ตอนที่แล้ว330 - ร่องรอยของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป332 - เต่าหยก

331 - มังกรที่แท้จริงลากโลงศพ


กำลังโหลดไฟล์

331 - มังกรที่แท้จริงลากโลงศพ

เสาศิลาที่สองบันทึกประวัติศาสตร์ของศิลปะต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยโบราณ มีปรมาจารย์ต้นกำเนิดเพียงห้าคนในภาคเหนือ และพวกเขาได้รับพรสวรรค์ที่ถูกถ่ายทอดทางสายเลือด

บนเสาหินที่สามมีบันทึกบางประเด็นที่น่ากังวลที่สุดของเย่ฟ่านซึ่งบรรยายวิธีการออกจากที่นี่และมันแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขา

เพราะบรรพบุรุษรุ่นที่สี่บอกว่าการจะออกจากที่นี่ต้องพึ่งพาพลังงานจากต้นกำเนิดสวรรค์และเย่ฟ่านไม่มีต้นกำเนิดสวรรค์แม้แต่ชิ้นเดียว

โชคดียังมีวิธีหนึ่งที่สามารถออกจากที่นี่ด้วยเช่นกันซึ่งมันถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเย่ฟ่านเห็นได้ชัดว่าวิธีการนี้ยากที่จะทำให้สำเร็จได้

บรรพบุรุษปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ได้เตือนคนรุ่นหลังอย่างเคร่งขรึมว่าวิธีการออกจากที่นี่ก็คือต้องเข้าสู่ใจกลางของอาณาเขตป่าสนแห่งนี้ที่แม้แต่ประมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะตายได้ง่ายๆ

เย่ฟ่านสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ แม้ว่าพื้นที่ใจกลางอาณาเขตนี้จะถูกบรรพบุรุษรุ่นที่สี่ทำลายไปแล้วบางส่วนแต่ก็ยังอันตรายเป็นอย่างมาก เขาได้แต่จ้องมองเสาหินนั้นด้วยสีหน้าสิ้นหวัง

การแก้ไขอาณาเขตที่บิดเบี้ยวนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยฝีมือของมนุษย์เช่นเขา กฎแห่งสวรรค์และปฐพีที่นั่นรุนแรงเป็นอย่างมากไม่อาจแตะต้องได้นี่คือคำตักเตือนของบรรพบุรุษรุ่นที่สี่

เสาหินที่สามเป็นคำพูดคลุมเครือ เย่ฟ่านคาดเดาอย่างรอบคอบและพอจะเข้าใจได้ว่านั่นเป็นคำบอกเล่าถึงสถานที่บางอย่าง

"มันเป็นหลุมศพของราชาอมตะโบราณ ......"

เย่ฟ่านครุ่นคิดอย่างเงียบๆและยืนเป็นเวลานาน ใต้ดินนั้นน่ากลัวจริงๆ บรรพบุรุษรุ่นที่สี่ไม่ได้บอกวิธีการออกจากที่นี่ซึ่งสามารถใช้ได้สำหรับเขา

เมื่อไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งเย่ฟ่านก็มาถึงเสาหินที่สี่ ถ้อยคำบนเสาหินนี้มีขนาดเล็กและถูกเขียนไว้อย่างมากมาย

สิ่งที่ถูกเขียนอยู่บนเสาต้นนี้เป็นของล้ำค่าที่สุดสำหรับเย่ฟ่านเพราะมันคือความเข้าใจเกี่ยวกับตำราต้นกำเนิดสวรรค์ของบรรพบุรุษรุ่นสี่!

เย่ฟ่านอ่านคำต่อคำ นึกในใจอย่างเงียบๆเพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรบางอย่างไป

ข้อความนี้ลึกซึ้ง เข้าใจยาก และมีบางคำที่เย่ฟ่านไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ

สุดท้ายแล้วเย่ฟ่านไม่สามารถทำความเข้าใจได้ทั้งหมดเขาจึงได้แต่คัดลอกมันลงไปในตำราต้นกำเนิดสวรรค์เท่านั้น

เมื่อเขาคัดลอกเนื้อหาทั้งหมดแล้วแสงสีเงินที่ปลดปล่อยออกมาจากตำราต้นกำเนิดสวรรค์ก็ทำลายอักขระทั้งหมดที่อยู่บนต้นเสาให้กลายเป็นฝุ่นละอองภายใต้ความตกตะลึงของเย่ฟ่าน

“บรรพบุรุษรุ่นที่สี่เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง เนื้อหาที่เขาทิ้งไว้สามารถเพิ่มเติมลงในตำราต้นกำเนิดสวรรค์ได้ถึงเก้าหน้า” เย่ฟ่านถอนหายใจ

หลังจากดูเสาหินทั้งสี่แล้วเย่ฟ่านก็มีความสงสัยในใจว่าทำไมบรรพบุรุษรุ่นที่สี่มาที่นี่

ภายในศาลามีโต๊ะหินและเสาหินสี่เสาซึ่งมีความซับซ้อนตามกาลเวลา

อย่างไรก็ตามแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วแต่ภายในศาลานี้ยังคงสะอาดสะอ้านไม่มีฝุ่นละอองแม้แต่น้อย เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าและเห็นตัวอักษรเล็กๆถูกสลักไว้บนโต๊ะหิน

บรรพบุรุษรุ่นที่สี่แม้ว่าจะมีอายุมากแต่เขาก็ต้องการเข้าสู่เหมืองโบราณต้นกำเนิดเพื่อต่ออายุของตัวเอง

"ไม่มีทาง ......"

เย่ฟ่านไม่เข้าใจ เขาคิดว่าการจะต่อชีวิตของตัวเองด้วยการเข้าสู่เหมืองโบราณต้นกำเนิดแห่งนี้มันเป็นเพียงการขุดหลุมฝังศพตัวเองเท่านั้น

ที่นี่เป็นแดนมรณะอย่างแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะค้นหาโอกาสในการรอดชีวิตที่นี่?

เขาอ่านอย่างระมัดระวังค่อยๆเข้าใจชะตากรรมของบรรพบุรุษรุ่นที่สี่อย่างช้าๆ

“บรรพบุรุษรุ่นสี่พักอยู่ที่นี่หรือ”

เย่ฟ่านมองทั้งสี่ทิศทางแต่แน่นอนว่าย่อมไม่มีสิ่งผิดปกติอะไรเกิดขึ้น ป่าสนเงียบสงัด แสงจันทร์ขาวนวล ธารน้ำใส ไม่มีหลุมฝังศพของใครทั้งสิ้น

เย่ฟ่านยืนอยู่ในศาลาครู่หนึ่งแล้วก้าวไปข้างหน้า หลังจากเดินออกจากศาลา ตำราต้นกำเนิดสวรรค์สวรรค์ในมือของเขาก็ส่งเสียงกระทบกันอีกครั้ง มีแสงสาดส่องออกไป

เย่ฟ่านเข้าใจแล้วว่าทั้งศาลาโบราณและเส้นทางนี้สงวนไว้ให้ทายาทของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์เท่านั้น

จุดจบของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์คืออะไรกันแน่ การเปลี่ยนแปลงในช่วงท้ายหลังจากเรียนรู้ตำราต้นกำเนิดสวรรค์อันตรายมากแค่ไหน บางทีอาจมีคำตอบอยู่ข้างหน้า

“ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์สวรรค์ บางทีเขาอาจจะขุดสิ่งที่ไม่ควรถูกขุดออกมามากเกินไปดังนั้นจึงถูกสวรรค์ลงโทษ” เย่ฟ่านพูดกับตัวเอง

ในอนาคตเขาอาจจะกลายเป็นปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ด้วย ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจเกี่ยวกับชะตากรรมช่วงท้ายของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ทุกคนซึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นกับเขาด้วย

เมื่อเดินผ่านป่าเย่ฟ่านไม่พบอันตรายใดๆ แสงสีเงินยังคงชักนำให้เขาเดินเข้าสู่ส่วนลึกของป่า

“บรรพบุรุษรุ่นที่สี่มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันแน่ แต่คิดว่าคงไม่เป็นรองปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นอย่างแน่นอน”

เย่ฟ่านชื่นชมอย่างสุดซึ้ง บรรพบุรุษผู้นี้มีความโดดเด่นมาก แม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์โบราณและจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เซี่ยก็ยังเสียชีวิตอยู่ที่นี่ แต่บรรพบุรุษรุ่นสี่กลับสามารถค้นหาเส้นทางแห่งการมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

ในแง่ของพลังการต่อสู้ บรรพบุรุษรุ่นสี่อาจไม่สามารถเปรียบเทียบกับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น แต่การเข้าสู่สถานที่ที่สิ้นหวังเช่นนี้แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่สามารถเทียบกับเขา

“บรรพบุรุษรุ่นสี่สามารถหลบหนีออกจากที่นี่ได้หรือไม่ หากเขาทำได้แล้วข้าต้องทำอย่างไร?”

เย่ฟ่านต้องการเห็นชะตากรรมสุดท้ายของบรรพบุรุษรุ่นที่สี่ แต่ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องการออกไปจากที่นี่

ป่าแห่งนี้แม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์และจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังออกไปไม่ได้ดังนั้นความหวังในการรอดชีวิตของเขาจึงขึ้นอยู่กับความรู้ที่บรรพบุรุษรุ่นสี่ทิ้งไว้

หลังจากเดินทางกว่าสองสามลี้ เย่ฟ่านพบอาคารที่ทรุดโทรมสามหลังซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก มันมีลักษณะคล้ายกับวิหารที่เขาเห็นในตอนแรก ทั้งหมดนั้นเก่าแก่มากและเกือบจะพังทลายได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

ความจริงที่ว่าพวกมันไม่ได้ล้มลงหลังจากผ่านไปหลายปีก็แสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของมันแล้ว

เย่ฟ่านเชื่อว่าวิหารพวกนี้จะต้องถูกสลักไว้ด้วยอักขระเต๋าบางอย่างเพื่อให้พวกมันสามารถดำรงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้

อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านเพียงแค่มองและไม่เดินเข้าไป ตอนนี้เขาเดินตามเส้นทางที่ตำราต้นกำเนิดสวรรค์ชี้นำโดยไม่กล้าออกจากเส้นทางเพื่อพบความเสี่ยงอย่างอื่น

ตำราต้นกำเนิดสวรรค์ในมือของเขานั้นเปรียบเสมือนเปลวเทียนที่ถูกจุดขึ้นในความมืด นี่เป็นความหวังเดียวในชีวิตของเขา หากเขาทำโดยประมาทเขาอาจจะต้องตายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ผ่านไปอีกสี่ลี้ก็มีอาคารหลังใหญ่ที่ขวางทางอยู่ ตำราต้นกำเนิดสวรรค์ชี้ไปที่อาคารนี้นั่นเอง

วิหารโบราณมีขนาดใหญ่มากแม้แต่ต้นสนที่สูงเสียดฟ้าก็ยังไม่สามารถปิดบังได้ อย่างไรก็ตามแสงจันทร์สีเงินที่สาดส่องลงมาไม่ได้ทำให้มันดูศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อยแต่กลับดูมืดมนแทน

ประตูด้านหน้าวิหารเปิดค้างไว้และข้างในนั้นก็มืดสนิทมองไม่เห็นอะไรราวกับว่ามันถูกเชื่อมต่อกับขุมนรก

“บรรพบุรุษรุ่นที่สี่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่หรือไม่?”

เย่ฟ่านรู้สึกเสมอว่าสิ่งมหัศจรรย์นี้ค่อนข้างน่ากลัว มันมืดเกินไป เขาไม่รู้ว่าการเข้าไปในนั้นจะมีอันตรายอะไรพี่รออยู่

“ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็ควรเข้าไปข้างใน เพราะที่ด้านนอกไม่มีความหวังอะไรอยู่แล้ว” เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าโดยไม่มีความลังเลอีกต่อไป

หลังจากที่เย่ฟ่านเดินเข้าไปในวิหารก็พบกับขั้นบันไดหลายร้อยขั้น และที่ขั้นบันไดนั้นดูเหมือนจะสลักไว้ด้วยอักขระเต๋าที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก

"มีบันทึกอีกแล้ว "

เย่ฟ่านประหลาดใจในทันที ไม่ว่าจะเป็นที่ด้านหน้าของสุสานมังกรไฟและป่าสนแห่งนี้ล้วนแล้วแต่มีอักขระเต๋าที่ถูกสลักไว้

นอกจากนี้ยังมีบันทึกย่อบางส่วนจากบรรพบุรุษรุ่นที่สี่และมีสัญลักษณ์ที่ไม่สามารถเข้าใจได้มากมาย

และที่น่าตกใจมากกว่านั้นคืออักขระพวกนี้มีความคุ้นเคยต่อเขาเป็นอย่างมาก! เย่ฟ่านคล้ายกับนึกถึงอะไรบางอย่างและเขารีบหันกลับไปมองด้านหลังทันที

สันเขาเตี้ยๆที่อยู่ในป่าสนแห่งนี้เชื่อมต่อกันคล้ายกับโซ่เหล็กขนาดใหญ่ เย่ฟ่านมองดูป่าสนทั้งหมดและค่อนข้างมั่นใจว่านี่คือโลงศพ โลงศพที่ดูคุ้นตาอย่างยิ่ง!

ใบหน้าของเย่ฟ่านเปลี่ยนสีในทันที ในตอนแรกอักขระเต๋าที่ถูกสลักอยู่บนพื้นก็ทำให้เขาตกตะลึงมากพอแล้ว

ใช่! เขามีความคุ้นเคยต่อโลงศพนี้ มันมีความคล้ายคลึงกับโลงศพทองแดงที่พาเขามายังโลกใบนี้นั่นเอง!

แม้ว่ามันจะไม่ใช่ชิ้นเดียวกันแต่ก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด