่ชิงสีจะยังอยากได้เธออยู่ไหม มาดูกันว่าลู่อี้ชิงจะยังอยากได้แกเป็นน้องสะใภ้อยู่ไหม! มาดูกันว่าพ่อแม่สามียังจะรับแกเป็นลูกสะใภ้อยู่ไหม! พนันกันได้เลยว่าจะยังชอบแกเหมือนตอนแรกอยู่ไหม เจียงเหยา มาสิ ฉันรอแกอยู่ที่นรกนี่ไงล่ะ!”
“จ้าวจวนซ่ง บ้าไปแล้วหรือยังไง!” เจียงเหยาโกรธจนตัวสั่น
“การหย่าของแกเกี่ยวอะไรกับฉัน แกคิดว่าฉันเป็นคนหนุนหลังให้พี่อี้ชิงหย่ากับแกงั้นเหรอ?”
“ต้องเป็นแกนั่นแหละ ก็แกเจอฉันที่ร้านอาหารนั่น ลู่เสี่ยวเซียวโง่ขนาดนั่นจะไปรู้เรื่องอะไร ต้องเป็นแกที่ไปบอกลู่อี้ชิงเรื่องของฉัน ทำให้เธอจ้างนักสืบมาติดตามฉัน! เจียงเหยาทั้งหมดเป็นความผิดของแก ที่ทำให้ฉันต้องลำบากอยู่ในตอนนี้ ฉันดักรอแกมาหลายวันแล้ว ในที่สุดก็เจอแกสักที! เจียงเหยา ฉันจะทำให้แกต้องชดใช้เป็นสองเท่ากับสิ่งที่แกทำกับฉัน!” จ้างจวนซ่งคำราม เขาโบกมือให้คนกลุ่มนั้น รีบลงมือ
เจียงเหยากัดฟันของเธออย่างกังวล เธอโยนหนังสือของเธอออกไป พยายามให้มันโดนใบหน้าของผู้ชายสองคนนั้น ขณะที่พวกเขาร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด เจียงเหยาจึงรีบผลักพวกเขาออกไปและวิ่งลงไปตามทางลาด พร้อมกับตะโกนเสียงดัง “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! โจรปล้น!”
แน่นอนว่าเจียงเหยาไม่ตะโกนออกไปว่ามีคนกำลังพยายามจะข่มขื่นเธอ เธอเป็นคนฉลาด เพื่อป้องกันไม่ใช่ชื่อเสียงของเธอเสื่อมเสียและดึงดูดความสนใจของคนอื่น การขอความช่วยเหลือเพราะโจรปล้นเป็นอะไรที่สะดวกที่สุด และยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ใช่ใครมานินทาภายหลังได้
แต่ไม่ว่าจะวิ่งเร็วสักแค่ไหน เธอก็คงหนีไม่พ้นพวกที่ไล่ล่าตามมาข้างหลัง ไหล่ของเธอถูกตรึงไว้และทำให้การเคลื่อนไหวของเธอหยุดชะงัก นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงเหยารู้สึกเสียใจกับการมุ่งเรียนด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว จนละเลยการออกกำลังกาย หากเธอวิ่งเพิ่งได้อีกสัก 100 เมตร หรือวิ่งได้เร็วขึ้นอีกสักหน่อยก็ยังพอจะมีโอกาสให้เธอหนีได้มากยิ่งขึ้น
“เร็วเข้า ปิดปากมันไว้ แล้วจับมันเข้าไปในป่า เร็วเข้า ก่อนที่จะมีใครมาเห็น หลังจากนั้นพวกแกจะทำอะไรกับมันก็ตามใจเลย แต่อย่าฆ่าล่ะ!” จ้าวจวนซ่งหอบในขณะที่วิ่งไล่ตามเธอและพูดกระตุ้นกลุ่มคนที่เขาพามาด้วย
เจียงเยาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เธอตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดัง ขณะที่ถูกผู้ชายคนหนึ่งลากเธอไป เธอกัดมือที่ปิดปากของเธออย่างแรงจนเลือดอีกฝ่ายไหล
“เหี้ย! บ้าเอ้ย!” ชายผู้ถูกกัดมือร้องด้วยความเจ็บปวดและดึงมือกลับจากนั้นก็ยกมืออีกข้าง ตบหน้าเจียงเหยา
โดยไม่สนใจความเจ็บปวดบนแก้ม เจียงเหยาพยายามดิ้นรนด้วยกำลังทั้งหมดที่เธอมี ตะโกนขอความช่วยเหลือ
เมื่อเธอถูกลากไปยังข้างถนน เธอกอดต้นแปะก๊วยแน่น แม้จะถูกกลุ่มชายเหล่านั้นต่อยและเตะอย่างไร เธอก็ไม่ยอมปล่อยมือจากต้นไม้
เธอทนต่อความเจ็บปวดเช่นนี้ เธอยอมถูกตีจนตาย ดีกว่าถูกข่มขื่น
หากเธอถูกลิขิตให้ต้องตายที่นี่ในวันนี้และกลายเป็นผี เธอจะลากจ้าวจวนซ่งไปลงนรกพร้อมกับเธอด้วย!
เจียงเหยามีชีวิตอยู่มาสองชาติ ครั้งแรกที่เธอรู้สึกสิ้นหวัง คือการกอดศพของลู่อี้ชิง และนี่คือครั้งที่สองที่เธอรู้สึกสิ้นหวังเช่นนั้น
ครั้งแรกนั้น เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่หัวใจและจิตวิญญาณ คราวนี้เป็นความเจ็บปวดทางร่างกาย
ตรงมุมนั้น เธอเห็นเข้ากับสัตว์ตัวเล็ก ๆ ตัวขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือกำลังพุ่งตรงมาที่เธอ ในเวลานี้เธอหมดแรงจนแทบจะยึดกับต้นไม้ไม่ได้แล้ว เธอแสยะยิ้มอย่างเจ็บปวดขณะที่เธอจ้องมองแสงสีขาวที่สาดเข้ากระทบตา เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นของเล็ก ๆ ที่น่ารักเช่นนี้ ก่อนที่จะตาย
__
ขณะที่เจียงเหยากำลังจะหมดสติเพราะความเจ็บปวด เธอตกใจที่ได้เห็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ กระโดดมาเกาะที่หน้าของจ้าวจวนซ่ง ด้วยกรงเล็บที่คมกริบของมันทำให้ใบหน้าของจ้าวจวนซ่งเจ็บแสบจนร้องเสียงดังออกมา
“เร็วเข้า ช่วยดึงไอ้ตัวบ้านี่ออกจากหน้าฉันที! เชี่ยเอ้ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย” กลุ่มผู้ชายรีบวิ่งเข้ามาดึงสัตว์สีขาวออกจากใบหน้าของจ้าวจวนซ่ง
เจียงเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะกระทั่งไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ตรงหน้าเธอได้ในทันที เธอเห็นร่างสีขาวหันหน้ามาทางเธอและพูดด้วยความรังเกียจ “ยัยโง่ ยื่นบื้ออะไรอยู่ตรงนั้น วิ่งหนีไปสิ! จะให้ฉันเหนื่อยจนตายหรือไง!”
หลังจากได้สติคืนกลับมาแล้ว เจียงเหยารีบวิ่งไปอย่างเร็ว เร็วเท่าที่ขาของเธอจะวิ่งได้ ปากก็พลางร้องลั่นของความช่วยเหลือ
โชคดีที่มีครอบครัวหนึ่งพาเด็กออกมาเดินไปบนเนินเขา และกำลังจะรับประทานอาหารเย็นที่บ้านญาติ พวกเขาตกใจเมื่อเห็นเจียงเหยา และพากันวิ่งเข้ามาหาเธอทันที
เจียงเหยาเห็นว่าพวกเขาดูใจดี เธอพูดอย่างกังวลว่า “มีโจรสี่คนคะ พวกเขาจะตีฉันให้ตาย ช่วยฉันด้วยคะ ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลลู่ ช่วยไปบอกพวกเขาให้ฉันที”
หลังจากเธอพูดจบ เจียงเหยารู้สึกอ่อนแรง เธอทรุดลงกับพื้นด้วยความอ่อนเพลีย เธอรั้งตัวเองไว้และสูดลมหายใจเข้าลึก ด้านหน้าและศีรษะของเธอเป็นที่ ที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด หลังจากที่เธอขอความช่วยเหลือ เธอไม่มีแรงแม้แต่จะพูดอีกแล้ว มันเจ็บปวดยิ่งกว่าการหายใจเสียอีก
“ฉันจะลงเขาไปขอความช่วยเหลือ พวกคุณอยู่ที่นี่ดูแลผู้หญิงคนนี้” พี่สาวคนโตพูดขณะวิ่ง เสียงร้องขอความช่วยเหลือของเธอดังก้อง และได้รับความสนใจจากกลุ่มคนมากกว่าสิบคนในพริบตา
ทางด้านจ้าวจวนซ่งและผู้ชายกลุ่มนั้น รู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นกลุ่มคน จึงรีบหนีเข้าป่าไปทันที
เจียงเหยาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เธอได้ยินเสียงคนเป็นห่วงเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ และหมดสติไป ก่อนที่เธอจะหมดสติ หัวใจของเธออุ่นขึ้น เธอรู้สึกขอบคุณคนใจดีมากมายที่เต็มใจช่วยเหลือและขอบคุณสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่พูดได้ตัวนั้น
...
เจียงเหยาฟื้นคืนสติอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเธอนอนอยู่ในโรงพยาบาล เธอได้ยินเสียงพ่อแม่ของลู่ชิงสี และเสียงพ่อแม่ของเธออยู่ข้าง ๆ
“เหยาเหยาฟื้นแล้ว” แม่ของเจียงเหยาเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าเธอฟื้นแล้ว เสียงของเธอแหบแห้ง เห็นได้ชัดว่าเธอร้องไห้มาระยะหนึ่งแล้ว ตาของเธอยังแดงก่ำอยู่เลย
“พ่อคะ..แม่คะ...” เจียงเหยาขยับตัวเล็กน้อย แล้วเรียกพวกเขา
“นอนลงเถอะ อย่าขยับเลย อาการที่หลังจะหนักอยู่” แม่ลู่ดันเธอให้กลับลงนอนบนเตียง
“โชคดีที่บาดแผลไม่ร้ายแรงนัก หมอบอกว่าเธอฉลาดที่ให้พวกเขาทุบที่หลังและปกป้องด้านหน้าไว้ ไม่อย่างนั้นบาดแผลอาจจะร้ายแรงยิ่งกว่านี้”
แม่ลู่รู้สึกไม่พอใจ น้ำตาของเธอไหลออกมาขณะที่เธอพูดอย่างนั้น
“จ้าวจวนซ่ง ไอ้คนเลวนั่น! ดูเหมือนว่าเราจะใจดีกับมันเกินไป!”
“แม่คะ..อย่าร้องไห้เลยคะ...ไม่เป็นไร” เจียงเหยาโค้งริมฝีปากของเธอขึ้นและยิ้ม
“ดูหนูสิ ไม่เป็นไรใช่ไหมล่ะคะ? แม่เพิ่งบอกเองนี่ว่าแผลของหนูไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น พักสักหน่อยก็ดีขึ้นคะ โอ้ใช่ แล้วคนที่ช่วยหนูล่ะคะไปไหนแล้ว หนูอยากจะขอบคุณเขา ถ้าไม่ได้พวกเขา หนูคงแย่แน่”
ก่อนที่แม่ลู่จะพูดอะไรออกมา ลู่เสี่ยวเซียวก็บุกเข้ามาในห้องและพูดทันที
“พี่คะ ฉันขอโทษ! ถ้าฉันพาพี่กลับบ้านแทนที่จะไปกินข้าวกับเพื่อนคงไม่เกินเรื่องนี้ขึ้น! พี่คะ ขอโทษ ฉันขอโทษ ถ้าฉันไม่พาพี่ไปดูหนัง พี่ก็คงไม่ต้องออกจากบ้าน! พี่คะ ฉันโทรไปหาพี่ชายแล้วนะ เขาบอกว่าจะรีบมาที่นี่ทันที”
“เธอบอกชิงสีแล้วเหรอ” เจียงเหยารู้สึกหมดหนทางเมื่อเธอได้ยิน ลู่เสี่ยวเซียวบอกว่า เธอบอกทุกอย่างไปกับลู่ชิงสี ที่เพิ่งกลับไปกองทัพได้ไม่นาน นี่เขาต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง งานของเขาจะได้รับผลกระทบหรือไม่? เมื่อพิจารณาจากบุคลิกของเขาแล้ว เขาจะโกรธแค่ไหนที่รู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บ