บทที่ 39 ผู้ชายสองคนเปิดม่านรูดแค่ห้องเดียว
บทที่ 39 ผู้ชายสองคนเปิดม่านรูดแค่ห้องเดียว
เฉินฉีมองดูบาดแผลตรงบริเวณศีรษะของศพผู้ตายพลางพูดต่อ “บาดแผลไม่เรียบมากนัก มีรอยแหว่งบางจุดอยู่บริเวณขอบแผล แสดงหัวของเธอถูกตัดออกโดยใช้เลื่อย ยังมีเลือดไหลซึมออกมาตามแผลเล็กน้อย นั่นหมายความว่าตอนที่หัวของเธอถูกเลื่อยออกไปยังมีเซลล์บางส่วนมีชีวิต ดังนั้นฆาตกรต้องเลื่อยเอาหัวออกมาหลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว”
เขาหันไปมองรอบ ๆ “แต่บริเวณนี้แทบไม่มีรอยเลือดอยู่เลย ชัดเจนว่าที่นี่ไม่ใช่ที่เกิดเหตุแค่แห่งเดียวแน่นอน ที่นี่เป็นแค่ที่ทิ้งศพเท่านั้น”
เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งกำลังเก็บหลักฐานอยู่พูดขึ้นบ้าง “เราพบบางอย่างตรงจุดที่มีรอยบนพื้นหญ้า เป็นเนื้อเยื่อของกระดาษที่มีความสามารถในการดูดซึมสูงครับ”
“ดูเหมือนพวกเขาใช้กระดาษจำนวนมากใส่รองไว้ก้นกล่องเพื่อคอยดูดซับเลือด การทำแบบนี้ต้องใช้กระดาษจำนวนมากเลยทีเดียว ลองไปดูบริเวณริมถนนสิ เผื่อมีรอยเท้าหรือรอยเลือดหลงเหลืออยู่”
เจ้าหน้าที่คนนั้นมองหลินชิวผูเพื่อขออนุญาต ซึ่งหลินชิวผูก็พยักหน้าให้กับเขา
เฉินฉีเพ่งมองหัวนมของผู้ตายอย่างสนใจ หลินชิวผูขมวดคิ้ว “คุณมองอะไรน่ะ?”
เฉินฉีกวักมือเรียกเขามาใกล้ ๆ “หัวนมข้างซ้ายดำคล้ำกว่าข้างขวา คงเป็นเพราะถูกใครบางคนกัดมา คุณอย่าลืมตรวจสอบน้ำลายตรงจุดนี้ด้วยล่ะ”
เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาพร้อมกับสำลีที่ใช้แล้วสองก้อน ก้อนหนึ่งถูกนำไปทดสอบกับสารเคมีและเกิดปฏิกิริยา เจ้าหน้าที่คนนั้นรีบบอก “มีปฏิกิริยาตอบสนองครับ หมายความว่ามีรอยเลือดติดอยู่”
“เลือดนั้นน่าจะเป็นของตัวผู้ตายเอง แสดงว่าถูกขบกัดอย่างรุนแรงน่าดู ขอส่องแสงไฟ UV ให้ผมที”
เฉินฉีใช้ไฟฉายแสงอัลตราไวโอเลตตรวจสอบผิวหนังของผู้ตาย พบว่ามีรอยเลือดหยดอยู่ที่บริเวณท้องของเธอ เจ้าหน้าที่ไม่รอช้าเก็บตัวอย่างจากจุดนั้นทันที เฉินฉีพูดเสริม “มีหยดของเหลวอย่างอื่นอยู่ด้วย น่าจะมีใครสักคนเผลอจามออกมาจนสารคัดหลั่งกระเซ็นโดนร่างเธอ... แถมยังมีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้ในรถยนต์อีกด้วย”
“ทางนี้เจอรอยเท้าจำนวนสองชุดครับ!” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งตะโกนออกมา
“เก็บตัวอย่างมาด้วย!” หลินชิวผูตะโกนกลับไป
เฉินฉีส่งสัญญาณเรียกให้หลินชิวผูเข้ามาช่วยเขายกศพพลิกนอนหงาย หลินชิวผูเตือนเขา “อย่าเพิ่งรีบพลิกศพสิ ลองดูรอบ ๆ ก่อนว่ามีอะไรที่เรายังไม่เห็นอีกบ้าง”
“ไม่มีแล้ว วางใจได้เลย!”
ทั้งคู่วางผ้าใบกันน้ำลงบนพื้นหญ้าก่อนยกศพขึ้นมาวาง รอยเชือกบริเวณหลังของเธอชัดเจนกว่าบริเวณข้อมือเสียอีก “คุณค่อยไปแกะรอยวิธีมัดเอาจากร่องรอยพวกนี้ภายหลังก็ได้ จากที่ผมเดา เธอน่าจะถูกมัดแขนและขารวบไว้ที่ด้านหลัง”
“สาเหตุการตายของเธอคืออะไร?”
“คงมาจากการบาดเจ็บบริเวณศีรษะหลังจากขาดอากาศหายใจ คนธรรมดาถ้าขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน อาจทำให้เลือดหยุดการไหลเวียนเป็นเรื่องปกติ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องอธิบายก็ได้”
“ขอสำลีให้ผมอีกก้อน”
เฉินฉีขอสำลีก้อนหนึ่งมาตรวจสอบบริเวณหว่างขาของผู้ตาย หลินชิวผูขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘ไอ้บ้านี่ใจกล้าชะมัด’
เฉินฉีเอามือปิดปากของตัวเองไว้แล้วเอาสำลีสอดเข้าไปในร่างกายส่วนล่างของผู้เสียชีวิต จากนั้นจึงดึงมันออกมา พบว่ามีเลือดและสารหล่อลื่นบางอย่างติดออกมากับสำลี เขาสรุปด้วยการอนุมาน “เธอถูกข่มขืน จากของเหลวพวกนี้คิดว่าคงผ่านมานานมากแล้ว บางทีอาจจะ... ขอโทษที ผมขอตัวแป๊บหนึ่ง!”
เฉินฉีรีบวิ่งกลับไปที่รถพร้อมอาเจียนออกมายกใหญ่ ก่อนเปิดประตูรถเพื่อนำขวดน้ำแร่มากลั้วปากแล้วบ้วนทิ้งไป จากนั้นจึงหยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่งเพื่อสูบล้างความพะอืดพะอมขมในคอ
“สมควรแล้ว จะโชว์พาวอะไรนักหนา” หลินชิวผูพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
หลังจากทำการเก็บหลักฐานทั้งหมดใกล้ครบแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจหันไปพูดคุยกับหลินชิวผู “ผู้กองครับ คุณมองการณ์ไกลจริง ๆ คุณรู้ว่าหมอชันสูตรติดภารกิจจนไม่สามารถเดินทางมาในที่เกิดเหตุได้จึงเชิญผู้เชี่ยวชาญคนนี้มาแทนสินะครับ”
“แค่เรื่องบังเอิญน่า” หลินชิวผูพูดตัดความรำคาญ
หลินชิวผูเดินกลับมาด้านข้างรถ เฉินฉียังคงพักสูดอากาศอยู่ เขาเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย “ทนไม่ไหวใช่ไหมล่ะ? ของพรรค์นี้เป็นเรื่องเฉพาะวิชาชีพ ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ซะหน่อย แต่คุณกลับปรี่เข้าไปใกล้ชิดอย่างกับตัวเองคุ้นเคยเป็นแรมปี! จริงสิ แล้วคุณไปเรียนวิธีชันสูตรพวกนั้นมาจากไหนกัน?”
“ผมศึกษาความรู้ด้วยตัวเอง แล้วก็หาอ่านหาดูอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับการชันสูตรศพมาเยอะ”
ถึงได้ยินแบบนั้นแต่หลินชิวผูยังคงรู้สึกสงสัยอยู่ “คุณคิดยังไงเกี่ยวกับคดีนี้?”
“มีคนหลายคนร่วมก่อคดีนี้ด้วยกัน”
“อะไรทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น?”
“ความรู้สึกน่ะ จากรายละเอียดก่อนหน้านี้ที่เราได้รับมาจากผู้ตาย ฆาตกรไม่ใช่คนที่มีประสบการณ์โชกโชนอะไรขนาดนั้น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็จัดการกับศพได้อย่างรอบคอบมาก... ผมหมายถึงจากมุมมองของอาชญากรแล้วน่ะนะ ดังนั้นผมไม่คิดว่าเป็นฝีมือของคนแค่คนเดียว น่าจะเป็นการรุมโทรม ถ้าผลการผ่าชันสูตรแสดงให้เห็นว่าเป็นการเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ก็เป็นไปได้สูงมากว่าการขาดอากาศหายใจจนตายนี้เกิดขึ้นโดยที่พวกเขาไม่ได้ตั้งใจแต่แรก ฆาตกรเหล่านั้นกลัวว่าเรื่องนี้จะเปิดเผยตัวตนของตัวเอง เลยนำศพมาทิ้งไว้ในพื้นที่รกร้างห่างไกลแล้วเลื่อยหัวของเธอออกเพื่อยื้อเวลาการสืบสวนหาตัวตนของเธอออกไปให้นานขึ้น ผมคิดว่าเราควรเริ่มจากการสืบหาตามประกาศคนหาย”
“ผมบอกให้คุณแสดงความคิดเห็นของคุณเอง ไม่ใช่ให้มาบอกว่าผมควรจะทำอะไรต่อไป หรือคิดว่าตัวเองจะสามารถจัดการคดีนี้ได้ด้วยตัวคนเดียวอีกครั้งล่ะ?”
“ไม่หรอก ผมไม่ได้ว่างจัดขนาดนั้น”
หลินชิวผูจ้องเขม็ง “ขอให้มันจริงเถอะ”
“แล้วในความคิดของผู้กองหลินเดารูปคดีนี้ไปในทิศทางไหนกันล่ะ?”
“ความคิดของผมตรงกันข้ามกับคุณเลย คดีนี้ถูกจัดการอย่างละเอียดและรอบคอบ ไม่เหลือร่องรอยพิเศษอะไรให้ติดตามได้ เห็นได้ชัดว่าคนที่ทำต้องเป็นอาชญากรที่มีประสบการณ์แน่ ๆ”
“สนใจพนันกันอีกรอบไหมล่ะ?”
“อีกรอบงั้นเหรอ? โอเค! ถ้าความคิดของผมถูกต้อง จากนี้ไปคุณห้ามมายุ่งวุ่นวายกับน้องสาวของผมอีก…”
“นี่ อย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นข้อต่อรองสิ หัดเรื่องของตัวคุณเองบ้าง ผมไม่เข้าใจจริง ๆ เลย ทำไมคุณถึงเอาแต่คอยจำกัดอิสรภาพของน้องสาวตัวเองอยู่เรื่อย แต่กลับเห็นด้วยที่จะยัดเยียดบลายเดตมั่ว ๆ ให้กับเธอเนี่ยนะ? ครั้งที่แล้วเธอเกือบจะโดนคุกคามทางเพศเข้าแล้ว รู้ตัวบ้างรึเปล่า!?”
“ว่าไงนะ!?” หลินชิวผูร้องเสียงหลงทันที “ผมจะตามตัวไอ้สารเลวนั่นมาคิดบัญชีกับมันสักวัน คอยดู!”
“เขาแค่ทำมือไม้เป็นปลาหมึกแตะต้องเนื้อตัวน้องสาวคุณโดยพลการเท่านั้นเอง ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นหรอก รู้หรือยังล่ะว่าความบ้าอำนาจของคุณมันทำร้ายเธอทางอ้อมขนาดไหน? เอาแบบนี้เป็นไง... ถ้าครั้งนี้ผมพูดถูก คุณเลี้ยงข้าวผมเป็นสตูเนื้อแกะ แต่ถ้าคุณพูดถูก ผมนี่แหละจะเลี้ยงคุณเอง”
หลินชิวผูกวาดสายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “ผมจะทำให้คุณรู้ซึ้งถึงความแตกต่างระหว่างมืออาชีพกับคนธรรมดาที่พอมีพรสวรรค์แค่นิดหน่อย!” พูดจบแล้วเขาก็หันหลังเดินกลับไปทางรถตำรวจทันที แต่รถทุกคันต่างก็ขับกลับไปยังสถานีหมดแล้ว หลินชิวผูบ่นหัวฟัดหัวเหวี่ยง “เฮ้! ทำไมพวกนายไม่รู้จักสังเกตบ้างว่าวันนี้ฉันไม่ได้ขับรถมาเอง!”
เฉินฉีหัวเราะจนตัวงอก่อนเชื้อเชิญอีกฝ่ายให้ขึ้นรถ “ขึ้นรถผมเร็วเข้า!”
รถเพิ่งถูกสตาร์ทและขับออกไปได้ไม่นาน ระหว่างนั้นหลินชิวผูก็ได้รับสายจากสวีเสี่ยวตง เขาแจ้งว่าเขาเจอกระเป๋าของอาชญากรหนีหมายจับคนนั้น ในกระเป๋ามีกุญแจห้องของโรงแรมและตำแหน่งสถานที่ซึ่งระบุไว้พร้อมสรรพ ทราบแซ่ของอาชญากรว่าเป็นแซ่เจี่ยจากหลักฐานที่พบ
หลินชิวผูรีบตะโกนออกมา “กลับรถ! กลับรถไปอีกทางหนึ่ง!”
“ไปไหนล่ะ?”
“ไปที่นี่!” เขาชี้ให้ดูบนหน้าจอ “โรงแรมม่านรูดเค่อหลาย”
โรงแรมม่านรูดแห่งนั้นอยู่ห่างออกไปประมาณสองกิโลเมตร มีรถขับเข้าออกโรงแรมตลอดเวลา เมื่อทั้งคู่เข้ามาข้างในก็เห็นหญิงแต่งหน้าหนาเตอะคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน เฉินฉีจ้องแผ่นหลังของเธอตาไม่กะพริบ หลินชิวผูซึ่งเหลือบไปเห็นพอดีพูดด้วยความรังเกียจ “เห็นอะไรทำนองนี้แล้วตาลุกวาวเชียวนะ!”
“อย่าเพิ่งรีบเปิดเผยตัวตนของคุณไปล่ะ ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีหญิงขายบริการผิดกฎหมายซุกซ่อนไว้จำนวนไม่น้อยเลย”
“อื้อฮือ คุณดูมีประสบการณ์เรื่องนี้ดีจริง ๆ!” หลินชิวผูไม่วายพูดเยาะเย้ย
เจ้าของโรงแรมตรงเข้ามาถามพวกเขาว่าต้องการเปิดห้องใช่หรือไม่ เฉินฉีตอบหล่อน “ขอหนึ่งห้องครับ” จากนั้นเขาจึงลดเสียงลง “คุณมีบริการพิเศษอะไรเพิ่มเติมไหม?”
เจ้าของโรงแรมรีบส่ายหน้าถี่รัวหลายต่อหลายครั้ง “ไม่มีค่ะ! ไม่มีแน่นอน! พวกคุณสองคนต้องการเปิดห้องอยู่ด้วยกันเหรอคะ? เปิดเพิ่มอีกสักห้องดีไหมจะได้แยกกันนอนเป็นสัดส่วน ไม่แพงเลยนะคะ”
“เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอกครับ” หลินชิวผูรีบแสดงตราเจ้าหน้าที่ตำรวจ “พวกเราเป็นตำรวจครับ มาที่นี่เพื่อสืบคดี”
เจ้าของโรงแรมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “ตำรวจ!? พวกคุณกำลังตามหาใครอยู่หรือเปล่าคะ?”
หลินชิวผูเปิดหมายจับในมือถือแล้วยื่นให้เจ้าของโรงแรม หญิงวัยกลางคนหยิบแว่นขึ้นสวมและจ้องมองคนในรูปถ่ายอยู่นานก่อนอุทานลั่นด้วยความไม่เชื่อสายตา “โอ้ พระเจ้า! ผู้ชายคนนี้เป็นอาชญากรมีหมายจับเหรอเนี่ย?! ฉันว่าอยู่แล้วเชียวว่ามันต้องเป็นคนเลว! คุณตำรวจคะ ฉันไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ ถ้ารู้แต่แรกคงรีบโทรแจ้งไปนานแล้ว ตอนนี้ฉันยังจะได้รับรางวัลในฐานะผู้แจ้งเบาะแสอยู่ไหมคะ?”
“ไม่ได้แล้วครับ ตอนนี้เขาถูกทางการจับกุมไว้แล้ว เราแค่มาที่นี่เพื่อสืบคดีเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย”
“น่าเสียดายจังนะ... ไม่สิ ฉันหมายถึง เยี่ยมไปเลยต่างหาก!”
“พาพวกเราขึ้นไปที่ห้องของเขาหน่อยครับ”
“โอเคค่ะ ฉันจะพาคุณไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”
เจ้าของโรงแรมรีบพาพวกเขาไปยังห้องพักบนชั้นสาม หลินชิวผูบอกให้เธอออกไปก่อน เฉินฉีตำหนิเขาทันทีที่สบโอกาส “ผมบอกคุณแล้วว่าไม่ควรรีบเปิดเผยตัวตนก่อนแบบนี้ สถานที่แบบนี้ไว้ใจไม่ได้ พวกเขาไม่มีทางให้ความร่วมมือกับคุณง่าย ๆ แน่ถ้าที่นี่มีหญิงขายบริการผิดกฎหมายจริง”
“ทำไมคุณดูซีเรียสเรื่องนี้มากกว่าการสืบคดีซะอีก?”
“ผมซีเรียสเสมอแหละถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
“เหอะ! พอมันออกจากปากคุณแล้วดันฟังไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย”