บทที่ 371 สัตว์ประหลาดใต้เกราะ
บทที่ 371 สัตว์ประหลาดใต้เกราะ
“สัตว์ประหลาดใต้เกราะ!”
นักรบเผ่าอาเถาพอเห็นฉากนี้ก็กรีดร้องลั่นรีบวิ่งหนีทันที
นี่เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ไปกว่าเหรียญลักษณะคล้ายด้วงสีดำมีผลึกวิเศษสีขาวระดับ 2 อยู่บนหน้าผาก แต่นักรบเผ่าอาเถากลับแสดงท่าทางหวาดกลัวเมื่อเห็น ยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดสองปีกระดับ 6 อย่างไม่คาดคิด ซึ่งทำให้เย่จงหมิงรู้สึกงงมาก
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ สัตว์ประหลาดใต้เกราะชนิดนี้ มีชื่อเสียงมากในอาณาจักรลับปู้หลู่ และไม่มากเกินไปที่จะกล่าวว่าชื่อเสียงของมันฉาวโฉ่มาก
นี่คือปรสิตหรือแมลงชนิดหนึ่ง ที่เป็นสหายสนิทกับสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่จำนวนมากที่มีเกล็ด พวกมันมักอาศัยอยู่ใต้เกล็ดของเจ้าบ้าน คอยกินสิ่งสกปรก ยุง และแมลงที่อยู่บนตัวของเจ้าบ้าน เนื่องจากสัตว์น่ารำคาญเหล่านี้จะหลั่งสารที่ทำให้เจ้าบ้านมีอาการคันและป่วยเป็นโรคผิวหนัง ดังนั้นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่มีเกล็ดเหล่านี้จึงมีความสุขที่จะปล่อยให้แมลงน้อยที่ไม่เป็นอันตรายต่อมันเหล่านี้อาศัยอยู่บนตัวมัน
เพียงแต่ว่าแมลงตัวเล็กที่ไม่เป็นอันตรายเหล่านี้ มีอีกด้านที่น่ากลัวมาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับนิสัยในการใช้ชีวิตของพวกมัน
พวกมันจะอาศัยอยู่บนตัวเจ้าบ้านที่มีชีวิตเท่านั้น และจะบินออกมาจากใต้เกล็ดของเจ้าบ้านที่มันเป็นปรสิตอยู่ทันทีที่เจ้าบ้านตาย และมองหาสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อและยังไม่ตายที่อยู่รอบๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไรก็ตาม เพื่อหาอาหารเป็นพลังงานสำรองให้เพียงพอ สำหรับมองหาเจ้าบ้านตัวใหม่
เนื่องจากพวกมันจะเข้าโจมตีสังหารเป้าหมายที่ฆ่าเจ้าบ้านของพวกมันอย่างแน่นอน ดังนั้นมรณาชนจึงเรียกแมลงตัวเล็กๆเหล่านี้ว่า แมลงล้างแค้น
นี่เป็นสถานการณ์ที่มรณาชนหวาดกลัวที่สุด เพราะในทุกครั้งที่สัตว์ประหลาดใต้เกราะปรากฏตัว พวกมันจะปรากฏตัวเป็นฝูงและมีความเร็วที่สูงมาก ด้วยกระดองที่แข็งแกร่งกับฟันอันแหลมคมของพวกมัน เหล่ามรณาชนแทบไม่มีวิธีการจัดการกับพวกมันได้เลย
ขณะนี้มีสัตว์ประหลาดใต้เกราะระดับ 2 จำนวนหลายพันตัวปรากฏขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นปรสิตของมังกรเทียม เมื่อมังกรเทียมตาย พวกมันจึงต้องออกมาหาเลือดเนื้อกินเพื่อเก็บไว้เป็นพลังงานสำรอง สำหรับใช้มองหาเป้าหมายที่จะเป็นเจ้าบ้านตัวต่อไป
ใบหน้าของอาเถาซีดเผือด ใครจะคิดว่าพวกเขาจะโชคร้ายที่ไปฆ่าสิ่งมีชีวิตระดับ 6 ที่บังเอิญมีสัตว์ประหลาดใต้เกราะเป็นปรสิตอยู่!
ด้วยความแข็งแกร่งของเผ่าอาเถา นับประสาอะไรกับเสี่ยวเฉียง (แมลงสาบฆ่าไม่ตาย) จำนวน 2-3 พันตัวเหล่านี้ แค่เพียง 2-3 ร้อยตัวก็เพียงพอที่จะทำลายนักรบทั้งหมดได้แล้ว!
นักรบเผ่าต๋าปู้ปรากฏขึ้นที่อีกด้าน พวกเขามองข้ามศพของสัตว์ประหลาดสองปีก มองดูฝูงสัตว์ประหลาดใต้เกราะที่กำลังมุ่งหน้าไปทางนักรบเผ่าอาเถา
“ต๋าปู้ มาช่วยเราฆ่าสัตว์ประหลาดใต้เกราะหน่อย แล้วข้าจะให้อาหารจำนวนมากเป็นค่าตอบแทน” อาเถาที่วิตกกังวล พอเห็นการมาถึงของเผ่าต๋าปู้ ไม่ว่าเมื่อวานเขาจะต้องอดทนกล้ำกลืนขนาดไหนก็ตาม แต่ในช่วงเวลาแบบนี้เขาก็ต้องอดทนร้องขอไปตรงๆ มิฉะนั้นเผ่าของเขาจะต้องถูกทำลายล้างไปจริงๆ
ต๋าปู้มีสีหน้าบึ้งตึง และบอกให้คนของตนระวังตัว แต่ไม่มีท่าทีที่จะเข้าไปช่วยเผ่าอาเถาเลย
อาเถาหลับตาลงด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ
เย่จงหมิงมองดูอย่างสบายๆ และปักไม้เท้าแห่งธรรมชาติลงกับพื้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาได้ฝังอัญมณีธรรมชาติธาตุน้ำแข็งระดับปฐมภูมิ (คุณภาพเบื้องต้น) ก้อนใหม่เอี่ยมลงไป
หลังจากประกายแสงสีฟ้า ดอกบัวที่ผลิบานก็ปรากฏขึ้น
ดอกบัวน้ำแข็งโลหิต!
อุณหภูมิโดยรอบลดลงอย่างรวดเร็ว ดอกบัวสีฟ้าเริ่มหมุน และเร็วขึ้นจนไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นกลีบดอกบัวสีฟ้าเยือกแข็งก็พุ่งออกมาราวกับห่าฝน พุ่งตรงไปยังสัตว์ประหลาดใต้เกราะที่กำลังบินอยู่
แม้สัตว์ประหลาดใต้เกราะจะมีความเร็วสูงมาก แต่กลีบดอกบัวน้ำแข็งนั้นเร็วกว่า
แม้สัตว์ประหลาดใต้เกราะจะมีจำนวนมากมาย แต่กลีบดอกบัวน้ำแข็งนั้นมีจำนวนมากกว่า
สีฟ้าและสีดำ ร่วงหล่นลงมาจากอากาศ
ไม่มีข้อสงสัยในตอนจบ หากต้องการรอดชีวิตจากกลีบดอกบัวน้ำแข็งที่เกิดจากอัญมณีธรรมชาติธาตุน้ำแข็งระดับปฐมภูมิ อย่างน้อยก็ต้องมีความแข็งแกร่งระดับ 3 แต่ถ้าเป็นอัญมณีธรรมชาติธาตุน้ำแข็งระดับกลางน่ะเหรอ ก็ต้อง…มีความแข็งแกร่งตั้งแต่ระดับ 5 ขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถต้านทานได้
สำหรับแมลงตัวเล็กๆที่เป็นแค่ระดับ 2 เหล่านี้ ไม่มีข้อกังขาใดๆ ที่พวกมันจะถูกกำจัด
“พวกมันยังตายไม่หมด”
เย่จงหมิงร้องเตือนนักรบเผ่าอาเถาที่กำลังตกตะลึงให้รีบเข้าไปจัดการกับสัตว์ประหลาดใต้เกราะที่ยังไม่ตายกับปลาที่เล็ดลอดตาข่ายให้หมด แล้วรวบรวมผลึกวิเศษทั้งหมดกลับมา
ในการทำความสะอาดสนามรบ พฤติกรรมการตามเก็บผลึกวิเศษนี้ได้กลายเป็นสัญชาตญาณของเผ่าอาเถาไปแล้ว
มือของอาเถาหยุดสั่น ความสิ้นหวังบนใบหน้าหายไป ตอนนี้อาเถาดวงตาเป็นประกายมองเย่จงหมิงราวกับเป็นเขยขวัญของตัวเอง
ชายคนนี้ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพได้ส่งเขามาให้เผ่าอาเถาจริงๆหรือเนี่ย? เขาสามารถสร้างอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพ มีจิตใจและความคิดอ่านที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีความสามารถส่วนบุคคลที่แข็งแกร่ง ตอนนี้ยังต้องเพิ่มความสามารถในการสังหารสัตว์ประหลาดเข้าไปอีกอย่างด้วย
คนผู้นี้มาเพื่อช่วยเหลือมรณาชน!
ทั่วร่างของอาเถาเป็นประกายระยิบระยับ (ผู้แปล – แบบว่าไม่ใช่แค่ตาเป็นประกาย) นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกว่าเผ่าเล็กๆของเขาอาจได้กลายเป็นเผ่าใหญ่ และตัวเขาจะได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
เย่จงหมิงค่อยๆ นำอัญมณีธรรมชาติที่สูญสิ้นพลังจากไม้เท้าแห่งธรรมชาติโยนทิ้ง ขโมยผลงานมาจากเว็บ ThaiNovel ราวกับเรื่องที่เพิ่งทำไปเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
ต๋าปู้ยืนจ้องมองการกระทำและอุปกรณ์ของเย่จงหมิงอยู่ตรงนั้นอย่างไม่คาดสายตา
ไม่ว่าใครก็มองเห็นความโลภในสายตาของต๋าปู้
“อาเถา ช่วยพูดกับเจ้าหนุ่มนั่นให้หน่อย”
ต๋าปู้กับคนของเขาตรงเข้ามาหาเผ่าอาเถาราวกับจะเข้ามาควบคุม นักรบเผ่าอาเถาจึงรีบตั้งขบวนป้องกันคนในเผ่าของตัวเอง
อาเถาขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจจะเป็นล่ามให้ต๋าปู้พูด กับเย่จงหมิง
แต่หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็บอกกับเย่จงหมิงว่า ต๋าปู้ต้องการสื่อสารด้วย
เย่จงหมิงมองไปที่ต๋าปู้ แล้วพยักหน้า
“ข้าสามารถปล่อยตัวเพื่อนสองคนของเจ้าได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขสองข้อ”
“ว่ามา”
ต๋าปู้เหยียดนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว แล้วกดนิ้วแรกลงก่อนจะพูดว่า “เจ้าต้องมอบอุปกรณ์ที่เหมือนกับเผ่าอาเถาให้กับเผ่าเราพันชิ้น อย่าบอกนะว่าอุปกรณ์พวกนั้นเจ้าไม่ได้เป็นคนสร้าง มิฉะนั้นข้าจะสงสัยในความจริงใจของเจ้า”
ต๋าปู้รู้ดีว่าเผ่าอาเถาเป็นอย่างไร การปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันของอาวุธดีๆ มากมายที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับสัตว์ประหลาดสองปีกได้เหล่านั้น ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มคนนี้
“อย่างที่สอง ข้าต้องการไม้เท้าอันนั้นของเจ้า และต้องการอัญมณีใหม่เอี่ยม สำหรับเติมในช่องอย่างน้อย 10 ชิ้น”
พอได้ยินเช่นนั้น ความโกรธก็พุ่งวาบขึ้นมาบนใบหน้าของอาเถาทันที “ต๋าปู้ อย่าให้มันมากนัก พอเห็นของดีๆก็อยากได้มาเป็นของตัวเอง ไม่เห็นแก่หน้าตาของเผ่าตัวเองบ้างเลยหรือไง!”
พูดจบ อาเถาก็หันไปบอกคำพูดของต๋าปู้ให้เย่จงหมิงฟัง และพูดต่อไปว่า “เย่ เจ้าไม่ต้องไปสนใจเขา ถึงเวลาเราจะขอความเมตตาจากราชานีโอ ท่านเป็นราชามรณาชนที่ยุติธรรมที่สุด!”
เย่จงหมิงยิ้มแล้วโบกมือให้อาเถา จากนั้นเขาก็พูดกับต๋าปู้ว่า “อันที่จริง ข้าก็มีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่งเหมือนกัน ถ้ายอมรับเราก็ตกลงกันได้”
ต๋าปู้ขมวดคิ้วแล้วบอกว่า ถ้าเย่จงหมิงทำตามเงื่อนไขที่ให้ไป เผ่าต๋าปู้ก็ยอมรับเงื่อนไขได้ทุกอย่าง
อาเถาเป็นล่ามให้กับคนทั้งคู่ด้วยสีหน้ามืดมน แม้จะเห็นได้ชัดว่าเขากลัวการจากไปของเย่จงหมิง แต่เขาก็ยังเป็นล่ามให้อย่างซื่อสัตย์
เย่จงหมิงปักไม้เท้าแห่งธรรมชาติลงกับพื้นอีกครั้ง แล้วพูดว่า “แค่สังหารพวกเจ้า ข้าก็สามารถช่วยเพื่อนได้แล้ว”