329 - เพื่อนร่วมชะตากรรม
329 - เพื่อนร่วมชะตากรรม
แม้ว่าสิ่งที่เย่ฟ่านเห็นจะเป็นโครงร่างที่คลุมเครือ แต่เขาก็มั่นใจว่าคนทั้งสามที่อยู่ข้างหน้าคือเหยาซี บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง และสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก
เขารู้มานานแล้วว่าทายาททั้งสามคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้มาถึงขอบเหมืองโบราณเพื่อค้นหาศิลาต้นกำเนิดบางอย่าง แต่เขาไม่คาดคิดว่าคนเหล่านี้จะหลงทางอยู่ในเหมืองโบราณเช่นกัน
“สามคนนี้เกือบจะฆ่าพวกเราในเหมืองโบราณ เมื่อข้าเจอกับพวกเขาอีกครั้งพวกเขาจะได้เห็นดีอย่างแน่นอน!” หลี่เต๋อซ่งและเฉินฮวยหยวนต่างก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เย่ฟ่านไม่ได้เปิดเผยความจริงกับพวกเขา เขายังคงวิ่งไปข้างหน้า สิ่งที่ทำให้คนทั้งสามคนหลบหนีด้วยความหวาดกลัวย่อมไม่ใช่อันตรายเล็กน้อย
“ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนพวกเขาดูคุ้นเคยเล็กน้อย”
“พวกเราจะต้องเคยเห็นคนพวกนี้มาก่อนอย่างแน่นอน”
ท้ายที่สุดสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก เหยาซี และบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หลังจากที่พวกเขาวิ่งอยู่ชั่วครู่ในที่สุดพวกเขาก็หยุดเพื่อรอพวกเย่ฟ่าน
เย่ฟ่านเห็นพวกเขาหยุด เขาก็รีบเร่งไปข้างหน้าโดยไม่ชักช้า ไม่นานทั้งสองฝ่ายก็บรรจบกัน
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงแม้ผมเป็นแสงสีทองทั้งร่างกายสว่างไสวแต่เขาไม่ได้มีรอยยิ้มสงบอยู่บนใบหน้าอีกแล้ว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างรุนแรงคล้ายกับว่าสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญหน้าเต็มไปด้วยอันตรายอยู่ตลอดเวลา
เหยาซีสวมใส่ชุดสีขาวแต่ในเวลานี้มันมีรอยเปื้อนอยู่เล็กน้อยทำให้นางขาดความงดงามสูงส่งเหมือนเช่นปกติ
“นักพรตข้าไม่เคยคิดว่าจะพบเจ้าที่นี่ สมควรแล้วที่เจ้าเป็นอาจารย์อาของนักพรตต้วนเต๋อ”
ในครั้งนี้ดูเหมือนเหยาซีจะมีท่าทีอ่อนหวานเล็กน้อย ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมกันดังนั้นการระดมความคิดจะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก
เย่ฟ่านทักทายด้วยท่าทางของนักพรตจากนั้นจึงกล่าวว่า
“นี่เป็นความเข้าใจผิดอย่างสมบูรณ์”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกเงียบงัน และหลังจากนั้นครู่หนึ่งนางก็พูดว่า
"นักพรตเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร"
"มันยากที่จะพูด ......"
ทันใดนั้นเฉินฮวยหยวนและหลี่เต๋อซ่งก็มาถึงและพูดว่า
"พวกเจ้าเป็นใครกัน พวกเจ้าเกือบบังคับให้พวกเราวิ่งหนีเข้าไปในเหมืองโบราณต้นกำเนิดแล้ว"
ทั้งสองคนย่อมไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง เหยาซี สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก แต่ถึงแม้จะรู้ด้วยสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายพวกเขาก็ไม่สนใจอยู่ดี
หลังจากที่สองคนนี้กล่าววาจาพวกเหยาซีต่างก็รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่คือ "ความเข้าใจผิด" ทั้งสองฝ่ายต่างเกรงกลัวกันและกันดังนั้นจึงวิ่งหนีไปคนละทาง
หลังจากที่ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดเหยาซีก็บ่นว่า
"นักพรตเจ้าก็ไร้ยางอายเช่นเดียวกันกับหลานศิษย์ของเจ้า เจ้าจำเราได้แท้ๆแต่ก็ยังวิ่งไล่ตามมาโดยไม่ส่งเสียงทำให้พวกเราหวาดกลัวแทบตาย"
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็กล่าวเพิ่มเติมว่า
“เรื่องนี้ไม่ตลกเลย”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกเปล่งเสียงสวรรค์และกล่าวว่า
"นักพรตเราเกือบจะถูกเจ้าไล่เข้าไปในป่า"
"ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด" เย่ฟ่านเปลี่ยนหัวข้อและถามว่า
“ทำไมพวกเจ้าถึงหลงอยู่ในดินแดนต้องห้ามนี้?”
"แต่เดิมเราอยู่ที่ขอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก แต่ไปๆมาๆพวกเราถูกชักนำเข้าใกล้เหมืองโบราณต้นกำเนิดเข้าเรื่อยๆ "
จากข้อมูลทั้งสาม การเผชิญหน้าของพวกเขาเกือบจะเหมือนกับของเย่ฟ่าน พวกเขาถูกลมสีดำแปลกๆพัดเข้าสู่ดินแดนต้องห้ามหลังจากนั้นพวกเขาก็หาทางออกไม่เจอ
หลังจากรู้ว่าทั้งสามเป็นทายาทของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลี่เต๋อซ่ง และเฉินฮวยหยวนก็ไม่กล้าตะโกน และใบมีดผุก็สงบตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อเข้าใจเหตุผลของกันและกัน คนทั้งเจ็ดก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก น่าแปลกใจที่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะลมประหลาดสีดำ
“นักพรตเจ้าสามารถอยู่รอดได้เป็นเวลานานนั่นแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว” บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงทอดถอนใจชมเชย
“ข้าคิดว่า เราแค่ต้องเดินผ่านทะเลสาบที่เต็มไปด้วยเลือดข้างหน้าพวกเราถึงจะสามารถออกจากดินแดนนี้ได้” ใบมีดผุวิเคราะห์ออกมา
เย่ฟ่านและทายาทดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามพยักหน้า พวกเขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน
หลังจากนั้นคนทั้งเจ็ดเดินไปข้างหน้าเป็นระยะทาง 60 ลี้ และเห็นป่าสนขวางเส้นทางของพวกเขาอย่างน่าประหลาดใจ ป่าสนพลิ้วไหว ธารน้ำใสพร่างพราย จันทร์สะท้อนสายน้ำ ใสสะอาดบริสุทธิ์
เหมืองโบราณต้นกำเนิดเป็นดินแดนแห่งความตายแล้วจะมีป่าอยู่ในนี้ได้อย่างไร?
"มีบางอย่างเรืองแสง ......" ดวงตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงจ้องมองลึกเข้าไปในป่าสน
คนเจ็ดคนเดินเข้าไปในป่าและเห็นแสงแวบวาบจริงๆ มีวัตถุเรืองแสงอยู่ที่นั่น
"นี่คือ ...... โครงกระดูก!"
“คนผู้นี้ต้องมีการฝึกฝนที่น่าอัศจรรย์มาก่อน หลายปีหลังจากความตาย กระดูกของเขายังคงแข็งแกร่งอย่างยิ่งไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย”
"เอ๊ะ มีจี้หยกอยู่ตรงนั้น" เหยาซีมองเห็นจี้หยกถูกทิ้งอยู่ด้านหน้าของซากศพที่นอนอยู่บนพื้น
“นี่คือหนึ่งในขุนนางของจักรวรรดิเซี่ย!” สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกกล่าวด้วยความประหลาดใจ
จี้หยกชนิดนี้มีเพียงเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรเซี่ยเท่านั้นที่สามารถครอบครองได้
พวกเขาไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าไหร่ ราชวงศ์เซี่ยคือราชวงศ์อมตะที่ดำรงอยู่หลายแสนปี การที่พวกเขาจะส่งคนมาสำรวจดินแดนนี้ในบางครั้งก็เป็นเรื่องที่ชอบด้วยเหตุผล
“เขาตายตั้งแต่ยังไม่มีโอกาสเข้าไปในเหมืองโบราณต้นกำเนิด พวกเราต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของเหยาซี
หลังจากนั้นพวกเราก็ออกเดินทางอีกครั้ง โดยที่เย่ฟ่านเป็นผู้นำ
บัซ!
แต่ในทันใดนั้นความรู้สึกแปลกประหลาดก็จู่โจมหัวใจของเย่ฟ่านเขารีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน”
แม้ว่าเขาจะวิ่งนำหน้าแต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของคนทั้งหกที่อยู่ด้านหลังตลอดเวลา แต่เมื่อเสียงดังเมื่อสักครู่ปรากฏขึ้นเขากลับพลัดหลงกับคนอื่นเป็นที่เรียบร้อย
“คนพวกนั้นหายไปไหน”
เย่ฟ่านมีความสงสัยในหัวใจของเขา แต่การยืนเช่นนี้ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเลย ในที่สุดเขาก็หยิบ "ตำราต้นกำเนิดสวรรค์" ออกมาและเลื่อนหาวิธีการแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้านี้
เย่ฟ่านดูเป็นเวลานานจนเหงื่อเย็นเยียบไหลลงมา ในหนังสือไม่ได้มีวิธีการแก้ปัญหาใดๆและมันทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ สุดท้ายแล้วเขายังคงมีความแข็งแกร่งไม่มากพอ ในขณะที่ความเข้าใจในตำราต้นกำเนิดสวรรค์ของเขายังคงตื้นเขินทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาตอนนี้ได้
"ปัง!"
ทันใดนั้นเสียงสั่นสะเทือนดังขึ้นในหัวของเย่ฟ่าน เขารู้สึกเหมือนถูกทุบด้วยค้อนขนาดใหญ่ หูและจมูกของเขามีเลือดไหลออกมาพร้อมกัน และร่างกายของเขาก็ถูกเหวี่ยงออกไปราวกับหุ่นฟาง
"ปัง."
เขาล้มลงกับพื้นทันที ร่างกายของเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง และร่างกายที่มีพลังมากมายมหาศาลของเขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรง
“อะไรโจมตีข้า”
เย่ฟ่านตกตะลึงเตาศักดิ์สิทธิ์หลี่ฮัวถูกนำออกมาตั้งด้านหน้า เย่ฟ่านปลดปล่อยเปลวไฟอันร้อนแรงออกมาเผาผลาญบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเงียบงัน เขาไม่รู้ว่าอะไรที่โจมตีเขา
"บัซ"
มันมาอีกแล้ว!
หูทั้งสองข้างของเขาสั่นสะเทือนแม้แต่ดวงตาก็ยังพร่ามัว แม้แต่ทะเลสีทองแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของก็ยังมีเลือดไหลซึมออกมา
"ไอ้สาระเลว!"
เย่ฟ่านโกรธจัดและจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าอะไรโจมตีเขา