1027-1028
2/15
Ep.1027
“ฟ่านเสียน! เจ้าต้องการอะไรกันแน่?” ซางฉุยซานถามเสียงเย็น
ซูเฉินคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ตระกูลซางคว้าโควต้าเอาไว้ได้ จึงเป็นธรรมดาที่เวลานี้เขาจะยืนอยู่ฝ่ายซูเฉิน
“ตระกูลซางของเจ้าคิดออกหน้าแทนซูเฉินงั้นหรือ?”
ฟ่านเสียนใบหน้าบึ้งตึง กระชากเสียงเบาๆ
“ก็แล้วถ้าใช่เจ้าจะทำไม?” ซางฉุยซานไม่ถอยหนี เขาเองก็เป็นระดับเทวะขั้น 6 เหมือนกัน ดังนั้นไม่หวาดกลัวเลย
เมื่อเห็นว่าซางฉุยซานดื้อดึงถึงเพียงนี้ ฟ่านเสียนก็ไม่ใช้ชวนทะเลาะอีก หันไปพูดกับซูเฉินว่า “ครั้งนี้มีรุ่นเยาว์ตระกูลฟ่านของข้าเข้าร่วมงานประลองระดับดวงดาวอยู่ไม่น้อย และพวกเขาต้องไม่เป็นอะไรเด็ดขาด เจ้าเข้าใจไหมว่าข้าหมายถึงอะไร?”
ซูเฉินมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในด้านความโหดเหี้ยม เขากังวลว่าซูเฉินจะลงมือกับเหล่าสมาชิกตระกูลฟ่าน
จุดประสงค์ที่แวะมาหาซูเฉินก็ง่ายมาก นั่นคือการเตือน
“นี่แกกำลังขู่ฉัน?”
ซูเฉินหรี่ตาลง น้ำเสียงเย็นยะเยือก
หากฟ่านเสียนคิดว่าเพราะตัวเองเป็นระดับเทวะขั้น 6 แล้วจะสามารถทำอะไรก็ได้ต่อหน้าซูเฉิน เขาจะต้องจ่ายด้วยราคาอันน่าเจ็บปวด!
ซูเฉินยังเหลือแต้มพลังงานสำรองอยู่ เขาสามารถก้าวสู่ ระดับเทวะขั้น 6 ได้ตลอดเวลา บวกกับเปิดใช้งาน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] จะทำให้ขั้นของเขาต่ำกว่าฟ่านเสียนเพียงหนึ่งขั้น ถึงเวลานั้น การสังหารศัตรูข้ามขั้นก็ง่ายดายไม่ต่างจากการยกน้ำขึ้นดื่ม
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม แม้ฟ่านเสียนจะดูทรงพลัง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่นับเป็นสิ่งใดในสายตาซูเฉิน
“เจ้าจะคิดว่าเป็นคำขู่ก็ได้” ฟ่านเสียนกล่าวด้วยความรังเกียจ จากนั้นเตือนว่า “หากเจ้ากล้าทำร้ายคนใดคนหนึ่งในตระกูลฟ่านของข้า ก็เตรียมรับผลที่ตามมาได้เลย!”
ซูเฉินได้ยินพลันเบ้ปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมายว่า “สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดในชีวิตคือการถูกคนอื่นข่มขู่ ฉันรับประกันได้เลย ว่าอีกเดี๋ยวจะดูแลลูกหลานตระกูลฟ่านของแกเป็นอย่างดี!”
ได้ยินแบบนั้น เปลือกตาของฟ่านเสียนกระตุก
เข้าย่อมเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของซูเฉิน นั่นคือพร้อมจะมุ่งเป้ามายังลูกหลานตระกูลฟ่าน ซึ่งหากซูเฉินทำจริงๆ ไม่มีใครในรุ่นเยาว์ตระกูลฟ่านสามารถรับมือได้
โควต้าของงานประลองระดับดวงดาว มันเกี่ยวข้องกับเรื่องการเข้าสู่เขตแดนลับมิติ ไม่อาจพลาดได้! ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด!
เพื่อให้ซูเฉินล้มเลิกความคิดเมื่อครู่ออกไป ฟ่านเสียนขู่อีกครั้งว่า “ซูเฉิน! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคนของตระกูลฟ่าน ข้าจะฟาดเจ้าจนกว่ากระดูกเจ้าจะเป็นผุยผง! แม้แต่ตระกูลซางกับตระกูลฉีก็อย่าหวังว่าจะปกป้องเจ้าได้!”
“ฟ่านเสียนช่างสิ้นคิดจริงๆ” ฉีชิงเฉวียนลอบถอนหายใจ
แม้ซูเฉินจะอยู่เพียงระดับเทวะขั้น 3 แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงเทียบได้กับระดับเทวะขั้น 6 แล้วแบบนี้ เขายังต้องการให้คนอื่นมาปกป้องอีกหรือ?
และดูจากท่าทีสงบของซูเฉินแล้ว เขายังรู้สึกว่า การที่ฟ่านเสียนพูดแบบนี้กับซูเฉิน สุดท้ายคนที่ตายคงไม่พ้นเป็นฟ่านเสียนเอง
“ฟ่านเสียน เจ้าไม่จำเป็นต้องดูถูกกันเช่นนี้ หากเจ้าต้องการประมือกับเราผู้เฒ่า งั้นเริ่มกันตอนนี้เลยดีหรือไม่?” ซางฉุยซานแค่นเสียงเย็นชา
ฟ่านเสียนอวดดี ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก
ซูเฉินไม่ได้โกรธ กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “แล้วฉันจะตั้งตารอ หวังว่าถึงเวลานั้นแกจะไม่กลายเป็นเต่าหัวหด!”
เวลานี้ ชื่อของฟ่านเสียนได้ถูกเขียนลงในรายชื่อสังหารของซูเฉินแล้ว แต่เรื่องลงมือคงต้องรอให้จบงานประลองระดับดวงดาวซะก่อน
เหตุการณ์ที่ซูเฉินกับฟ่านเสียนฮึดฮัดใส่กัน ได้ดึงดูความสนใจจากขุมกำลังอื่นๆที่อยู่รอบๆอย่างรวดเร็ว พวกเขาก้าวเข้ามามุงดู เริ่มวิพากษ์วิจารณ์
“เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน? เขาบ้าไปแล้วใช่ไหม? ไม่ไว้หน้าฟ่านเสียนเลยสักนิด ไม่กลัวถูกฆ่าตายหรอ?”
“เขาคือซูเฉินจากเผ่ามนุษย์ เจ้าคิดหรือว่าเขาจะกลัวฟ่านเสียน?”
“อะไรนะ? เขาคือซูเฉิน??”
เมื่อได้ทราบถึงสถานะของซูเฉิน สีหน้าของผู้ชมรอบๆสั่นสะท้าน เหม่อมองไปทางซูเฉินเป็นสายตาเดียว
ชื่อเสียงของซูเฉินเมื่อไม่นานมานี้ สามารถอธิบายได้เพียงคำว่า ‘ดังสนั่น’
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องสังหารระดับเทวะไปหลายคน กระทั่งเมืองมู่กวงก็ยังถูกเขาทำลายอย่างไร้ปราณี และไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้
หากฟ่านเสียนต้องการใช้สถานะของเขาเพื่อข่มซูเฉิน ไม่มีทางเป็นไปได้จริงๆ
เพราะหากซูเฉินยอมประนีประนอม เช่นนั้นเขาคงไม่ได้รับสมญาเทพสังหารเช่นทุกวันนี้
3/15
Ep.1028
เมื่อเห็นว่าซูเฉินและคนอื่นๆต่างไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา มุมปากของฟ่านเสียนกระตุกด้วยความโกรธ
ขณะที่เขากำลังจะเปิดปากพูดอีกครั้ง ไม่ไกลออกไป ในพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ จู่ๆก็มีคลื่นพลังงานมหาศาลถูกปล่อยออกมา ในเวลาเดียวกัน เสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นจากรอบด้าน
“สนามประลองดวงดาวเปิดแล้ว! รีบเข้าไปเร็ว!”
พื้นที่เปิดโล่งตรงหน้าพวกเขาคือสถานที่จัดงานประลองระดับดวงดาว เมื่อมันเปิดออก ชั้นม่านพลังงานจะแผ่ขึ้นปกคลุมรอบๆ
เมื่อม่านป้องกันประสานกันแล้ว จะไม่สามารถเข้าจากภายนอกได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ผู้เข้าร่วมงานประลองระดับดวงดาว ต้องเข้าไปก่อนม่านพลังสมานกัน
พริบตานั้นเอง ผู้คนจำนวนมากแห่กันเข้าไปในพื้นที่เปิดโล่งเบื้องหน้า
“ซูเฉิน พวกเราก็รีบเข้าไปกันเถอะ” ฉีมู่เฟิงเตือน
“ไปเถอะ” ซูเฉินไม่ลังเลเลยสักนิด ก้าวตรงเข้าไปข้างหน้า โดยมีพวกฉีมู่เล่ยและคนอื่นๆตามหลังไปติดๆ
ฟ่านเสียนเฝ้ามองซูเฉินจากไป ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แต่ไม่กล้าลงมือในช่วงเวลานี้
เพราะในระหว่างขั้นตอนการสร้างม่านพลัง จะมีพลังงานของวิถีสวรรค์อยู่ หากผู้ใดกล้าลงมือ จักถูกฆ่าตายในพริบตา
ต่อให้เป็น ระดับเทวะขั้น 6 เมื่ออยู่ต่อหน้าวิถีสวรรค์ ก็ไม่ต่างจากมดปลวก
ไม่นาน ซูเฉินและคนอื่นๆก็เข้าไปในพื้นที่ว่างเปล่า ม่านพลังงานรอบๆเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์
...
งานประลองระดับดวงดาวมีโควต้าอยู่แค่ 100 ที่นั่งเท่านั้น เมื่อเหลือคนในสนามประลองครบ 100 คน ก็จะได้รับโควต้าโดยอัตโนมัติ และถือว่างานประลองจบลงเช่นกัน
และหากอยากให้จำนวนคนลดลงเหลือ 100 มีเพียงสองวิธีเท่านั้น
วิธีแรก ให้คนที่เกินออกไป ม่านพลังใช้ป้องกันคนภายนอกเท่านั้น แต่ไม่ได้ป้องกันคนข้างใน หากคุณอยากออกไป สามารถทำได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ต่างก็ต้องการแย่งชิงโควต้า ไม่มีใครยอมแพ้ง่ายๆ ดังนั้นจึงเหลือแค่วิธีที่สอง --ฆ่ากันเอง!
ขอแค่ฆ่ากันจนเหลือรอดครบ 100 คนก็พอแล้ว
ผู้ที่เข้าร่วมงานประลองระดับดวงดาวในครั้งนี้ แม้จำนวนจะเทียบไม่ได้กับผู้เข้าร่วมประลองในมิติท้ารบ แต่ก็ยังมีจำนวนเกือบ 300 คน
จำเป็นต้องกำจัดสองในสาม อัตราส่วนนี้ถือว่าไม่น้อย
“ซูเฉิน พวกเราจะจัดการใครก่อน?” ฉีมู่เฟิงถาม
ซูเฉินหรี่ตาลงและกวาดมอง กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ละเลงเลือดตระกูลฟ่านเป็นดาบแรก!”
ก่อนหน้านี้ ฟ่านเสียนเข้ามาข่มขู่เขา ถือเป็นการแตะเกล็ดย้อนของซูเฉิน ดังนั้นกลุ่มแรกที่เขาจะกำจัดก็คือตระกูลฟ่าน
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆดูไม่สู้ดีนัก
ตระกูลฟ่านคือขุมกำลังอันดับสองจากสิบตระกูลซ่อนเร้น ฝ่ายนั้นไม่ได้มีแค่ฟ่านเสียนซึ่งเป็น ระดับเทวะขั้น 6 เท่านั้น แต่ยังมีบรรพชนในระดับเทวะขั้น 6 คอยปกป้องอยู่อีกคนหนึ่ง
หากลูกหลานตระกูลฟ่านถูกกำจัดออกไป นี่เท่ากับเป็นการเพาะสร้างความบาดหมางกับตระกูลฟ่าน และจะต้องถูกพวกเขาล้างแค้นอย่างนอน
ต่อให้ซูเฉินแข็งแกร่งแค่ไหนแต่สุดท้ายเขาเป็นแค่ระดับเทวะขั้น 3 แล้วจะรับมือการล้างแค้นของตระกูลฟ่านได้อย่างไร?
“ซูเฉิน เปลี่ยนเป้าหมายเป็นตระกูลอื่นดีกว่า” ฉีมู่เล่ยเกลี้ยกล่อม ในความคิดของเขา ต่อให้ปล่อยคนของตระกูลฟ่านไป ก็ยังเหลือตำแหน่งโควต้ามากเกินพอ ไม่จำเป็นต้องสู้กับตระกูลฟ่านเลย
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าตระกูลฟ่านไม่รู้จักชั่วดี ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะกวาดล้างพวกมันทั้งหมดให้หายไป” ซูเฉินกล่าวเสียงเย็น
“...”
ฉีมู่เล่ยและคนอื่นๆตะลึงงัน --นี่ซูเฉินกำลังบอกว่าจะล้างบางตระกูลฟ่านงั้นหรือ?
ใช่วาจาใหญ่โตไปหน่อยกระมัง?
ตระกูลฟ่านมี ระดับเทวะขั้น 6 อยู่ถึง 2 คน! แล้วซูเฉินจะเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างไร?
กระนั้น ด้วยความเข้าใจที่พวกเขารู้เกี่ยวกับซูเฉิน ซูเฉินไม่เคยเอ่ยคำพูดเพ้อเจ้อ เป็นไปได้ไหมว่าเขามีวิธีกำจัดตระกูลฟ่านจริงๆ?
ฉีมู่เฟิงนึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง ก็กล่าวว่า “ทำตามที่ซูเฉินบอกเถอะ”
เขาอยู่กับซูเฉินมานานที่สุด ดังนั้นเข้าใจนิสัยของซูเฉินเป็นอย่างดี เมื่ออีกฝ่ายตัดสินใจแล้ว ยังไงก็ไม่มีใครหยุดได้