1033-1034
8/15
Ep.1033
ซูเฉินฆ่ายักษ์ไททันได้ราวกับเป็นเพียงเรื่องง่ายดาย ต่อมากวาดมองไปทางคนของตระกูลกู่และตระกูลหาน
ระหว่างนั้นเอง ทางตระกูลหานและตระกูลกู่เริ่มตึงเครียด ความแข็งแกร่งของซูเฉินทำให้พวกเขาหาดกลัวเป็นอย่างมาก ทั้งเนื้อทั้งตัวแข็งค้าง ลมหายใจติดขัด
“ซูเฉิน ตระกูลกู่ของพวกเรายินดีมอบสิ่งประดิษฐ์เทวะทั้งหมดแก่เจ้า แต่เจ้าต้องตอบแทนพวกเราเช่นกัน ... ช่วยปล่อยให้พวกเราอยู่ต่อได้หรือไม่?”
สมาชิกตระกูลกู่กล่าวกับซูเฉินด้วยประโยคต่อรอง
ชายผู้นี้ชื่อกู่เทียน อยู่ในระดับเทวะขั้น 3 ทั้งยังเป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาลูกหลานของตระกูลกู่
ซูเฉินส่ายหัว ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “มอบสิ่งประดิษฐ์เทวะมาแล้วจากไป ไม่อย่างงั้นตาย!”
ความบาดหมางระหว่างเขากับตระกูลกู่ไม่ลึกล้ำอะไรนัก แค่คนของตระกูลกู่อวดดีเกินไปหน่อยก็เท่านั้น ครั้งก่อนตอนอยู่ทวีปเอลฟ์ มีชายผู้หนึ่งชื่อกู่ชวน ได้ยกอ้างตนเองว่าเป็นผู้พิฆาตอัจฉริยะ พยายามที่จะสังหารเขา
เป็นเพราะกู่ชวน ซูเฉินจึงรังเกียจตระกูลกู่ ดังนั้นแน่นอนไม่อนุญาตให้พวกเขาอยู่ต่อ
กู่เทียนเกิดความคิดขัดแย้งในใจ แต่สุดท้ายยอมประนีประนอม ส่งมอบสิ่งประดิษฐ์เทวะ และพาลูกหลานตระกูลกู่ออกจากม่านพลังอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ทางฝั่งตระกูลหาน หลังจากการตายของสมาชิกรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างหานเจี้ยนอู่ ก็ไม่มียอดฝีมือรุ่นเยาว์เหลืออีกต่อไป
เมื่อพวกเขาเห็นกู่เทียนยอมประนีประนอม ก็ยิ่งไม่กล้าสู้กับซูเฉิน ยอมมอบสิ่งประดิษฐ์เทวะ ตามหลังตระกูลกู่ไปติดๆ
รอจนคนจากทั้งสองตระกูลนี้จากไป ซูเฉินนับจำนวนดู เมื่อรวมกับพวกฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆ ยังเหลืออีก 127 คน
ซึ่งหมายความว่าต้องโล๊ะออกอีก 27 จำนวน
ซูเฉินหรี่ตาและกวาดมองไปทางผู้คนที่เหลือ ก่อนกล่าวเบาๆว่า “ทุกท่าน พวกเรายังเหลือคนอีกเยอะเกินไป มีใครอาสาออกไปเองหรือไม่?”
ในคราเดียว ทุกคนในม่านพลังต่างเกิดอาการกระสับกระส่าย ทุกคนที่เข้าร่วมงานประลอง ย่อมไม่มีใครเต็มใจยอมแพ้ กระนั้น ใครๆก็สามารถจินตนาการได้ ว่าหากไม่มีคนสมัครใจออกไป พวกเขาจะต้องถูกซูเฉินเก็บกวาดอย่างแน่นอน
ขุมกำลังเล็กบางกลุ่ม หรือผู้ที่มีกำลังรบอ่อนแอกว่าคนอื่นๆในที่นี้เริ่มลังเล พวกเขากังวลกับประเด็นนี้มาก
หากเป้าหมายต่อไปของซูเฉินคือพวกเขา ไม่แน่อาจไม่สามารถรักษาชีวิตน้อยๆเอาไว้ได้
สุดท้าย ทั้งหมดได้หารือกัน ก่อนสมัครใจยอมออกไป และจำนวนคือ 27 พอดี
ทว่า เมื่อ 27 คนนี้จากไป ม่านพลังกลับยังไม่ยอมหาย นี่หมายความว่า ยังมีคนเหลืออยู่ข้างในเกิน 100 คน
แต่ซูเฉินสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าข้างในเหลือแค่ 100 คนเป๊ะๆ
แล้วไฉนถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้?
คนอื่นๆเองก็สับสนมากเช่นกัน
ซูเฉินขมวดคิ้ว เริ่มลองไตร่ตรองดู ตัวเขาเกิดความสงสัย ว่ามีใครซ่อนตัวอยู่หรือไม่ เลยเป็นผลให้จำนวนคนเกิน 100
ขณะที่เขากำลังจะให้ [รถศึกอัจฉริยะ] สแกนหา ฉีมู่เฟิงได้ก้าวเข้ามา กระซิบบอกเขา “ซูเฉิน คนใน [มิติโกลาหล] ก็นับรวมด้วยเหมือนกัน”
ซูเฉินร้องอ้อทันที ข้างใน [มิติสันโดษ] มีคนอยู่เกือบ 40 คน หากนับรวมพวกนี้ในโควต้าด้วย ก็เท่ากับว่าต้องเก็บกวาดอีก 40 จำนวน
ยังไงก็ตาม คนที่เหลือล้วนไม่มีความขุ่นแค้นกับเขา จะให้ไล่คนโดยไม่เลือกปฏิบัติ มันค่อนข้างผิดจรรณยาบรรณ
แต่ถ้าไม่เก็บกวาด เขาก็จะไม่ได้รับสิทธิ์เข้าสู่เขตแดนลับมิติ
ซูเฉินลองนึกทบทวนอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจเก็บกวาด
จากนั้น เขาขึ้นเสียง ตะโกนบอกกับพวกต่างเผ่าที่เหลือว่า “ทุกท่าน มีบางอย่างผิดปกติ พวกเราอาจต้องลดจำนวนเหลือ 50 คน”
ซูเฉินไม่ได้นับจำนวนที่แน่นอนใน [มิติสันโดษ] แต่ก็สมควรไม่เกิน 50 คน ดังนั้นเอ่ยปากคัดออกอีกครึ่งนึงของที่เหลืออยู่ ณ ปัจจุบัน
ว่าไงนะ?
ได้ยินแบบนั้น ชาวต่างเผ่าที่เหลือต่างไม่เข้าใจ อีกทั้งยังโกรธมากเช่นกัน
ซูเฉินขับไล่คนส่วนใหญ่ออกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมเลิกราอีก
--แบบนี้มันจะรังแกกันมากเกินไปแล้ว!
9/15
Ep.1034
ซูเฉินเมินปฏิกิริยาของพวกต่างเผ่า กล่าวอย่างเฉยเมย “ครั้งนี้ฉันจะไม่ลงมือ ใครจะกำจัดใคร แก้ปัญหาด้วยตัวเองได้เลย แต่เร็วหน่อยก็ดี ถ้ามัวชักช้า ฉันนี่แหละจะเป็นคนไล่พวกแกออกไปทั้งหมดเอง!”
ในเมื่อไม่รู้ว่าต้องคัดใครออกดี งั้นก็แค่ผลักเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายเลยแล้วกัน
ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะได้อยู่ต่อ อันนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนแล้ว
สิ้นเสียงซูเฉิน ชาวต่างเผ่าเงียบกริบ
ซูเฉินหมายถึงอะไรพวกเขาชัดเจนแก่ใจ นั่นคือต้องการให้พวกเขาฆ่ากันเอง ผู้แกร่งกว่าเท่านั้นจึงจะได้อยู่ต่อ
แต่เดิม เพื่อแย่งชิงโควต้า ก็ต้องสู้กันอยู่แล้ว ปัจจุบันเหลือคนไม่มาก และแต่ละคนล้วนแข็งแกร่งกันทั้งนั้น
หากต่อสู้กัน ผลแพ้ชนะเป็นเรื่องยากจะคาดเดา ทุกคนต่างมีโอกาสล้มตาย ซึ่งข้างในหัวใจของพวกเขา บังเกิดความรู้สึกไม่ยินยอมจะทำเช่นนั้น
ทว่าซูเฉินได้ประกาศแล้ว แม้พวกเขาจะไม่ยินยอม แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
ขณะที่ชาวต่างเผ่ากำลังฮือฮา หญิงสาวที่มีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาหมดจดงดงามเดินเข้ามาหาซูเฉิน
เธอเดินมาจนถึงระยะห่างสิบเมตร ก่อนหยุดฝีเท้าลง ส่งรอยยิ้มหวานและกล่าวว่า “ซูเฉิน ข้ามีทางออกที่ดีกว่านั้น”
“แกมาจากขุมกำลังไหน? แล้วชื่ออะไร?” ซูเฉนิชำเลืองมองอีกฝ่าย เอ่ยถามเสียงดัง
“ข้าชื่อหยางซิวลี่ มาจากนิกายซ่อนวิญญาณ” หญิงสาวหน้าตาหมดจดกล่าว
สีหน้าการแสดงออกของฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆแปรเปลี่ยนไป
คิ้วของซูเฉินขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
นิกายซ่อนวิญญาณ คือนิกายลึกลับท่ามกลางมิติภายนอก พวกเขาเชี่ยวชาญในการขายข้อมูล อีกทั้งข้อมูลที่ว่ายังมีความน่าเชื่อถือมากด้วย
อย่างเรื่องที่ฉีมู่เฟิงรู้ว่ามีน้ำพุแห่งชีวิตอยู่ในทวีปเผ่าเอลฟ์ ก็เป็นข้อมูลจากนิกายซ่อนวิญญาณเช่นกัน
นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของนิกายซ่อนวิญญาณเป็นอะไรที่โดดเด่นมาก
“บอกวิธีแก้ปัญหาของเธอมา” ซูเฉินกล่าวเสียงเรียบ
หยางซิลลี่หัวเราะคิกคัก “วิธีแก้ปัญหาก็ง่ายๆ โควต้าที่เหลือ พวกเราจะใช้วิธีการแลกเปลี่ยน ใครให้สมบัติที่คุ้มค่ากว่า คนนั้นก็ได้โควต้าไปครอง”
ดวงตาของซูเฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันที การแลกเปลี่ยนที่ว่าย่อมหมายถึงแลกกับเขา ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถกอบโกยสมบัติดีๆได้มากมายอย่างแน่นอน ทั้งยังสามารถแก้ปัญหาโดยไม่ต้องลงมือได้อีกด้วย
สามารถกล่าวได้เลย ว่าข้อเสนอของหยางซิวลี่ เขาพอใจมาก
ชาวต่างเผ่าคนอื่นไม่มีอะไรคัดค้านเช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้วแค่หยิบยื่นสิ่งของ มันดีกว่าถูกฆ่าตายเยอะ
“เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว”
ซูเฉินพยักหน้า จากนั้นกล่าวว่า “งั้นเริ่มจากเธอก่อนแล้วกัน”
ยิ่งมีคนเริ่มซื้อโควต้าเร็วเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีโอกาสกอบโกยมากเท่านั้น และในเมื่อหยางซิวลี่ได้ให้คำแนะนำดีๆเช่นนี้ โควต้าแรกขอมอบให้เธอเลยแล้วกัน
“ขอข้าแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งประดิษฐ์เทวะ”
หยางซิวลี่ไม่พูดพล่ามทำเพลง หยิบน้ำเต้าสีทองออกจากถุงเก็บสมบัติ โยนมันให้กับซูเฉิน
สิ่งประดิษฐ์เทวะ?
หัวใจของซูเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่เขากำลังจะรับมัน จู่ๆก็มีเสียงร้องเตือนขึ้นมาจากข้างใน [พื้นที่เลี้ยงสัตว์]
“เจ้านาย ข้าสัมผัสได้ว่าน้ำเต้าขวดนี้เป็นอันตราย”
“หือ?”
ซูเฉินขมวดคิ้ว ปลดปล่อยพลังจิตออกมาทันที ตรึงน้ำเต้าทองคำไว้กลางอากาศ
การกระทำนี้ ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของหยางซิวลี่ อย่างไรก็ตาม เธอได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นบนมุมปาก
“ซูเฉิน เจ้าระมัดระวังตัวไม่เลว แต่เกรงว่าคงยากหากคิดหลบหนีจากเงื้อมมือข้า!”
สิ้นเสียง เห็นแค่เพียงน้ำเต้าทองคำพองตัวขึ้นทันใด จนเมื่อขนาดของมันสูงถึงสิบจั้ง พลังแห่งจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลก็พุ่งออกมาจากปากขวด ห่อหุ้มซูเฉินเอาไว้อย่างรวดเร็ว