ตอนที่ 1095-1096 จะไปกับผมไหม
เหมาเยซื่อหยุดรถและเอื้อมมือไปจับมือของเธอเบา ๆ และปลอบโยนเธอ
“ถ้าเป็นคนอื่น ผมไม่สามารถรับประกันความสำเร็จได้หรอกและไม่สามารถรับประกันว่าจะไม่เกิดความเสี่ยง แต่ผมจะทำการผ่าตัดด้วยตัวเอง ผมสัญญากับคุณว่าจะไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงใด ๆ”
“ผมจะทำให้เฉินเฉินกลับมาเป็นคนปกติให้ได้ ที่รัก เชื่อผมนะ”
ความวิตกกังวลของเฉียวเมียนเมียนค่อย ๆ หายไปภายใต้คำสัญญาที่มั่นคงของเขา
เธอเชื่อใจเขา
ถ้าเขาบอกว่าไม่มีปัญหา ก็ต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
เฉียวเมียนเมียนรู้สึกดีขึ้นมาก เมื่อเธอคิดว่าเฉียวเฉินจะกลายเป็นเหมือนคนปกติและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอาการโรคหัวใจอีกต่อไป
เธอมองชายข้าง ๆ เธอและยิ้มอย่างมีความสุข “ค่ะ เหมาเยซื่อ ฉันเชื่อคุณ”
...
สองนาทีต่อมา
รถของเหมาเยซื่อหยุดอยู่ที่ทางเข้าโรงเรียนมัยธม
เฉียวเฉินจำรถของเขาได้
เขาเดินไปหาทันที่ที่รถเคลื่อนตัวเข้ามา
เมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้ามา เฉียวเมียนเมียนลดหน้าต่างลงและโบกมือให้กับเขา
“เฉินเฉิน ขึ้นรถ”
หลังจากเฉียวเฉินขึ้นรถ เขาทักทายพี่สาวและพี่เขย
เหมาเยซื่อตอบอย่างอ่อนโยน “พี่สาวของนายกับฉันยังไม่ได้คิดกันเลยว่าจะกินอะไรดี ถ้านายอยากจะกินอะไรก็บอกพวกเรา”
โรงเรียนมัธยมปลายที่เฉียวเฉินเรียนเป็นโรงเรียนประจำ
นอกจากวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว นักเรียนมักจะอยู่ที่โรงเรียน
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงเรียนระหว่างที่เขาอยู่ที่นั่น
เขามักจะกินอาหารที่โรงอาหาร แม้ว่าอาหารของโรงอาหารจะไม่ได้แย่นัก แต่ต้องกินทุกวัน ก็รู้สึกเบื่อได้เหมือนกัน
ในที่สุดวันนี้เขาก็สามารถกินอาหารข้างนอกได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่พิธีรีตรองอะไรกับพี่สาวและพี่เขย เขาบอกเรื่องร้านปิ้งย่างที่อยากจะไป แต่ไม่เคยจะได้ไป
เพราะค่าอาหารของร้านปิ้งย่างที่นั่นค่อนข้างสูงสำหรับคนส่วนใหญ่
แต่สำหรับเหมาเยซื่อแล้ว มันไม่ใช่รายจ่ายที่สูงอะไร
เขาไม่สนใจร้านปิ้งย่าง เพราะเขาคิดว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ
แต่เป็นเพราะน้องเขยของเขาอยากกิน ไม่ว่าเขาจะไม่ชอบเท่าไหร่ เขาก็ต้องพาพวกเขาพี่น้องไปอยู่ดี
หลังจากตกลงเรื่องสถานที่ได้เลย เขากำลังจะขอให้เว่ยเจิ้งจองโต๊ะล่วงหน้า คุณผู้หญิงเหมาก็โทรเข้ามาเสียก่อน
เหมาเยซื่อรับสายสักครู่ หลังจากวางสาย เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “คืนนี้ผมอาจไปร้านปิ้งย่างด้วยไม่ได้แล้วนะ ไว้วันอื่นก็แล้วกัน”
เฉียวเฉินกล่าวขึ้น “พี่เขย ถ้าพี่มีธุระ เราค่อยไปกินเนื้อย่างกันวันอื่นก็ได้ครับ”
พี่เขยของเขาเป็นคนที่ยุ่งและมีงานรัดตัว
เขาต้องจัดลำดับความสำคัญกับอาชีพของเขาก่อนอยู่แล้ว
เขาเข้าใจดี!
“เกิดอะไรขึ้นคะ?” เฉียวเมียนเมียนยังคิดว่าเขาเจอปัญหากับงาน “ถ้าคุณมีงานด่วน ไปทำงานก่อนก็ได้ค่ะ เย็นนี้ฉันกับเฉินเฉินไปกินกันสองคนก็ได้”
“ไม่เกี่ยวกับงาน”
เหมาเยซื่อ มองเฉียวเฉินผ่านกระจกมองหลังและพูดว่า
“แม่โทรมาน่ะ เธอขอให้ผมกลับไปทานข้าวที่บ้าน เธอบอกว่าคุณย่าไม่ได้เจอผมหลายวันแล้ว ท่านคิดถึง”
เฉียวเมียนเมียนเงียบไป
เมื่อกล่าวถึงคุณผู้หญิงเหมา เธอนึกถึงความทรงจำที่ไม่มีความสุขนัก
เหมาเยซื่อรู้ว่าคุณผู้หญิงเหมาได้ทำบางอย่างกับเฉียวเมียนเมียน ทำให้ภรรยาของเขาทุกข์ใจมากมาย
เขามองไปที่เฉียวเมียนเมียนอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะพูดว่า “คุณอยากจะไปกับผมไหม คุณย่าไม่ได้คุณมาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อกี้เธอถามถึงคุณทางโทรศัพท์ด้วย”
เขารู้ว่าเฉียวเมียนเมียนเองก็ชอบคุณผู้หญิงเหมาอาวุโสเช่นกัน เขาจึงชวนเธอไปด้วย
อย่างที่คิดไว้ เฉียวเมียนเมียนกล่าวออกมาในที่สุด “ฉันเองก็ไม่ได้พบหน้าคุณย่ามาพักหนึ่งแล้ว ฉันเองก็คิดถึงท่านเหมือนกันค่ะ ถ้าฉันกลับไปกลับคุณ แล้วเฉินเฉิน...”
เฉียวเมียนเมียนทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เฉียวเฉินอยู่คนเดียว
“พี่สาว ไม่ต้องกังวลผม พี่ไปกับพี่เขยเถอะ ผมไปกินคนเดียวได้” เฉียวเฉินกล่าวอย่างรู้งาน
ไม่ว่าเขาจะสนิทกับเฉียวเมียนเมียนแค่ไหน เขารู้ว่าตอนนี้พี่สาวของเขามีครอบครัวแล้ว แตกต่างไปจากเมื่อก่อน
ตอนนี้เธอมีสามีแล้ว เธอต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวของตัวเองก่อน
แต่ยิ่งเขามีเข้าใจและมีเหตุผลมากเท่าไหร่ เฉียวเมียนเมียนก็ยิ่งทนไม่ได้ที่จะทิ้งเขาไว้ตามลำพัง
พี่น้องไม่ได้เจอกันมาระยะหนึ่งแล้ว
พวกเขาเพิ่งพบกัน แต่ก็ต้องจากกันอีกแล้ว
เธอจะทนได้อย่างไร?
เหมาเยซื่อรู้ว่าเธอทนไม่ได้ที่จะทิ้งเฉียวเฉิน เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
“เฉินเฉิน มากับพวกเราก็แล้วกัน พี่สาวของนายกับฉันแต่งงานกันแล้ว ตอนนี้เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน อีกอย่างนายยังไม่เคยไปเจอคนในครอบครัวของฉันเลยนี่”
ท่าท่างของเฉียวเฉินเปลี่ยนไป
“พี่เขย ผมไม่เป็นไร”
เขาประหม่ามาก “พวกพี่ไม่ต้องเป็นห่วงผมจริง ๆ นะ ปกติผมก็อยู่คนเดียว ไม่มีอะไรหรอกฮะ”
เฉียวเฉินกลัวที่จะพบผู้ใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเป็นคนจากฝั่งพี่เขย ทำให้เขายิ่งกลัวไปใหญ่
“ไปด้วยกันนั่นแหละ” เหมาเยซื่อเป็นคนที่บุคลิกแข็ง ๆ อยู่แล้ว เขาจึงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจหรือไม่ “ไม่ช้าไม่เร็ว ก็ต้องเจอกันอยู่ดี ไปตอนนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นไร”
“พี่เขย ผม ผม...” ใบหน้าของเฉียวเฉินซีดเล็กน้อย เขายังอยากจะปฏิเสธ “จริง ๆ แล้วผมไม่ไปก็ได้ครับ อีกอย่างผมก็ยังไม่พร้อม ผม..”
“ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรหรอก” เหมาเยซื่อมองดูท่าทางหวาดกลัวของเขาและยิ้ม
“ก็แค่ทานอาหารเย็นด้วยกันธรรมดา ไม่ต้องห่วง จะกลัวอะไร? ครอบครัวฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาด พวกเขาไม่ทำอะไรนายหรอก”
“ฉันกับพี่สาวของนายก็อยู่ด้วย มีอะไรให้ต้องกลัว”
เฉียวเฉิน “...เปล่าฮะ”
เขาแค่ประหม่าและกลัว
เมื่อพิจารณาถึงความร่ำรวยของพี่เขยของเขาแล้ว ครอบครัวของเขาต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
“พี่สาว ผมต้องไปด้วยไหมฮะ” เฉียวเฉินรู้ว่าตัวเองไม่สามารถปฏิเสธเหมาเยซื่อได้ เขาทำได้เพียงของความช่วยเหลือจากเฉียวเมียนเมียน
เฉียวเมียนเมียนไม่คิดว่าเหมาเยซื่อจะบอกให้เฉียวเฉินไปด้วยกัน
เธอลังเลและถามเบา ๆ “เฉินเฉืน ไปกับพวกเราไหม”
“ไม่มีอะไรเลวร้ายหรอกน่า” เหมาเยซื่อเอื้อมมือไปจับศีรษะของเธอ
“อีกไม่นาน ครอบครัวของเราก็ต้องเจอกันอยู่ดี นี่ก็แค่รับประทานอาหารเย็นด้วยกันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องประหม่าจนเกินไปหรอก ทำตัวตามสบายกว่านี้หน่อยเถอะ”
เฉียวเมียนเมียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ”
เธอหันกลับมาและพูดกับเฉียวเฉิน “เฉินเฉิน ไปด้วยกันก็แล้วกัน”
เฉียวเฉินคร่ำครวญ “พี่สาว...”
เฉียวเมียนเมียนยิ้ม “ไม่ต้องห่วง พี่เขยก็อยู่ด้วย”
อันที่จริงเฉียวเมียนเมียนไม่อยากให้เฉียวเฉินไปเจอกับพวกเขา
สิ่งที่เธอกังวลก็เห็นจะเป็นคุณผู้หญิงเหมาคงจะทำให้เฉียวเฉินไม่มีความสุข
เพราะคุณผู้หญิงเหมาไม่ชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็คงจะไม่ชอบเฉียวเฉินด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเธอที่ต้องทนทุกข์ใจกับคุณผู้หญิงเหมา แต่เธอทนไม่ได้จริง ๆ หากจะปล่อยให้เฉียวเฉินต้องเป็นทุกข์ไปกับเธอด้วย
แต่..เหมาเยซื่อก็พูดถูก