ตอนที่แล้วWS บทที่ 308 การเปลี่ยนแปลงในตระกูล PART 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 310 ผู้เฒ่างู

WS บทที่ 309 การเปลี่ยนแปลงในตระกูล PART 2


กำลังโหลดไฟล์

*บูม!*

ลูกไฟขนาดใหญ่ที่ห่อหุ้มเมอร์ลินเอาไว้และร่างของเขาจมอยู่ในเปลวเพลิงอันร้อนแรง

"จบแล้วงั้นเหรอ?"

“โดนไปขนาดนี้คงรอดยาก”

เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินไม่มีการต่อต้านเลยเมื่อเผชิญหน้ากับลูกไฟขนาดใหญ่ นักเวทย์น่าเกลียดสองคนยังคงพบว่าเป็นการยากที่จะเชื่อว่าเป็นจุดสิ้นสุดของเมอร์ลิน ก่อนหน้านี้ พวกเขาเห็นว่าเมอร์ลินจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าเขาเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอนและไม่กล้าดูเบาเขา

แต่เมอร์ลินกลับเสียชีวิตอย่างง่ายดายโดยไม่คาดคิด

“ยังเหลืออีกหนึ่ง จับตัวเขาแล้วไปสอบปากคำ!”

แม้ว่าจะค่อนข้างแปลกใจ แต่นักเวทย์ชราทั้งสองก็หันไปมองพ่อมดแบมมูและแสดงรอยยิ้มที่โหดร้ายบนใบหน้าของพวกเขา

“อันที่จริง พลังปีศาจแพนโดร่า ผสานผืนพิภพ ถูกรวมเข้ากับคาถาอย่างสมบูรณ์ พลังป้องกันของม่านธรณีสามารถรับมือคาถาระดับห้าได้อย่างง่ายดาย! ดังนั้นการโจมตีเล็ก ๆ น้อย  ๆ แบบนี้ไม่สามารถทำร้ายฉันได้แม้แต่น้อย…”

จากภายในเพลิงนรกที่ลุกไหม้มีเสียงต่ำซึ่งฟังดูสงบดังออก สิ่งนี้ทำให้นักเวทย์ชราสองคนจ้องเขม็ง พวกเขาจ้องไปที่เปลวเพลิงที่ลุกโชน

นี่เป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเขาสามารถรวบรวมได้จากวงแหวนเวทย์ พวกเขาเห็นชัดเจนว่าเมอร์ลินถูกไฟกลืนกินแต่เขากลับรอดมาได้อย่างไร?

นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่เมอร์ลินจะรอดเท่านั้น เปลวไฟของพวกเขายังทำอะไรเขาไม่ได้ด้วย

ร่างของเมอร์ลินค่อย ๆ เดินออกจากเปลวไฟ เพียงสัมผัสเบา ๆ บนเปลวไฟ ร่างกายของเขาดูดเปลวเพลิงที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ ทำให้พวกมันหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับว่าร่างกายของเขามีพลังเวทย์มนตร์บางอย่างดูดมันเข้าไป

*ซิ่ว…*

แม้แต่นักเวทย์ที่น่าเกลียดสองคนที่ได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าอย่างแรงเมื่อพวกเขาได้เห็นฉากที่น่าพิศวงเช่นนี้ ใครบางคนที่สามารถดับเปลวเพลิงได้อย่างสมบูรณ์ซึ่งพลังของมันเทียบเท่ากับจุดสูงสุดของคาถาระดับสี่และยังสามารถดูดซับเปลวไฟเข้าสู่ร่างกายของเขาได้ เรื่องมันเกินความเข้าใจของพวกเขาไปแล้ว

ในขณะเดียวกัน เมอร์ลินก็หลับตาลงอย่างนุ่มนวล เขากำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกของเปลวเพลิงที่ซึมเข้าสู่จิตใต้สำนึกของเขาอย่างทั่วถึง หากเป็นอดีต เขาคงไม่กล้าดูดซับเปลวเพลิงอันรุนแรงเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไป ภายในร่างกายของเขามีพลังที่สำคัญที่สุดของเปลวไฟทั้งหมด แม็กซิมแห่งไฟ!

ด้วยแม็กซิมแห่งไฟ เมอร์ลินจึงสามารถระงับเปลวไฟที่เขาเผชิญได้ตามธรรมชาติ

แม้ว่าเมอร์ลินจะยังไม่สามารถควบคุมความสามารถทั้งหมดของแม็กซิมแห่งไฟได้แต่การมีมันไว้ในร่างกายของเขาก็ยังให้ประโยชน์ที่คาดไม่ถึงแก่เขา

“เอาล่ะ พาฉันไปหาเจ้านายของพวกคุณ”

เมอร์ลินพูดอย่างสงบในขณะที่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น หลังจากที่เขาดูดซับเปลวไฟบนพื้นผิวของร่างกาย ด้วยการพึ่งพาพลังของแม็กซฺมแห่งไฟ เปลวไฟที่ดูดกลืนได้กลายเป็นพลังเวทย์มนตร์

“คุณ…คุณเป็นใคร”

นักเวทย์ชราทั้งสองรู้สึกหวาดกลัว คนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา เมอร์ลิน ไม่สนใจพวกเขาเลย เขายอมให้โจมตีและไม่ตอบโต้ใด ๆ กลับมาเลย

ถ้าเมอร์ลินตอบโต้ พวกเขาคงตายไปนานแล้ว! เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นักเวทย์สองคนที่อวดดีมาตลอดก็รู้สึกไม่สบายใจนัก

"ฉันเป็นใคร? พวกคุณอยู่ในปราสาทของฉันและคุณกำลังถามว่าฉันเป็นใครงั้นเหรอ?”

ประกายแห่งความไม่พอใจแวบวาบไปทั่วสายตาที่สงบนิ่งของเมอร์ลิน แรงกดดันอันยิ่งใหญ่แพร่ออกมาจากตัวเมอร์ลิน ทำให้นักเวทย์ทั้งสองรู้สึกกลัวจนไม่กล้าขยับตัว

แม้ว่าดูเหมือนพวกเขาจะรู้ว่าระดับเวทมนตร์ของเมอร์ลินนั้นไม่สูง แต่ออร่าที่กดดันระดับสูงแบบนี้ มันก็เห็นได้ชัดแล้วว่าพลังของไม่ธรรมดา

“ทะท่านคือไวเคานต์เมอร์ลิน?”

ในที่สุดนักเวทย์ทั้งสองก็ฟื้นคืนสติ นี่คือบุคคลที่พวกเขารอคอย เจ้าของปราสาทวิลสัน พ่อมดเมอร์ลินผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนมนต์ดำ

มีข่าวลือว่าเมอร์ลินเป็นอัจฉริยะในดินแดนมนต์ดำ เขาได้ต่อสู้กับอัจฉริยะสองคนของออสมูและได้ฆ่าพวกเขาทั้งสองคน เดิมที นักเวทย์ทั้งสองคิดว่าเรื่องราวเกินจริงและไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้มากนัก ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งขององค์ชายแปด พวกเขาจะขี้เกียจเกินไปที่จะรออยู่ในปราสาทแห่งนี้เป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านการต่อสู้ก่อนหน้านี้เท่านั้นที่พวกเขาได้ตระหนักถึงความผิดพลาดอันน่าสะพรึงกลัวของพวกเขา ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพ่อมดเมอร์ลินต่อหน้าต่อตาพวกเขานั้นน่ากลัวเกินกว่าจะจินตนาการได้…

“พ่อมดเมอร์ลิน พวกเราเป็นนักเวทย์ที่รับใช้องค์ชายแปด พวกเรากำลังเฝ้ารอการกลับมาของท่าน!” พ่อมดขี้เหร่ที่สวมต่างหูขนาดใหญ่ตอบกลับเมอร์ลินด้วยความเคารพ

เมอร์ลินพยักหน้า เมื่อเขาเข้าไปในปราสาทวิลสัน เขาพบว่าทุกอย่างสงบ มีแม้กระทั่งใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่รอบ ๆ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรสำคัญเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงสงบลงเมื่อต้องต่อสู้กับนักเวทย์ที่น่าเกลียดสองคนที่กำลังทดสอบความแข็งแกร่งของเขา

ถ้าข้างในปราสาทไม่ได้เป็นปกติอย่างนี้ พวกเขาสองคนคงจะถูกเขาฆ่าตายไปแล้ว

“หึหึ พวกเจ้าสองคนโชคดีมากที่พ่อมดเมอร์ลินไม่ถือว่าการกระทำของพวกเจ้า…”

พ่อมดแบมมูพูดอย่างมีนัยยะแอบแฝงเมื่อเขาเดินผ่านนักเวทย์ที่น่าเกลียดทั้งสอง เขารู้จักบุคลิกของเมอร์ลินเป็นอย่างดี ในฐานะที่เป็น ‘ทาส’ ของเมอร์ลิน พ่อมดแบมมูรู้ดีว่าเมอร์ลินไม่ใช่คนใจดี เขาสามารถอธิบายได้ว่าไร้ความปรานีอย่างเหลือเชื่อ

บางทีในปราสาทวิลสันอาจมีสิ่งที่สำคัญกว่า ตราบใดที่นักเวทย์ทั้งสองไม่ได้แตะต้องพวกเขา พวกเขาก็จะไม่เป็นอะไร

เมื่อมองดูเมอร์ลินและพ่อมดแบมมูเข้าไปในปราสาท นักเวทย์ชราทั้งสองคนก็มองหน้ากัน

“แม่มดเฒ่า แกคิดว่าเราจะตายตอนนี้หรือไม่?”

“ฮิฮิ ไอ้แก่ขี้เหร่ ฉันไม่รู้ว่าเราจะตายกันหรือเปล่า? นอกจากตัวพ่อมดเมอร์ลินแล้ว ยังมีผู้ติดตามของเขาก็ดูไม่ธรรมดาเช่นกัน ถ้าพวกเขาจะฆ่าพวกเราล่ะก็ พวกเราไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย ฉันไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์ชายแปดทรงเห็นคุณค่านักเวทย์ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มาก…”

พวกเขารู้สึกหนาวสั่นตรงต้นคอ สัญชาตญาณของพวกเขาจากการต่อสู้นับร้อยทำให้พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่ ‘ผู้ติดตาม’ ที่อยู่เบื้องหลังเมอร์ลินเพิ่งกล่าวว่าไม่ได้พูดเกินจริงเลย ความหนาวเย็นเริ่มคืบคลานเข้ามาในหัวใจของพวกเขา…

ในห้องโถงของปราสาท บุคคลแปลก ๆ สองคนยืนอยู่ที่ประตู และบรรยากาศที่ร่าเริงในห้องโถงก็หยุดลงทันที!

“เมอร์ลิน?”

“ท่านไวเคานต์!”

เสียงของผู้คนในห้องดังจขึ้นทำให้หูของเมอร์ลินสับสนเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเห็นแต่ละหน้าในห้องโถง หัวใจของเมอร์ลินก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น

พ่อของเขา เลห์แมน วิลสัน ได้ลุกขึ้น ตัวเขาเปล่งประกายรัศมีที่สง่างาม เมอร์ลินยังคงฝึกฝนรูปปั้นลึกลับมาตลอด ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเลห์แมน วิลสันต้องประสบความสำเร็จในการฝึกฝนรูปปั้นอันที่สี่สำเร็จแล้ว แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับนักเวทย์ระดับต่ำ แต่เขาก็สามารถฆ่าพวกเขาได้

"ท่านพ่อ!"

เมอร์ลินยิ้มและเดินไปหาเลห์แมน วิลสัน แม้ว่าเมอร์ลินจะเติบโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเทียบกับเลห์แมนซึ่งสูงประมาณสองเมตรและมีร่างกายที่แข็งแรงเกือบเหมือนยักษ์ เมอร์ลินก็ยังดู ‘เล็ก’ มาก

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ความรักระหว่างคนทั้งสอง เลห์แมนตบไหล่ของเมอร์ลิน

“เมอร์ลิน พ่อดีใจที่ลูกกลับมา มันเป็นเวลานานแล้วที่ลูกจากไป ดูสิ ทั้งโคซิออนกับซีเลียโตขึ้นมากแล้ว”

เมอร์ลินหันกลับมาและเห็นแอวริลกับเชอริส ทั้งดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น พวกเขาแต่ละคนอุ้มเด็กคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนพวกเขา

"ตอนนี้พวกเขาอายุเท่าไหร่แล้ว?"

เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะก้มตัวลงและบีบแก้มของเด็กน้อยทั้งสองอย่างแผ่วเบา แต่ดูเหมือนพวกเขาจะกลัวเมื่อเห็นเมอร์ลิน

ครั้งสุดท้ายที่เมอร์ลินออกจากเมืองปรากาช เขาพบกับหลายสิ่งหลายอย่าง แม้ว่าเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่านานแค่ไหนแล้วตั้งแต่เขาจากไป เขารู้แค่ว่าเวลาผ่านไปแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกของเขาอายุเท่าไหร่ เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ เมอร์ลินก็อดรู้สึกผิดไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เชอรีสมีเหตุผลมาก เธอส่งรอยยิ้มอันแสนหวานบนใบหน้าของเธอ เธอกล่าวว่า “เมอร์ลิน ทั้งโคซิออนกับซีเลีย พวกเด็ก ๆ จะอายุสี่ขวบในไม่ช้านี้ พวกเขายังขี้อายอยู่นิดหน่อย”

"ขอบคุณ"

เมอร์ลินมองลึกไปที่เชอรีสกับแอวริล เมื่อเทียบกับความรู้สึกของเชอรีสแล้ว การจ้องมองของแอวริลดูเหมือนจะ ‘ค่อนข้างขุ่นเคือง’ อย่างเห็นได้ชัด

นอกจากลูก ๆ ของเขาทั้งสองคนแล้ว ยังมีเด็กอีกคนหนึ่งที่ดูสง่าด้วยผมสีบลอนด์สั้นไม่กลัวเขาเลย เขาเดินไปที่เท้าของเมอร์ลินโดยตรง เงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วถามว่า

“คุณคือลุงเมอร์ลินงั้นเหรอ?”

"ลุง?"

เมอร์ลินขมวดคิ้ว มองดูเด็กน้อยเบื้องล่าง สายตาของเขาเหลือบมอง แม้ว่าเด็กยังเด็กแต่เขาสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ

เด็กผู้กล้าหาญคนนี้มีความผิดปกติเล็กน้อยของพลังจิตที่ผันผวน ความผันผวนซึ่งมีอยู่น้อยมาก แต่นักเวทย์ธรรมดาจะสามารถตรวจจับได้ นี่แสดงว่าเด็กที่กล้าหาญคนนี้มีคุณสมบัติของนักเวทย์ เขามีโอกาสที่จะกลายเป็นนักเวทย์ในอนาคต!

“โคล กลับมานี่!”

เมื่อเมอร์ลินสงสัยว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น จากนั้นหญิงสาวสวยคนหนึ่งซึ่งสวมชุดยาวของชนชั้นสูงก็เข้ามา เธอเลิกคิ้วมองเมอร์ลินอย่างไม่เต็มใจ ถึงกระนั้น นางก็ยกกระโปรงขึ้นเล็กน้อย โค้งคำนับและกล่าวว่า

“ยินดีต้อนรับกลับมา ท่านไวเคานต์!”

“เมซี่ส์? นี่น้องใช่ไหม?”

เมอร์ลินยังคงจำเมซี่ส์ จากใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ได้ไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเมซี่ส์ที่ ‘กล้าหาญ’ ในตอนนั้นกับเมซี่ส์คนปัจจุบันได้กลายเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ เธอยังเริ่มเรียกเมอร์ลินว่า ‘ท่านไวเคานต์’ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในอดีต

“เจ้าตัวเล็กต้องเป็นโคล เขาเหมือนกับยาเกซมาก!”

ก่อนหน้านี้ เมอร์ลินก็ได้ยินจากเลห์แมนว่าเมซี่ส์จะแต่งงานกับยาเกซ แต่เมอร์ลินกลับติดปัญหาที่เมืองโฟลตติ้ง ดังนั้นเขาจึงไม่กลับมาร่วมงานแต่งของเมซี่ส์ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าครั้งต่อไปที่เขากลับมา เขาจะได้เห็นลูกของเมซี่ส์ที่โตขึ้น

นอกจากนี้ การปรากฏตัวของโคลตัวน้อยยังคล้ายกับยาเกซ อัศวินหนุ่มผู้ซื่อสัตย์

เมอร์ลินมองไปที่บ้านซึ่งเต็มไปด้วยทั้งใบหน้าที่คุ้นเคยและใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและอารมณ์ก็ปะทุขึ้นในหัวใจของเขา ตระกูลวิลสันทั้งหมดมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริง การเปลี่ยนแปลงในตระกูลกลุ่มจะต้องมากกว่านี้ เมอร์ลินจะต้องทำความคุ้นเคยกับพวกเขาทั้งหมดอย่างช้า ๆ ในอนาคต

“เมอร์ลิน ท่านผู้เฒ่างูรู้ว่าลูกกลับมาแล้ว ท่านรอลูกอยู่ข้างในปราสาท ท่านถูกส่งมาจากองค์ชายแปดเพื่อปกป้องปราสาทวิลสันในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ลูกต้องขอบคุณเขาเช่นกัน…”

ตอนแรกเมอร์ลินต้องการพูดคุยกับคนอื่น ๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในปราสาทวิลสัน เขาต้องการทราบเหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้

แน่นอนว่าเขาจะต้องไปพบ ‘ท่านผู้เฒ่างู’ ผู้ลึกลับคนนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด