ตอนที่ 77+78 การหย่าร้าง
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งของความคิด การถอยกลับก็ไม่ได้หมายความว่าเราได้ยอมแพ้ หรือยอมจำนนต่อสถานการณ์ แต่เป็นโอกาสที่จะได้เริ่มต้นใหม่
จำเป็นด้วยเหรอ ที่จะให้การแต่งงานที่มีแต่ข้อผิดพลาดดำเนินต่อไป? จ้าวจวนซ่งและครอบครัวของเขาเป็นเหมือนสัตว์ร้าย ไม่มีใครในตระกูลจ้าวที่เหลือมโนธรรม หรือหลักศีลธรรมแม้แต่น้อย ลู่อี้ชิงจะได้รับประโยชน์อะไร ถ้าเธอยังยึดติดกับการแต่งงานกับผู้ชายที่นอกใจเธอ เพียงเพราะว่าเธอคิดว่ามันไม่ยุติธรรม?
ลู่อี้ชิงจ้องมองเจียงเหยาด้วยความงุนงง เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเธอค่อย ๆ ลดลงจนกลายเป็นเสียงสะอื้นไห้ ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยักหน้า
“เธอพูดถูกแล้วล่ะ ฉันไม่ควรมีชีวิตที่น่าสังเวชเช่นนี้โดยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรอีกต่อไป และปล่อยให้พวกเขาหลอกลวง ทำให้ต้องอับอายขายหน้า ฉันเป็นใครกัน? ฉันลู่อี้ชิงนะ ฉันเป็นลูกสาวของตระกูลลู่ พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้ามารังแกฉันแบบนี้?”
ลู่อี้ชิงค่อย ๆ สงบลง
“จ้าวจวนซ่งก็เหมือนธนบัตร ร้อยหยวนที่หล่นในกองอึ น่าเสียดายที่จะไม่หยิบมันขึ้นมา แต่ก็น่ารังเกียจและน่าขยะแขยงเกินกว่าที่จะหยิบขึ้นมา อีกอย่าง ฉัน...ลู่อี้ชิงมีเงินตั้งมากมาย ฉันไม่จำเป็นต้องเสียดายกับธนบัตรที่เหม็นเน่าใบนั้นหรอก”
“พี่สาว ตัดสนิใจที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขเถอะค่ะ อย่าลืมว่าพี่ยังมีพ่อแม่ และน้องชายอยู่ แม้ว่าชิงสีจะเป็นเพียงทหาร แต่เขาก็มีกลุ่มเพื่อนที่มีอิทธิพลอยู่มาก หากใครทำให้พี่โกรธ ตระกูลลู่และเครือข่ายทั้งหมด จะตอบแทนตระกูลจ้าวอย่างสาสม”
เจียงเหยารู้สึกโล่งใจ หลังจากได้เห็นลู่อี้ชิงกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง
“ฉันตัดสินใจได้แล้วล่ะ ฉันจะหย่ากับไอ้เดรัจฉานนั่น เดี๋ยวนี้ล่ะ!” ลู่อี้ชิงแผดเสียงออกมาด้วยความโกรธ
“เสี่ยวเหยา ต้องขอบใจเธอสำหรับเรือ่งนี้ เธอกลับบ้านไปก่อนเถอะ เพื่อให้แน่ใจว่าจ้าวจวนซ่งจะไม่สามารถอยู่ในเมืองนี้ได้อีก ฉันจะไปที่สำนักทนายความ”
เจียงเหยามุ่งหน้ากลับบ้านทันที หลังจากคุยกับลู่อี้ชิงเสร็จแล้ว
เธอคิดว่าจะไม่ไดเจอกับลู่อี้ชิงอีกหลายวัน ทว่า จู่ ๆ ลู่อี้ชิงก็กลับมาทานอาหารเย็นที่บ้านและ บอกพ่อกับแม่ของเธอเกี่ยวกับเรื่องที่ตัดสินใจจะหย่าขาดจากจ้าวจวนซ่ง พ่อกับแม่รู้สึกตกใจอย่างสุดขีดและไม่เชื่อหูตัวเอง
ทว่าหลังจากได้ฟังลู่อี้ชิงที่พยายามกลั้นน้ำตาอธิบายเรื่องที่เธอรู้เห็นทั้งหมด พ่อแม่ทั้งสองถึงกับอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของเธอเลย พวกเขาไม่ได้ต่อว่าลู่อี้ชิงว่าได้ตัดสินใจอย่งหุนหันพลันแล่น
“โอ้ ตกใจเสียจริง! เขาทั้งสุภาพและเป็นคนฉลาดมาโดยตลอด แต่รู้อะไรไหม? เขาทำตัวได้น่ารังเกียจมาก! ไอคนเลว!” แม่ลู่โกรธจัดจนตัวสั่น
“ใช่ ไปหย่ากับเขาเลย! ครอบครัวจ้าวทำเกินไปแล้ว! ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือทางการเงินจากตระกูลลู่ของเรา พวกเขาคิดเหรอว่าจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างทุกวันนี้”
“ฉันจะไปโทรบอกเรื่องนี้กับไห่ชิง เดี๋ยวนี้เลย! ฉันต้องให้คนไอ้เลวนั่นมันถูกไล่ออก” พ่อลู่รีบเดินไปหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาลู่ไห่ชิงทันที และได้เล่าเรื่องเราวทั้งหมดให้กับน้องชายฟัง
เจียงเหยาไม่นี่ใจว่าลู่อี้ชิงและตระกูลลู่จะจัดการกับจ้าวจวนซ่งอย่างไร แต่เธอคิดว่าผลลัพธ์ก็คงจะคลายกับชีวิตก่อนหน้าของเธอ โดยจ้าวจวนซ่งต้องจบเรื่องนี้ด้วยความทุกข์ยากและถูกชิงชัง ท้ายที่สุดแล้วอิทธิพลและเครือข่ายของตระกูลลู่นั่นทรงพลังทั้งในเขตชนบทที่นี่ ไกลไปถึงในตัวเมือง
ก่อนเกิดใหม่จ้าวจวนซ่งและลู่อี้ชิงใช้ชีวิตแต่งงานร่วมกันนานพอสมควร เขาได้รับผลประโยชน์มากมายจากตระกูลลู่ แต่สุดท้ายแล้ว ตระกูลลู่ยังสามารถตัดความสัมพันธ์ระหว่างลู่อี้ชิงและจ้าวจวนซ่งโดยไม่เสียเงินแม้แต่แดงเดียวและทำให้อีกฝ่ายต้องถึงกับล้มละลาย สำหรับชีวิตนี้ การหย่าร้างเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม คงเป็นเรื่องง่ายสำหรับตระกูลลู่ที่จะทำให้จ้าวจวนซ่งเกิดความยุ่งยากได้
เจียงเหยาไม่ได้ติดตามเรื่องการหย่าร้างของลู่อี้ชิง แต่ก็ไม่พลาดที่จะรู้เรื่องข่าวใหญ่เช่นนี้ได้
ในวันรุ่งขึ้นลู่อี้ชิงได้หย่าขาดกับจ้าวจวนซ่งอย่างเป็นทางการ ภายในระยะเวลาหนึ่งคืน
จ้าวจวนซ่งสูญเสียทั้งงานและที่อยู่อาศัย บ้านที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เป็นสินสอดทองหมั้นที่ทางตระกูลลู่เป็นผู้มอบให้แก่ลู่อี้ชิง หลังจากหย่าร้างกัน พวกเขาได้โยนข้าวของของจ้าวจวนซ่งออกจากไป ไม่เว้นแม้แต่อ่างล้างจาน
__
ในระหว่างนี้ ลู่ไห่ชิงได้ส่งคนของเขาไปที่บ้านตระกูลจ้าว เพื่อลิบคืนของทุกสิ่งที่ลู่อี้ชิงและตระกูลลู่มอบให้กับพวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ เช่นโซฟา ตู้เสื้อผ้า ไปจนถึงรองเท้าคู่หนึ่ง แม้แต่ยาบำรุงร่างกาย พวกเขาต่างขนของพวกนั้นขึ้นรถบรรทุก ออกไปทำลายทิ้งทันที
นี่เป็นเรื่องปกติของลู่ไห่ชิงที่คนทั่วไปต่างรู้ดี ว่าหากเขาโกรธเคือง เขาจะทำอะไรบ้าง
ในวันถัดมา คนในตระกูลจ้าว ตั้งแต่เด็กจนถึงคนแก่ ได้เข้ามาในเมืองและมายืนประท้วงกันที่หน้าประตูบ้านตระกูลลู่ พวกเขาส่งเสียงโหยหวน ตะโกนด่าและสาปแช่งตระกูลลู่ด้วยคำพูดหยาบคายทุกรูปแบบ ถึงขั้นขู่ว่าจะแขวนคอตายที่ประตูหน้าบ้าน
พ่อและแม่ลู่รู้สึกรำคาญกับพฤติกรรมอันน่าสยดสยองของพวกเขา อีกทั้งยังเป็นวันหยุดโรงเรียน พวกเขาจึงพากันเก็บข้าวของ พร้อมกับพาเจียงเหยาออกไปพักอยู่กับลู่ไห่ชิงที่ตัวเมือง
ต่างจากบ้านตระกูลลู่ในเขตชนบท รอบบ้านของลู่ไห่ชิงมีบอดี้การ์ดกระจัดกระจายกันอยู่รอบตัวบ้าน เมื่อใครก็ตามที่มาจากตระกูลจ้าว จะถูกขวางไว้และจับโยนออกไปที่ถนนอย่างไร้ความปราณี ดังนั้นเจียงเหยาและครอบครัวลู่ที่เหลือจึงอยู่กันในเมืองได้อย่างมีความสุข
“เจียงเหยา เราเพิ่งเจอกับไอ้คนเลว จ้าวจวนซ่งมาใช่ไหม?” ลู่เสี่ยวเซียวไม่ได้เรียกจ้าวจวนซ่งว่าพี่เขยอีกเลย ตั้งแต่ที่เธอรู้เรื่องนี้
“บางทีตอนนี้เขาอาจจะเจอกับปัญหาเรื่องงานและเรื่องเงินอยู่นะ” เจียงเหยาสันนิษฐานตอนนี้ ลู่อี้ชิงและจ้าวจวนซ่งหย่ากันแล้ว เขาไม่มีส่วนอะไรกับตระกูลลู่อีกต่อไป จึงได้ข่าวว่าเขามีหนี้ท่วมหัวเลยก็ว่าได้
จ้าวจวนซ่งไม่ได้มีรายได้อะไรมากมายจากงานของเขา แต่เขาใช้เงินจำนวนมากในการเลี้ยงดูผู้ช่วยของลู่อี้ชิง ยิ่งไปกว่านั่น เขาได้หยิบยืมเงินจำนวนมากเพื่ออวดความร่ำรวยของตัวเอง
ในตอนนั้น เจ้าหนี้ไม่ไดทวงหนี้เขา เพราะจ้าวจวนซ่งเป็นลูกเขยของตระกูลลั่นทรงเกียรติ ทว่าตอนนี้ข่าวเกี่ยวกับจ้าวจวนซ่งหย่าร้างและถูกไล่ออกจากตระกูลลู่ได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟไหม้ป่า
เจ้าหนี้เหล่านั้นผุดขึ้นเหมือนเห็ดหลังได้รับน้ำฝนและรีบติดตามทวงหนี้เขา
ปัจจุบันจ้าวจวนซ่งเป็นเพียงคนไร้ค่า หลังจากที่หลุดจากตำแหน่งลูกเขยของตระกูลลู่ พวกเขาต่างกลัวว่าจะไม่ได้เงินคืนจากคนยากไร้ผู้นี้!
ทุกคนมองต่างมองว่าจ้าวจวนซ่งเป็นตัวตลกของเมือง ที่ทรยศต่อคำสาบานของการแต่งงาน ผู้ชายจำนวนนับไม่ถ้วนต่างอิจฉาเขาที่ได้ภรรยาร่ำรวย เพียงสินสอดทองหมั้นของฝ่ายหญิงก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข นอกจากนี้ ต้องขอบคุณลูกสะใภ้ของตระกูลจ้าวด้วย ที่ทำให้ชนชั้นทางสังคมของตระกูลจ้าวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เรื่องราวของจ้าวจวนซ่งเป็นที่เล่าลือกันไปทั่ว เขาไม่เพียงแต่เลี้ยงผู้หญิง ทำผู้หญิงท้อง แต่เขายังวางแผนหลอกลวงเรื่องการรับลูกนอกสมรสคนนั้นมาเป็นลูกบุญธรรม และปล่อยให้ลู่อี้ชิงเลี้ยงดู ตระกูลลู่จะสามารถทนต่อการดูถูกและเรื่องอัปยศอดสูเช่นนี้ได้อย่างไร? ความพยายามที่ชั่วร้ายของเขาเอง ทำให้เขาต้องเก็บตัวและอับอาย
“เขาเป็นผู้ชายที่ร้ายกาจและเหม็นเน่ามาก! พี่อี้ชิงดีกับเขาและครอบครัวของเขามากขนาดไหน แต่พวกเขานี่ช่างน่าขยะแขยงและน่ารังเกียจได้ขนาดนี้ พวกเขาทำยังไงพี่อี้ชิงเป็นตู้เอทีเอ็ม อยากได้เครื่องซักผ้าทีก็เรียกเธอที ทีวีพังก็เรียกเธอที น้องสาวของเขายังอ้างชื่อพี่อี้ชิงเพื่อซื้อของที่เธอต้องการในห้างด้วย! พวกนี้เป็นผีดูดเงินชัด ๆ!” ลู่เสี่ยวเซียวคำรามและกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
“โดยเฉพาะลูกพี่ลูกน้อยของจ้าวจวนซ่ง – ฉันล่ะรังเกียจและหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นหน้าหล่อน ไม่น่ามาเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันกับฉันเลย เห็นฉันเมื่อไหร่ก็ชอบกระโดดเข้ามาหา เพื่ออวดของที่ซื้อมาจากในห้างล่ะ บ้ารึเปล่า? คิดว่าฉัน ลู่เสี่ยวเซียวจะอิจฉาจริง ๆ น่ะเหรอ? สิ่งที่เธอซื้อได้พวกนั้น ไม่ได้อยู่ในความสนใจของฉันเสียด้วยซ้ำ! หล่อนคิดว่าหล่อนเป็นใคร?”