1025-1026
7/7
Ep.1025
ปรมาจารย์ดาบจักรพรรดิดิ้นรนขัดขืนอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกล่าวว่า “เป็นนักพรตเทียนซ่าน!”
ยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงความทรมาน เขาทำได้แค่ยอมคายความจริง
“เป็นไอ้แก่นั่นจริงๆด้วย!”
ใบหน้าของซูเฉินมืดมนลง สุดท้ายซัดหมัดเดียวระเบิดหัวปรมาจารย์ดาบจักรพรรดิ
จากนั้น เขารวบรวมชิ้นส่วนและสิ่งประดิษฐ์เทวะดาบยักษ์ ย้อนกลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]
“เสี่ยวจือ เดินทางต่อ” ซูเฉินสั่ง เอนตัวลงบนเก้าอี้คนขับ เริ่มจัดระเบียบชิ้นส่วน
ฉีชิงเฉวียนและคนอื่นๆไม่ได้รบกวนซูเฉิน สองชั่วโมงผ่านไป ซูเฉินคัดแยกชิ้นส่วนได้เสร็จแล้ว ในดวงตาฉายแววครุ่นคิด
ชิ้นส่วนนี่ดรอปในครั้งนี้ รายการทีใช้ 10,000 แต้มปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันถูกเรียกว่า [เครื่องย่อยสลายสิ่งประดิษฐ์เทวะ]
เนื่องจากยังไม่ได้ทำการแลกเปลี่ยน เขาเลยยังไม่ทราบเหมือนกันว่ามันมีไว้ทำอะไร
หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจแลกเปลี่ยนมันดู
เพราะท้ายที่สุดแล้ว จำนวนที่ใช้แลกก็แค่หมื่นแต้ม ด้วยแต้มพลังงานสะสมในปัจจุบันของเขา ไม่นับเป็นสิ่งใด
ช่วงเวลาที่แลกเปลี่ยนสำเร็จ จานทรงแปดเหลี่ยมที่มีขนาดประมาณหนึ่งจั้งก็ปรากฏขึ้นในถุงเก็บของ มันดูคล้ายกับ [อุปกรณ์เร่งเวลา] และข้อมูลการใช้งาน ได้ถูกถ่ายทอดไปยังจิตใจของซูเฉินอย่างรวดเร็ว
ปรากฏว่า [เครื่องย่อยสลายสิ่งประดิษฐ์เทวะ] มีเพียงฟังก์ชั่นเดียวเท่านั้น นั่นคือหลังจากย่อยสลายสิ่งประดิษฐ์เทวะแล้ว มันจะสามารถแปลงเป็นแต้มพลังงานได้!
ยิ่งคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์เทวะสูงมากเท่าไหร่ ก็จะแปลงเป็นแต้มพลังงานได้มากเท่านั้น หลังจากรับฟังจบ ซูเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาสังหารตัวตนระดับเทวะไปนับไม่ถ้วน และหลายคนในนั้นมีสิ่งประดิษฐ์เทวะอยู่ในครอบครอง
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมีสิ่งประดิษฐ์เทวะสะสมไว้มากมาย หากนำมากองเรียงกัน สามารถกลายเป็นภูเขาเล็กๆลูกหนึ่งได้เลย
เนื่องจากไม่ใช่ของตัวเอง เขาค่อนข้างอายหากใช้พวกมัน จึงได้แต่เก็บไว้ไม่ทราบจัดการอย่างไรดี
อย่างไรก็ตาม การปรากฏของ [เครื่องย่อยสลายสิ่งประดิษฐ์เทวะ] สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างลงตัว เพราะต่อให้สิ่งประดิษฐ์เทวะชิ้นนั้นเลิศเลอขนาดไหน แต่ถ้าไม่ใช้ มันก็กลายเป็นแค่ขยะ!
จะไม่ดีกว่าหรอ ถ้าเปลี่ยนพวกมันเป็นแต้มพลังงาน แล้วเอามาพัฒนาความแข็งแกร่งให้ตัวเองหรือสมาชิกในกลุ่ม หรือไม่ก็แลกเปลี่ยนชิ้นส่วนรายการอื่นๆที่ต้องการ เท่ากับเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ซูเฉินพยายามระงับความตื่นเต้นของเขา ตัดสินใจทดลองดู กวาดสายตาไปมองกองสิ่งประดิษฐ์เทวะในถุงมิติ สุดท้ายเลือกหยิบดาบยักษ์ของปรมาจารย์ดาบจักรพรรดิออกมา และวางมันลงบน [เครื่องย่อยสลายสิ่งประดิษฐ์เทวะ]
เห็นแค่เพียงแสงสีขาวสว่างวาบ ดาบยักษ์หายไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของซูเฉิน
“ย่อยสลายสิ่งประดิษฐ์เทวะดาบยักษ์แล้ว แปลงได้ 10,000 แต้มพลังงาน”
ได้ยินแบบนั้น มุมปากของซูเฉินยกยิ้มขึ้นอย่างอดไม่ได้ ในถุงเก็บของยังมีสิ่งประดิษฐ์เทวะอีกหลายสิบชิ้น หากนำมันไปย่อยสลายทั้งหมด อาจแลกเปลี่ยนได้แต้มพลังงานที่เทียบเท่าได้เลยกับการสังหารระดับเทวะนับหลายสิบคน
หลังจากนั้น เขาได้ย่อยสลายสิ่งประดิษฐ์เทวะทั้งหมดให้กลายเป็นแต้มพลังงาน
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ ส่งผลให้แต้มพลังงานทั้งหมดพุ่งสูงถึง 500,000 แต้ม!
สามารถสร้างสถิติใหม่ได้อีกครั้ง!!
และหากใช้ทั้งหมดแลกเปลี่ยน [คุณสมบัติอย่างเต็มรูปแบบ] ซูเฉินคาดว่าเขาสามารถทะยานขึ้นสู่ระดับเทวะขั้น 6 ได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องเร่งรีบขนาดนั้น การยกระดับเร็วเกินไป ย่อมสร้างความหวาดระแวงแก่นักพรตเทียนซ่าน จนอาจละเมิดคำสั่ง กระโจนเข้ามาจัดการเขาด้วยตัวเองก็ได้
ซูเฉินปิดฟังก์ชั่นย่อยสลาย จากนั้นหันไปดู [พื้นที่เพาะปลูก] สนทนากับต้นผลอายุวัฒนะ พร้อมสังเกตการเจริญเติบโตของต้นไม้แห่งชีวิต
[รถศึกอัจฉริยะ] บินไปได้หนึ่งชั่วโมง ผืนดินขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
ที่แห่งนี้คือสถานที่จัดงานประลองระดับดวงดาว เกาะฉีฉวน
ฉีมู่เฟิงก้าวเข้ามาเตือนเขา “ซูเฉิน พวกเรามาถึงแล้ว”
ซูเฉินลืมตาขึ้น มองออกไปข้างนอก และพบว่ามีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันบนเกาะฉีฉวน ประมาณการคร่าวๆ มีมากกว่าหมื่นคน
1/15
Ep.1026
ที่จริงแล้ว จำนวนนี้นับว่าน้อยกว่าผู้เข้าร่วมประลองในมิติท้ารบเสียอีก เหตุผลหลักๆก็เพราะการต่อสู้แย่งชิงในงานประลองระดับดวงดาว มันดุเดือดรุนแรงยิ่งกว่า
ทุกคนที่เข้าร่วมงานประลองระดับดวงดาว เกือบทั้งหมดล้วนมีสถานะเป็นตัวตนระดับเทวะ ในขณะที่ผู้เข้าร่วมประลองในมิติท้ารบ มีแต่ตัวตนที่ต่ำกว่าระดับเทวะ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีจำนวนมากกว่า
“ซูเฉิน คนของตระกูลซางอยู่ที่นั่น”
ฉีมู่เฟิงเหยียดมือชี้ไปทางหนึ่งและกล่าว
ซูเฉินมองตาม แล้วก็เห็นสองพ่อลูกซางอวิ๋นยืนอยู่กับชายชราร่างผอมบาง
“มีแค่สามคนเองหรอ?”
ซูเฉินค่อนข้างประหลาดใจ ได้ยินมาว่าตระกูลซางคือตระกูลที่มีกำลังรบเป็นอันดับสามจากสิบตระกูลซ่อนเร้น แล้วทำไมถึงมีคนเข้าร่วมงานประลองระดับดวงดาวแค่นี้?
หรือจะเป็นเพราะไม่มีรุ่นเยาว์ที่เก่งพอจะเข้าร่วมงานประลองได้?
“พี่ฉี ตระกูลซางมีแค่ซางเฟยคนเดียวที่เข้าร่วมงั้นหรอ?” ซูเฉินถามด้วยความสับสน
“น่าจะมีแค่เขาคนเดียว” ฉีมู่เฟิงตอบกลับพร้อมอธิบายว่า “แม้ตระกูลซางจะอยู่ในอันดับสูง แต่เหตุผลหลักๆ ก็เนื่องมาจากการการดำรงอยู่ของซางฉุยซานในระดับเทวะขั้น 6”
“ที่จริงแล้วรุ่นเยาว์ของตระกูลซางอ่อนแอมาก มีเพียงซางเฟยเท่านั้นที่สามารถก้าวสู่ระดับเทวะได้”
ซูเฉินพยักหน้าว่าเข้าใจ จากนั้นถามว่า “งั้นคนแก่ที่อยู่กับซางเฟยก็น่าจะเป็นซางฉุยซานถูกไหม?”
“ถูกต้อง” ฉีมู่เฟิงตอบตรงๆ
“เสี่ยวจือ ลงจอด” ซูเฉินสั่ง
ไม่นาน [รถศึกอัจฉริยะ] ก็มาจอดลงข้างๆพวกซางอวิ๋น
“ซูเฉิน ในที่สุดเจ้าก็มา”
หลังจากที่ซูเฉินลงจากรถ ซางอวิ๋นก็ก้าวเข้ามาทักทายด้วยความดีใจ
“ผมทำให้ผู้อาวุโสต้องรอนานแล้ว” ซูเฉินยิ้ม
ระหว่างนั้น ฉีชิงเฉวียนและคนอื่นๆก็ทยอยกันลงจากรถศึก พูดคุยทักทายกับซางอวิ๋น
“ซูเฉิน ครั้งนี้ตระกูลซางของเราต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว!”
ซางฉุยซานก้าวเข้ามาทักทายซูเฉินก่อน
ในตระกูลซาง ผู้ที่เข้าร่วมงานประลองระดับดวงดาวมีเพียงซางเฟยเท่านั้น อาจกล่าวได้เลยว่าเป็นแค่อ่อนแอ หากไม่มีใครช่วย มีโอกาสสูงที่จะถูกกำจัด นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาฝากความหวังไว้กับซูเฉิน
ตราบใดที่ซูเฉินยินดีช่วยเหลือ เรื่องแย่งชิงโควต้า ไม่น่าเป็นปัญหา
“ผู้อาวุโสโปรดวางใจ ตราบใดที่ผมอยู่ ซางเฟยต้องคว้าโควต้าได้อย่างแน่นอน” ซูเฉินให้คำมั่น
ก่อนหน้านี้ในเขตแดนลับ ซูเฉินได้ประจักษ์ในทัศนคติของสองพ่อลูกตระกูลซางแล้ว
ดังนั้นการช่วยให้ตระกูลซางได้รับโควต้า ไม่ใช่ปัญหา
“เช่นนั้นก็ขอบใจเจ้ามาก”
ได้รับคำตอบจากซูเฉิน ซางฉุยซานยิ้มอย่างมีความสุข
“ผู้ใดคือซูเฉิน?”
ระหว่างนั้นเอง เสียงแผดเย็นดังเข้ามา ฟังจากน้ำเสียง บ่งบอกชัดว่าผู้มาเยือนไม่มีเจตนาดี
ซูเฉินเหลียวมองตาม และพบว่าเป็นชายแก่หัวล้านคนหนึ่ง ขยับเท้าก้าวเข้ามาดั่งมังกรเหินพยัคฆ์กระโจน
“ซูเฉิน เขาคือฟ่านเสียน คืออันดับสองของตระกูลฟ่าน เป็นผู้แข็งแกร่งในระดับเทวะขั้น 6” ฉีชิงเฉวียนกระซิบเตือน
ตระกูลฟ่าน?
ซูเฉินทวนคำ เขาจําไม่ได้ว่ามีเรื่องกับตระกูลฟ่าน แล้วทําไมฟ่านเสียนถึงมาที่นี่?
“ฉันคือซูเฉิน ไม่ทราบมีธุระอะไร?”
ซูเฉินก้าวออกไป มองฟ่านเสียน เอ่ยถามเสียงเรียบ
ฟ่านเสียนมองซูเฉิน ดวงตาเขาหรี่เล็กลง กล่าวเสียงเย็น “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามักทำตัวมุละทุบ้าบิ่น ขยับกายทีไม่ทำลายเมืองก็ล้างตระกูล เรื่องนี้จริงหรือไม่?”
“อ้อ มีเรื่องแบบนั้นด้วยหรอ? แต่ต่อให้มี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก?” ซูเฉินกล่าวด้วยความรังเกียจ
ฟ่านเสียนแสดงท่าทีจองหองกับเขา เรื่องนี้ทำให้ซูเฉินไม่พอใจมาก จากนี้ไปไม่คิดสุภาพกับฟ่านเสียนอีก
“เจ้าบ้าบิ่นเหมือนในข่าวลือจริงๆ” แววตาของฟ่านเสียนเริ่มดูไม่เป็นมิตร
ในฐานะการดำรงอยู่ ระดับเทวะขั้น 6 ไม่ว่าเขาเหยียบย่างไปที่ใด ทุกผู้คนล้วนให้ความเคารพ แต่ซูเฉินกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย! เรื่องนี้ทำให้เขาโกรธมาก!