WS บทที่ 302 สายลมแสงวาบ
มีพลังปีศาจแพนโดร่ามากมายที่บันทึกไว้ในหนังสือที่พบในแหวนของนักเวทย์อัจฉริยะคนนั้นและดวงตาแห่งความมืดก็เป็นเพียงหนึ่งในนั้น
พลังปีศาจแพนโดร่าอื่น ๆ ที่ไม่ด้อยไปกว่าดวงตาแห่งความมืด เมอร์ลินได้จดจำชื่อพวกนั้นไว้ในใจ เผื่อในวันหนึ่ง เขาอาจจะได้พวกมันมาไว้ครอบครอง
จากหนังสือเล่มนี้ เมอร์ลินรู้อยู่แล้วว่าพลังปีศาจแพนโดร่าสามารถแบ่งออกเป็นสองสามประเภท ประการแรก ยิ่งรูปแบบหรือขั้นตอนที่พลังปีศาจแพนโดร่ามีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ดวงตาแห่งความมืดที่มีถึงเจ็ดรูปแบบ ดังนั้นพลังของมันจึงยอดเยี่ยมเกินจินตนาการ
ในทางกลับกัน พลังปีศาจแพนโดร่าส่วนใหญ่ซึ่งไม่สามารถรวมกับเวทมนตร์ได้นั้นอ่อนแอที่สุด พลังปีศาจแพนโดร่าที่สามารถหลอมรวมกับคาถานั้นทรงพลังมาก ในช่วงยุครุ่งเรืองที่สุดของเหล่านักเวทย์ นักเวทย์ที่ทรงพลังทุกคนมีพลังปีศาจแพนโดร่าที่สามารถหลอมรวมเป็นคาถาได้ แค่พลังของคาถาเพียงแค่เล็กน้อยก็สามารถทำให้ผืนดินสั่นสะเทือนได้
แน่นอนว่ามีพลังปีศาจแพนโดร่าประเภทสุดท้าย นั่นคือพลังปีศาจแพนโดร่าแบบพิเศษที่บันทึกไว้ในหนังสือ พวกมันสามารถสร้างได้โดยจอมเวทย์ในตำนานเท่านั้น พวกมันมีพลังทำลายล้างมากจนเกินขอบเขตของพลังปีศาจแพนโดร่าไปมาก แม้แต่ผู้ที่สามารถหลอมรวมกับเวทมนตร์ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขาได้
พลังปีศาจแพนโดร่าแบบพิเศษไม่ต้องการคาถาใด ๆ เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนเมอร์ลินคาดว่าจะเป็นเรื่องยากมาก มิฉะนั้น พ่อมดลีโอคงไม่ต้องจ่ายราคามหาศาลขนาดนั้นเพื่อฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดในตอนนั้น
"เฮ้อ…"
เมอร์ลินอ่านหนังสือจบและในที่สุดก็ถอนหายใจยาว เขายังรู้สึกเสียดายที่ไม่พบพลังปีศาจแพนโดร่าของนักเวทย์อัจฉริยะคนนั้น
เมอร์ลินจึงมองไปที่พ่อมดแบมมู ไม่เพียงแต่เขาจะมีแหวนของนักเวทย์คนนั้นแต่เขายังได้นำหินธาตุจากภายในแหวนด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะรับประกันว่าเขาจะไม่เอาวิธีการฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าซึ่งอยู่ภายในแหวนไปเช่นกัน
พ่อมดแบมมูหัวเราะเยาะกับตัวเอง เขารู้มานานแล้วว่าเมอร์ลินจะต้องสงสัยเขาเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรเมอร์ลินก็จะ ‘ขโมย’ เขาอีกครั้งและเขาก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้
พ่อมดแบมมูตระหนักเรื่องนี้ดี หลังจากที่ลงนามสัญญาทาสกับเมอร์ลินแล้ว
ดังนั้น โดยไม่รอให้เมอร์ลินพูด พ่อมดแบมมูจึงรีบพูดขึ้นว่า “นายท่าน นักเวทย์อัจฉริยะที่เสียชีวิตในกรงเพลิงนั้น เขาไม่ได้ทิ้งพลังปีศาจแพนโดร่าไว้เบื้องหลัง ยิ่งกว่านั้น ข้าได้นำหินธาตุบางส่วนจากแหวนของเขามาเพื่อเติมพลังเวทย์ของข้า แต่ถ้านายท่านต้องการพลังปีศาจแพนโดร่ามากกว่านี้ ข้ามีพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุลมที่ได้รับโดยบังเอิญ ข้าหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับนายท่าน”
“เอ๊ะ? คุณก็มีพลังปีศาจแพนโดร่าด้วยงั้นเหรอ?”
ตอนนี้เมอร์ลินเป็น ‘นายท่าน’ ของพ่อมดแบมมู เขาสามารถควบคุมทุกการเคลื่อนไหวของพ่อมดแบมมูได้ผ่านเอกสารสัญญา ด้วยเหตุนี้ เมอร์ลินจึงรู้ว่าพ่อมดแบมมูพูดความจริงมาโดยตลอด ว่านักเวทย์คนนั้นไม่ได้ทิ้งพลังปีศาจแพนโดร่าไว้เบื้องหลัง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านักเวทย์คนนั้นจะไม่มีพลังปีศาจแพนโดร่าแต่พ่อมดแบมมูก็มี นอกจากนี้ มันคือพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุลมซึ่งเป็นสิ่งที่เมอร์ลินยังขาดอยู่ในขณะนี้
“พลังปีศาจแพนโดร่าที่ว่ามันมีความสามารถอะไร?” เมอร์ลินรีบถาม
“นายท่าน นี่คือพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุลมที่ข้าได้รับโดยบังเอิญ มันมีชื่อว่า สายลมแสงวาบ มันมีทั้งหมดสามรูปแบบ พวกมันทั้งหมดสามารถหลอมรวมเข้ากับคาถาความเร็วธาตุลมได้
ข้าคงไม่สามารถหลบหนีจากการถูกปฏิมากรอัคนีระเบิด ภายหลังที่ข้าล้มเหลวในการท้าทายครั้งที่สาม หากปราศจากสายลมแสงวาบนี้”
พ่อมดแบมมูหยิบกระดาษแผ่นบางแต่ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีจากแหวนและส่งให้เมอร์ลิน หัวใจของเขาเจ็บปวดเล็กน้อย
เมอร์ลินเลิกคิ้วขึ้น เขารู้สึกถึงแรงกระตุ้นบางอย่าง มันสามารถรวมกับคาถาได้ นอกจากนั้น มันยังมีสามรูปแบบซึ่งความแข็งแกร่งของมันต้องไม่ธรรมดา
นอกจากนี้ พ่อมดแบมมู มันใช้มันเพื่อหลบการโจมตีของปฏิมากรอัคนีได้สำเร็จ นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าสายลมแสงวาบนี้ทรงพลังเพียงใด
แม้ว่าการละทิ้งสายลมแสงวาบทำให้พ่อมดแบมมูรู้สึกเศร้าแต่เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองในฐานะทาส
เมอร์ลินเปิดวิธีการฝึกฝนสายลมแสงวาบอย่างนุ่มนวล ขณะที่เขาอ่าน สีหน้าของเขาเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"เยี่ยมมาก!! พลังของสายลมแสงวาบ มันยอดเยี่ยมมาก! มันเหมาะกับตัวฉันมาก มันต้องใช้คาถาความเร็วธาตุลมระดับหนึ่งและฉันมีคาถาระดับหนึ่ง สามลมแห่งอิสระซึ่งตรงตามข้อกำหนดสำหรับการฝึกฝนสายลมแสงวาบอย่างสมบูรณ์”
เมอร์ลินรู้สึกทึ่งสายลมแสงวาบแต่อย่างไรก็ตาม เขายังต้องการตรวจสอบมันก่อน เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ ในหนังสือของนักเวทย์อัจฉริยะ ทำให้เขาตระหนักว่าไม่ใช่พลังปีศาจแพนโดร่าทั้งหมดจะทรงพลัง ความแตกต่างระหว่างพวกมันมีมากมาย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะฝึกฝนพวกมันได้ทันท่วงที
“พ่อมดแบมมู สายลมแสงวาบของคุณมีพลังมากแค่ไหน?”
เมอร์ลินพูดกับพ่อมดแบมมู ท้ายที่สุด พ่อมด แบมมูฝึกฝนทักษะสายลมแสงวาบจนสำเร็จ เขาได้หลอมรวมมันเข้ากับคาถาระดับเจ็ดอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาอาจไม่ได้ฝึกฝนสายลมแสงวาบจนถึงจุดที่มันทำให้คาถามีพลังมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้น่าจะน่าประทับใจแล้ว
อย่างไรก็ตาม พ่อมดบัมมูทำหน้าบูดบึ้งในขณะนั้นและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ โดยกล่าวว่า
“นายท่าน ข้าอยู่ในกรงเพลิงมากว่าสี่ร้อยปีแล้ว โครงสร้างคาถาอื่น ๆ ในจิตใต้สำนึกของข้าไม่ได้ดูดซับพลังธาตุอื่นเลยนอกจากธาตุไฟ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถใช้งานสายลมแสงวาบได้ในตอนนี้”
เมอร์ลินครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ที่เขาพูกดาก็ถูกต้อง มีเพียงพลังธาตุไฟเท่านั้นที่อยู่ในกรงเพลิง ที่พ่อมดแบมมูสร้างคาถาธาตุไฟระดับแปดใหม่ได้เพราะเขาเวลามากกว่าสี่ร้อยปีในกรงเพลิง
แต่เขาไม่สามารถสร้างคาถาของธาตุอื่นได้เลยในนั้น
“นี่คือหินธาตุของคุณ พวกมันน่าจะเพียงพอสำหรับการฟื้นฟูพลังเวทย์มนตร์บางส่วน”
เมอร์ลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยิบหินธาตุบางส่วนออกจากแหวน ส่วนใหญ่เป็นหินธาตุลมซึ่งช่วยให้พ่อมดแบมมูสะสมพลังเวทได้อย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของพ่อมดแบมมูเป็นประกาย เขาเพิ่งหนีออกมาจากกรงเพลิง ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดก็คือเติมพลังเวทย์ที่หายไปก่อนหน้านี้
ดังนั้น พ่อมดแบมมูจึงรับหินธาตุมาทันทีและเริ่มสะสมพลังเวทย์เข้าในโครงสร้างคาถาของเขา
หลังจากผ่านไปประมาณสามชั่วโมง หินธาตุในมือของพ่อมดแบมมูก็ถูกใช้งานจนหมด อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพู เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างแรงกล้า
“นายท่าน แม้ว่าพลังเวทย์มนตร์ของข้าจะยังไม่มากนักในตอนนี้ แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะใช้งานสายลมแสงวาบ” พ่อมดแบมมูยืนขึ้นและรายงานสถานะให้เมอร์ลินด้วยความเคารพ
“เอาล่ะ พ่อมดแบมมู ช่วยใช้สายลมแสงวาบให้ฉันดูหน่อย” เมอร์ลินหรี่ตาลง มองพ่อมดแบมมูด้วยท่าทางเคร่งขรึม
พ่อมดแบมมูสูดหายใจเข้าลึก ๆ โดยไม่คาดคิด ความผันผวนของพลังธาตุลมไม่ได้เพิ่มขึ้นทั่วร่างกายของเขามากนัก ราวกับสายลมอ่อน ๆ ที่พัดมา
*หวู่ม!*
ร่างของพ่อมดแบมมูหายไปในชั่วพริบตา แม้แต่เมอร์ลินที่ไม่พลังจิตตรวจสอบก็ยังมองตามไม่ทัน
พ่อมดแบมมูเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจนร่างของเขาปรากฏขึ้นในมุมหนึ่ง ก่อนที่พลังจิตจะติดตามได้ทัน
"เร็ว นั่นเร็วเกินไปแล้ว มันเร็วมากจนเกือบจะเป็นความเร็วสูงสุดแล้วใช่ไหม?”
เมอร์ลินสัมผัสได้ถึงพลังของสายลมแสงวาบต่อหน้าต่อตาเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่พ่อมดแบมมูสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของปฏิมากรอัคนีได้ หลังจากที่สายลมแสงวาบผสานกับคาถาระดับเจ็ด ความเร็วก็เพิ่มขึ้นสูงมาก มันเร็วมากจนแทบไม่น่าเชื่อและเกือบจะไปถึงความเร็วสูงสุดแล้ว เมอร์ลินไม่คิดว่าจะมีอะไรที่เร็วพ่อมดแบมมูที่ร่ายสายลมแสงวาบในตอนนี้
"ไม่เลว พลังของสายลมแสงวาบไม่ได้แย่เลย มันเร็วมาก!” เมอร์ลินชื่นชม
พ่อมดแบมมูพยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่เพียงแต่สายลมแสงวาบจะเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วภายในพื้นที่เล็ก ๆ เท่านั้น แต่มันยังทำให้ท่านเคลื่อนที่เร็วขึ้นในพื้นที่ที่ใหญ่ด้วย มิเช่นนั้นจะไม่ถูกเรียกว่า 'สายลมแสงวาบ'”
เมอร์ลินพอใจกับพลังของมันอย่างมาก สายลมแสงวาบนี้เป็นพลังปีศาจแพนโดร่าแบบเพิ่มความเร็วลมนั้นหายากกว่าประเภทอื่น ๆ และยิ่งกว่านั้นเมื่อพวกมันสามารถหลอมรวมกับเวทมนตร์ได้ เขาจะต้องฝึกฝนมันอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากการร่ายมนตร์ที่ตรงกับความต้องการแล้ว ยังมีข้อกำหนดเล็ก ๆ อีกประการหนึ่งในการฝึกฝนรูปแบบแรกของสายลมแสงวาบ มันต้องการแค่คาถาที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
ซึ่งมันแตกต่างจากพลังปีศาจแพนโดร่าอื่น ๆ เช่นเพลิงวินาศหรือผสานผืนพิภพ สายลมแสงวาบนั้นต้องการเพียงแค่คาถาที่เกี่ยวข้องในการการฝึก
การใช้สายลมแสงวาบอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ผสานเข้ากับเวทมนต์ได้อย่างลงตัวซึ่งต้องใช้เวลาฝึกฝนเป็นเวลานาน ไม่มีทางลัดอื่นใดที่เขาสามารถทำได้
เมอร์ลินไม่ได้กังวลกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ นี้มากนัก เขาเพียงแค่ฝึกฝนมันอย่างต่อเนื่องจนในที่สุด สายลมแสงวาบก็จากหลอมรวมกับคาถาธาตุลมของเขาอย่างสมบูรณ์
ดังนั้น เมอร์ลินจึงอยู่บนเรือของนิโคล่าและฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มอัตราการหลอมรวมระหว่างสายลมแสงวาบกับธาตุลม
ในขณะเดียวกัน พ่อมดแบมมูก็ไม่อยู่เฉย ๆ ถึงจะไม่มีหินธาตุใด ๆ เขาจึงค่อย ๆ สะสมพลังเวทย์ที่มีเบาบางไว้ในโครงสร้างคาถาของเขา...
*บูม!*
เวลาผ่านไปนาน ไม่มีใครรู้ว่านานแค่ไหน บางทีหนึ่งหรือสองเดือน ดูเหมือนเรือของนิโคล่าจะชนเข้ากับบางสิ่งบางอย่างในขณะที่เรือทั้งลำสั่นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เรือของนิโคล่าได้รับการคุ้มครองโดยฟองสบู่ ดังนั้นจึงไม่เสียหาย
อย่างไรก็ตาม การชนกันดังกล่าวทำให้เมอร์ลินตกใจ เขากำลังจดจ่ออยู่กับการฝึกสายลมแสงวาบได้หลุดออกมาจากการฝึกทันที