ตอนที่แล้วตอนที่ 73+74 คุณนายจ้าว คุณนายเจียง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 77+78 การหย่าร้าง

ตอนที่ 75+76 ทำความรู้จัก


กำลังโหลดไฟล์

“นี่ หยุดบ่นลูกได้แล้ว” พ่อเจียงหัวเราะเสียงดัง หลังจากถามเจียงเหยาว่าจะอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันไหม เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเศร้าใจ เมื่อเจียงเหยาบอกว่าเธอต้องกลับแล้ว

“จะพูดก็พูดไป พ่อน่ะคิดว่าลูกแต่งงานเร็วเกินไป อายุยังไม่ครบยี่สิบเลยก็มีครอบครัวใหม่ซะแล้ว”

เจียงเหยารีบกลับไปยังบ้านตระกูลลู่หลังจากที่แวะไปเยี่ยมบ้านตระกูลเจียง วันนี้แม่ลู่เลิกงานเร็ว เมื่อพบเจียงเหยา เธอจึงรีบถามถึงจุดประสงค์ที่ลู่อี้ชิงมาหาเธอ เจียงเหยาแอบคิดไปเองว่าลู่อี้ชิงคงอยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

เจียงเหยาจึงหาข้อแก้ตัวไปแบบส่ง ๆ เพื่อให้เรื่องนี้จบลง ขณะที่เธอช่วยแม่ลู่เตรียมอาหารเย็น เธอได้ถามเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนของลู่ชิงสี

“แม่คะ ชิงสีเขามีเพื่อนสนิทที่จินโดหรือเปล่าคะ? หนูจำเพื่อนเขาที่มาร่วมงานแต่งของเราได้” พูดตามตรงเจียงเหยาตอนนั้นจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หรือแขกที่มาร่วมงานเป็นใครบ้าง เธอไม่สนใจเรื่องราวของลู่ชิงสีเลย ตอนนี้เธอกลับอยากจะรู้เรื่องของเขาให้มากขึ้น

เป็นเรื่องที่หาได้ยากเสียเหลือเกินที่เจียงเหยาจะถามเธอเกี่ยวกับเรื่องของลู่ชิงสี แม่ลู่ชำเลืองมองเจียงเหยาด้วยความสับสน ปนขบขัน จากนั้นเธอก็หัวเราะพร้อมกับหยอกเย้า “ช่วงนี้ชักจะอยากรู้เรื่องชิงสีมากขึ้นนะ จากที่แม่เห็น ตั้งแต่เขากลับไปกองทัพก็คงจะคิดถึงเขาทุกวินาทีล่ะสิ ถ้าไม่ติดว่าจะต้องไปเรียน ลูกคงคิดจะตามเขาไปที่กองทัพด้วยใช่ไหมล่ะ”

เจียงเหยาไม่รู้สึกเขินอายหลังจากถูกหยอกเย้า เธอยิ้มและยอมรับ

“ก็เขาเป็นสามีหนูนี่คะ หนูก็ต้องคิดถึงเขาอยู่แล้วค่ะ  เออแม่คะ วันหยุดวันชาติหนูไม่ได้กลับบ้านนะคะ ชิงสีเขาให้หนูไปหาเขาที่กองทัพ”

“ได้ ได้ ไปเถอะ” แม่ลู่หัวเราะเบา ๆ แล้วเสริมว่า

“ที่จินโด ชิงสีเขามีเพื่อนสนิทไม่กี่คนหรอก ถ้าเรียงจากอายุล่ะก็ คนโตชื่อเหลียงเยวี่ยจือ เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย คนที่สองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมหรืออะไรสักอย่างนี่ล่ะ เขาอยู่ที่ต่างประเทศ ชิงสีเป็นคนที่สาม คนที่สี่ชื่อเฉินซวีเหยา เขาอยู่ในวงการอุตสาหกรรมสื่อ คนสุดท้องชื่อ โจวเหวยฉี เป็นสถาปนิก แต่ละคนก็มีชื่อเสียงในวงการของเขา คนพวกนี้ล้วนมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลในจินโด พวกเขามางานแต่งงานของลูกด้วยนะ”

เจียงเหยาจำหน้าตาของพวกเขาไม่ได้ แต่เธอคิดว่าคนกลุ่มนี้คงเป็นที่รู้จักในจินโด

“ใช่แล้ว ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งชื่อหลัวเหลาหรุน เป็นคนสวยมากเชียวล่ะ แม่คิดว่าเธอกับเพื่อนอีกคนน่าจะเป็นแฟนกัน ผมเห็นว่าพวกเขาสนิทกันมากและเขาก็ดูแลผู้หญิงคนนั้นอย่างดีด้วยล่ะ ไม่แน่ใจว่าแม่ดูผิดไปหรือเปล่า เพราะชิงสีเองก็ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย” แม่ลู่เริ่มพูดถึงเพื่อนของลู่ชิงสี เธอรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าเจียงเหยาตั้งใจฟังอย่างกระตือรือร้น หลังจากเธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับเพื่อน ๆ ของลู่ชิงสีแล้ว เธอก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับลู่ชิงสีตั้งแต่วัยเด็กจนถึงตอนเรียนมหาวิทยาลัย ให้กับเจียงเหยาฟัง

สำหรับเจียงเหยาแล้ว การได้รู้เกี่ยวกับเรื่องของลู่ชิงสี ถือเป็นเรื่องใหม่ของเธอ เธอคิดว่าผิวสีคล้ำของลู่ชิงสีเป็นมาตั้งแต่เกิดเสียอีก เขาเงียบและเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ เขาแทบไม่ร้องไห้ ไม่โกรธเคือง และไม่หัวเราะมากนัก แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาเป็นตัวสร้างปัญหาและน่ากลัวกว่าเด็กคนอื่น ๆ เสียอีก

เจียงเหยาไม่รู้ว่าลู่อี้ชิงกำลังเตรียมจัดการกับเรื่องที่จ้าวจวนซ่งนอกใจอย่างไร เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วเวลาที่จะต้องไปลงทะเบียนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของเธอก็ใกล้เข้ามาแล้ว

เธอกับเจียงเล่ยเข้าไปในเมื่อ เพื่อหาซื้อกระเป๋าเดินทางและรับตั๋วรถไฟ

__

ขณะที่พี่น้องทั้งสองคนอยู่ในแหล่งช้อปปิ้งในตัวเมือง เจียงเหยาไม่คิดว่าจะได้พบกับลู่อี้ชิงที่นั่งเหม่ออยู่ในร้านกาแฟข้างร้านหนังสือเพียงลำพัง เธอดูราวกับร่างไร้วิญญาณ สายตาว่างเปล่าจ้องมองออกไปไกล

เจียงเหยาสะกิดเจียงเล่ย และบอกเขา “นี่พี่ ไปได้แล้ว ไม่ก็กลับบ้านไปก่อนฉันเลย ฉันจะไปทักทายพี่อี้ชิงสักหน่อย” โดยไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม เธอผลักประตูร้านกาแฟเข้าไป แล้วหยุดเดิน ก่อนจะหันไปมองพี่ชายของเธอ “ถ้าแม่สามีของฉันถามว่าฉันไปไหน ก็บอกแค่ว่าฉันเจอเข้ากับพี่อี้ชิง และอยู่คุยกับเธอก็พอ”

จากนั้นเจียงเหยาก็เดินตรงเข้าไปและยืนอยู่ข้างลู่อี้ชิงอย่างเงียบ ๆ เธอก้มลงและพูดเบา ๆ “พี่ ฉันเองค่ะ!”

ลู่อี้ชิงแปลกใจเล็กน้อย เธอใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนที่สติจะคืนกลับมา และตอบสนองการเรียกของเจียงเหยา

นาทีต่อมาที่เธอเห็นเจียงเหยา เธอยืนขึ้นแล้วกอดเจียงเหยาทันที เธอร้องไห้ออกมาเสียงดัง โดยวางศีรษะไว้บนไหล่ของเจียงเหยา

“เสี่ยวเหยา ฉันควรทำยังไงดี? บอกฉันที ว่าฉันควรทำยังไงดี?” ลู่อี้ชิงทรุดตัวลงและโหยหวนอย่างสิ้นหวัง เธอไม่รู้จะปรับทุกข์กับใคร เธอไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ เพราะกลัวว่าพวกท่านจะเป็นห่วง

“พี่อี้ชิง เกิดอะไรขึ้น” เจียงเหยาตื่นตระหนกเล็กน้อย เมื่อเห็นลู่อี้ชิงกอดเธอแน่น มือของเธอค้างอยู่กลางอากาศ ไม่รู้ว่าควรวางมันไว้ที่ตรงไหน ในที่สุดเธอก็ตบไหล่ของลู่อี้ชิงเบา ๆ พยายามทำให้เธอผ่อนคลายให้ได้มากที่สุด

“ฉันจ้างนักสืบเอกสารติดตามจ้าวจวนซ่ง และได้รู้ว่าที่เขาบอกฉันว่าทำงานล่วงเวลาจนถึงเที่ยงคืน จริง ๆ แล้วเขาไปอยู่ที่บ้านของผู้หญิงคนนั้น! ฉันได้แต่โง่รอเขาจึงถึงเที่ยงมาโดยตลอด ฉันทำอาหารเย็นให้เขาด้วย ทุกครั้งที่เขากลับมาบ้าน เขาก็มักจะทำตัวร่าเริง มีความสุขทุกครั้ง แต่ความจริงก็คือ เขาเพิ่งออกมาจากอ้อมกอดของผู้หญิงคนนั้น! จ้าวจวนซ่ง คนเลว! เขาทำแบบนั้นได้ยังไง! เขาทำอย่างนั้นกับฉันได้ยังไงกัน” ลู่อี้ชิงร้องไห้คร่ำครวญ ทั้งเสียใจและโกรธเคือง

“เมื่อวานฉันไปที่บ้านของเขา แม่สามีของฉันก็เริ่มพูดเรื่องลูกอีกแล้ว ไอ้เลวนั่น บอกว่าเขาวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว เขาจะรับเลี้ยงลูกบุตรธรรม เขาบอกว่าไม่ถึงสองเดือนก็คงหาเด็กได้ เธอรู้อะไรไหม? แม่สามีของฉันยอมรับด้วยล่ะ! เหอ สองเดือนนั่นก็คือวันครบกำหนดคลอดของผู้หญิงคนนั้น! เขากำลังวางแผนที่จะพาลูกนอกสมรสของเขากับผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน และยังหวังให้ฉันช่วยเลี้ยงลูกชายของเขาอีก เห็นว่าลู่อี้ชิงคนนี้โง่ขนาดไหนกัน! ทำไมโลกนี้ถึงได้มีคนโหดร้ายขนาดนี้อยู่ด้วย? ฉันทำผิดอะไรกับพวกเขา? ทำไมเขาถึงทำกับฉันได้ขนาดนี้ ทำไมกัน!”

ยิ่งลู่อี้ชิงพูดรายละเอียดให้เธอฟังมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเสียใจและเศร้าโศกมากขึ้นเท่านั้น

“เห็น ๆ กันอยู่ว่าสามีของฉันรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด พวกเขาทั้งหมดต่างรู้เรื่องนี้ดี บางทีพวกเขาคงรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นได้ลูกชาย ฉันเองก็สงสัยว่าทำไมเมื่อวานเขาต้องพาฉันกลับไปเยี่ยมบ้านด้วย คงอยากจะแสดงให้รู้ว่าเขาอยากได้ลูก และเล่นละครว่าจะรับเลี้ยงลูกบุตรธรรม ต่อหน้าฉันล่ะสิ เขาหวังให้ฉันดูแลลูกหลานให้พวกเขาสินะ หึ เด็กนั่นเกี่ยวอะไรกับฉัน! พวกเขาคิดว่าฉันเป็นตัวอะไรในตระกูลจ้าว? เป็นคนรับใช้ของพวกเขา? พี่เลี้ยงเด็ก? หรือคิดว่าฉันโง่ หลอกได้ง่าย ๆ”

“อี้ชิง จ้าวจวนซ่งนั่นมันขยะจริง ๆ” เจียงเหยาสบถออกมาอย่างไม่สบายใจ

“เขาไม่คู่ควรกับน้ำตาและความเสียใจของพี่”

“เสี่ยวเหยา ฉันสมเพชตัวเองจริง ๆ เธอคิดว่าฉันควรทำยังไงดี? ฉันควรหย่าไหม? ถ้าทำแบบนั้น ความฝันที่จะได้อยู่กับคนรักไปจนแก่เฒ่าคงจะไม่เป็นจริงแล้วล่ะสิ? บ้าเอ้ย ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาแทนฉันแล้วใช่ไหม? ไม่ มันไม่ยุติธรรมเลย! ไม่ยุติธรรมเลย!”

ใบหน้าของลู่อี้ชิงเปื้อนไปด้วยน้ำตา เป็นภาพที่น่าสมเพชที่สุดที่ได้เห็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและเชื่อมั่นในตัวเองหลั่งน้ำตาออกมามากมายขนาดนี้ในตอนนี้

“อี้ชิง คิดดี ๆ ถ้าพี่ไม่ทิ้งเขา นั่นไม่เท่ากับว่าพี่กำลังทำร้ายตัวเองอยู่หรอกหรือ? ทำไมพี่ถึงต้องการทำให้ชีวิตตัวเองอนาถและน่าสมเพชด้วย? พี่คิดว่าการอยู่กับเขาต่อไปและแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ เป็นวิธีที่สุดแล้วเหรอ พี่จะมีความสุขเหรอ? พี่ต้องการเป็นฝ่ายแพ้ให้กับพวกเขาเหรอ? ถ้าพี่เลือกแบบนั้น ฉันก็ต้องบอกว่าฉันผิดหวังในตัวพี่มาก พี่กำลังยอมแพ้ให้กับช่วงเวลาสำคัญของตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือนั่นมันชีวิตของพี่ อี้ชิง พี่เป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก ถ้าไม่มีจ้าวจวนซ่ง ก็มีผู้ชายอีกมากมายที่คุ้มค่ากับความพยายามของพี่” เจียงเหยาเกลี้ยกล่อม

ในความคิดของเธอ

เธอรู้ว่านี่เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนต่างไม่ยอมแพ้ เพราะในใจของพวกเขา คิดไปว่านั่นคือขั้นตอนของการยอมแพ้

 

2 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด