ตอนที่ 71+72 เชื่อเธอ
เมื่อ่ได้ยินความเห็นจากลู่อี้ชิงเกี่ยวกับเจียงเหยาแล้ว ลู่ชิงสีค่อยโล่งใจ
“พี่ ในเมื่อพี่เชื่อในตัวเจียงเหยาแบบนั้น ฉันจะบอกความจริงบางอย่างให้พี่ฟัง พี่สงบสติอารมณ์ก่อนนะ” ลู่ชิงสีเริ่มจะทิ้งระเบิดให้กับเธอ
“เจียงเหยาเขาบอกผมว่า เธอเห็นสามีของพี่กับผู้ช่วยของพี่ในเมือง พวกเขาสนิทกันเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง และเธอยังเห็นเขาไปส่งผู้หญิงคนนั้นไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล พวกเขาพูดคุยและหัวเราะกันต่างไปจากเพื่อนธรรมดา”
“นายหมายความว่ายังไง” ราวกับถูกฟ้าผ่า ลู่อี้ชิงตัวแข็งทื่อ ตกใจอย่างสุดขีด
“เจียงเหยาสงสัยว่าจ้าวจวนซ่งจะเป็นพ่อของลูกในท้องของผู้ช่วยของพี่ แต่เรื่องนี้พี่ต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมก็ขออย่าให้พี่ตำหนิเธอเลย เธอยังเด็ก อาจจะคิดมากเกินไป แต่เธอบอกว่าเห็นสามีของพี่สนิทกับผู้ช่วยของพี่มากเกินไป ผมคิดว่าเรื่องนี้พี่ก็น่าจะจับตาดูเสียหน่อย ดีกว่าต้องมาเสียใจภายหลัง” ลู่ชิงสีกล่าว
นี่เป็นเหตุผลที่เขาถามถึงความประทับใจของลู่อี้ชิง ที่มีต่อเจียงเหยาในตอนแรก ถ้าลู่อี้ชิงไม่ชอบเจียงเหยา เธอคงจะไม่เชื่อและตำหนิเจียงเหยาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แต่ลู่อี้ชิงบอกว่าเธอไม่ได้ ไม่ชอบเจียงเหยา และยังคิดว่าเธอเป็นคนที่น่าประทับใจ เขาจึงตัดสินใจบอกความจริงลู่อี้ชิงไปตรง ๆ
“ถึงนายไม่พูด ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าควรทำยังไง” ลู่อี้ชิงรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของลู่ชิงสีได้ในทันที – เขาอาจจะกังวลว่าเธอจะโกรธเจียงเหยา
ลู่อี้ชิงยังเชื่อว่าเจียงเหยาไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น อาจมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในเบื้องหลังเรื่องนี้ อีกอย่างเจียงเหยาก็อุตส่าห์เอาเรื่องนี้ไปคุยกับลู่ชิงสี ที่ไหนไม่มีควัน ที่นั่นก็คงไม่มีไฟ และดูเหมือนว่าเจียงเหยาจะขอให้ลู่ชิงสีมาคุยกับเธอ
ลู่อี้ชิงยังคงตกตะลึงและไม่เชื่อหลังจากวางสายไป เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสามีที่ทั้งรักและอ่อนโยนกับเธอเสมอ จะมีความสัมพันธ์กับผู้ช่วยของเธอ แถมพวกเขากำลังจะมีลูกด้วยกันด้วยซ้ำ
ลู่อี้ชิงตัวสั่นเมื่อคิดถึงผู้ช่วยที่ทำงานให้กับเธอมาหลายปี เมื่อไม่นานมานี้ จู่ ๆ เธอก็ตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน และบอกว่าแฟนของเธอทิ้งเธอไป ไม่รับผิดชอบกับลูกในท้อง
เพราะแบบนี้ ลู่อี้ชิงถึงได้เห็นใจกับความโชคร้ายของเธอและให้ความช่วยเหลือทางการเงินและอื่น ๆ หลายเรื่องกับเธออย่างมากมาย
ตอนที่เธอไม่สบายก็อนุญาตให้ลาโดยได้รับค่าจ้าง เมื่อเธอใกล้ครบกำหนดคลอด ลู่อี้ชิงก็รู้สึกสงสารที่เห็นเด็กสาวอุ้มท้องโตมาทำงาน ดังนั้นเธอจึงอนุญาตให้เธอลาคลอดก่อนกำหนด ตามคำแนะนำอ้อม ๆ ของจ้าวจวนซ่ง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลู่อี้ชิงก็อดไม่ได้ที่จะโกรธจนตัวสั่น ถ้าเรื่องที่เจียงเหยาสงสัย จ้าวจวนซ่งและผู้ช่วยของเธอเป็นชู้และมีลูกด้วยกันจริง ๆ เธอในฐานะภรรยาของผู้ชายคนนั้นและเจ้านายของผู้ช่วยคงได้กลายเป็นตัวตลกใช่หรือไม่?
...
ใกล้เที่ยงคืนแล้ว พ่อและแม่ลู่เพิ่งจะมาถึงบ้าน หลังจากทานอาหารค่ำในงานแต่งงาน พวกเขากลับมาโดยมีคนขับรถของลู่ไห่ชิงมาส่ง พวกเขาเข้ามาถึง ก็เห็นว่าไฟในบ้านยังคงเปิด จึงรู้ว่าเจียงเหยายังไม่เขานอน
“นี่ก็ดึกมากแล้วนะ ทำไมถึงไม่รีบเข้านอน” หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแตะแล้ว แม่ลู่เห็นเจียงเหยานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟา หนังสือเล่มนี้เธอซื้อมาจากร้านหนังสือชินหัวในตัวเมือง เธอเห็นเจียงเหยาอ่านมันอยู่หลายครั้ง
เจียงเหยาต่างจากเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มักจะออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ๆ เจียงเหยาเป็นคนเก็บตัว เธอชอบใช้เวลาอยู่ในบ้าน อ่านหนังสือ และทำเรื่องอื่น ๆ
แม่ลู่รู้ว่าแม้เธอจะมีชื่อเสียงในโรงเรียนและเข้ากับทุกคนได้ เจียงเหยาก็ไม่มีเพื่อนสนิทที่เธอสามารถใช้เวลาได้ด้วยเลย
“หนูกำลังอ่านหนังสือรอ พ่อกับแม่อยู่คะ” เจียงเหยากล่าวด้วยรอยยิ้มและลุกขึ้นยืน
“แม่คะ พ่อคะ ชิงสีเขาเพิ่งโทรมาเมื่อตอนหัวค่ำคะ เขาบอกว่า เขาถูกส่งไปสอนศาสนาทันทีที่ลงจากเครื่องบิน เลยไม่มีเวลาโทรกลับบ้าน”
“คราวหน้าไม่ต้องรอพวกเรานะ เข้านอนก่อนได้เลย” พ่อลู่พูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“อ้อ เรื่องวันลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยของเธอ คิดว่าจะไปทางเครื่องบินหรือว่ารถไฟล่ะ? ถ้าจะขึ้นรถไฟ เราจะจองตั๋วไว้ให้ ชิงสีบอกว่าพี่ชายของเธอจะไปกับเธอใช่ไหม จองตั๋วไว้สามใบนะ”
“หนูยังไม่ไดจองเลยคะ อีกอย่างใกล้ ๆ นี่เอง นั่งรถไฟไปก็ได้ค่ะ” เจียงเหยากล่าว “พี่ของหนู เขาจะไปกับหนูด้วยค่ะ”
เรื่องนี้ทางครอบครัวลู่ได้ช่วยจัดการให้กับเธอ หลังจากที่เธอไปครอบครัวเจียงเมื่อวันก่อน
เป็นอย่างที่ลู่ชิงสีคาดไว้ เจียงเล่ยไม่กระตือรือร้นตอนที่พวกเขาพูดเกี่ยวกับการไปส่งเจียงเหยาที่มหาวิทยาลัย
เพราะแบบนี้ ถึงจะปล่ยอให้เจียงเล่ยไปส่งเธอเพียงลำพังไม่ได้ เขาจึงขอให้พี่ชายทั้งสองคนของเธอตามเธอไปด้วยทั้งคู่
“พรุ่งนี้ พ่อจะโทรไปจองตั๋วไว้ให้นะ” พ่อลู่กล่าวเสริม
“บ้านเจียงช่วยได้เยอะเลย พวกเราไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยไม่ได้ ต้องรบกวนพี่ ๆ ของเธอให้ไปแทนแล้วล่ะ”
“พ่อคะ ไม่ได้ลำบากอะไรเลยคะ พี่ ๆ เขายินดีค่ะ พวกเขามีความสุขเสียอีกที่ได้ไปส่งหนู” เจียงเหยากล่าว จากนั้นเธอก็ทักทายอีกเพียงครู่ ก่อนจะขอตัวกลับห้องของตัวเอง
หลังจากที่เจียงเหยาขึ้นบันไดและเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง รอยิ้มอันรื่นรมย์ก็ถูกฉาบบนใบหน้าของแม่ลู่
“เธอเพิ่งมีชีวิตชีวา และกระฉับกระเฉง ดูสิ เธอน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
“นั่นเป็นเพราะเธอเริ่มแสดงความรักต่อลูกชายของคุณต่างหากเล่า คุณถึงเพิ่งรู้ว่าเธอน่ารักและชอบเธอขึ้นมา” พ่อลู่พูดพร้อมกับหัวเราะคิกคัก จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เดินไปที่ห้องครัว หาน้ำดื่มเพื่อให้รู้สึกดีขึ้นจากอาการเมา
เพราะได้รับโทรศัพท์ที่รอคอยมานาน ในที่สุดเจียงเหยาก็สามารถบรรเทาความกังวลที่เธอมีเกี่ยวกับลู่ชิงสีได้ ทำให้คืนนี้เธอสามารถนอนหลับสนิทเสียที
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ขณะทีเธอเดินลงไปชั้นล่าง เจียงเหยาเห็นลู่อี้ชิงมาที่บ้าน
“พี่คะ มาแต่เช้าเลย” เจียงเหยากล่าวด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเธอก็ตะโกนเข้าไปที่ห้องครัว
“แม่คะ อี้ชิงมาค่ะไ
พ่อลู่วิ่งออกมาที่ห้องนั่งเล่น โดยยังไม่ทันได้เช็ดมือ
“อี้ชิง ทำไมมาแต่เช้าเลยล่ะ? กินข้าวเช้ามารึยัง?”
“ยังเลยคะแม่ ให้หนูกินข้าวด้วยนะคะ” ลู่อี้ชิงกล่าว
“หลังกินข้าวเสร็จ หนูว่าจะพาเจียงเหยาไปช้อปปิ้งในเมืองสักหน่อย แล้วหนูจะกลับมาส่งเธอก่อนเที่ยงได้ไมหคะ”
เจียงเหยาเข้าใจทันทีว่าทำไมลู่อี้ชิงถึงมาหาเธอ
“เจียงเหยา อาหารเช้ายังไม่เสร็จ ออกไปคุยกันที่หน้าบ้านดีกว่า”
ลู่อี้ชิงโบกมือให้กับเจียงเหยาที่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ
เจียงเหยาพยักหน้าและพวกเขาก็เดินตามกันออกไปที่สนามหน้าบ้าน
“เมื่อคืน ชิงสีโทรมาบอกทุกอย่างกับฉันแล้วล่ะ ฉันกังวลและสับสนทั้งคืน”
ลู่อี้ชิงพูด “เอาจริงนะ ถ้าไม่ใช่เพราชิงสีเป็นคนบอกว่า เธอเคยเห็นด้วยตาตัวเอง ฉันคงคิดว่าไม่ถึงว่าจ้าวจวนซ่งจะนอกใจฉัน เมื่อคืนเขาทำงานล่วงเวลา ฉันเลยทำอาหารเย็นไว้ให้เขา ตอนที่เขากลับมาถึงบ้าน เขาก็ทำตัวเหมือนตอนที่เราแต่งงานกันครั้งแรก เขารู้สึกสงสารฉัน จับมือและบอกว่าไม่ต้องทำแบบนี้ เขายังเป็นคนทำความสะอาดโต๊ะและล้างจานหลังจากทานข้าวเสร็จ เขาบอกให้ฉันไม่ต้องทำงานบ้าน เขาจะจัดการเอง เพราะเขาไม่อยากให้มือของฉันต้องทำงานหนัก”