WS บทที่ 300 ให้มากสุด 100ปี
เมอร์ลินมองไปที่ทะเลเพลิงที่เขาเพิ่งสร้างขึ้น มันไม่ได้เผาไหม้ด้วยเปลวไฟสีขาว แสดงว่าเพลิงวินาศยังไม่ได้หลอมรวมกับคาถาอันนี้
สำหรับพลังปีศาจแพนโดร่าผสานผืนพิภพกับดวงใจหแห่งความมืด พวกมันจะผสานเข้ากับคาถาทันที เมื่อร่ายคาถาออกมา
หลังจากที่ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง เมอร์ลินก็ร่ายเพลิงวินาศออกมา
*บูม!*
เปลวไฟของทะเลเพลิงแห่งการชำระซึ่งเดิมโหมกระหน่ำอย่างแรง ตอนนี้กลายเป็นสีขาว เมอร์ลินผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ซึ่งหมายความว่าเพลิงวินาศได้รวมเข้ากับทะเลเพลิงแห่งการชำระ แล้ว
“นี่หมายความว่าเมื่อฉันใช้การปราบปรามของแม็กซิมแห่งไฟเพื่อบังคับให้เพลิงวินาศหลอมรวมกับคาถาธาตุไฟ ฉันต้องร่ายเพลิงวินาศซ้ำกับคาถาไปอีกที อย่างนี้มันแตกต่างจากพลังปีศาจแพนโดร่าที่รวมเข้ากับคาถา มันจะหลอมรวมพร้อมใช้งานทันทีที่ฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าสำเร็จ”
เมอร์ลินรู้สึกงงงวยมากแต่หลังจากนั้น เขาก็สังเกตอย่างใกล้ชิดครู่หนึ่ง เขาค้นพบว่าพลังของทะเลเพลิงแห่งการชำระตอนนี้อยู่ไกลเกินกว่าคาถาระดับสองโดยเฉลี่ยและเป็นการยากที่จะตัดสินว่ามันแข็งแกร่งขึ้นเพียงใด
ในระหว่างที่เขาหลอมรวมทะเลเพลิงแห่งการชำระกับเพลิงวินาศ เมอร์ลินจะรู้สึกถึงความร้อนจากกรงเพลิงซึ่งมันถูกออกแบบโดยจอมเวทย์ในตำนาน นิโคล่าและดึงเอาพลังของแม็กซิมออกมา ดังนั้นพลังของเปลวเพลิงจึงอยู่สูงกว่าจินตนาการของเขา
ในระดับพลังปัจจุบันของเมอร์ลิน เขาไม่สามารถเข้าใจมันได้ แต่ตอนนี้เขาได้ครอบครองแม็กซิมแห่งไฟแล้ว มันทำให้เมอร์ลินเริ่มเข้าใจในพลังธาตุไฟมากขึ้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและในชั่วพริบตา วันหนึ่งก็ผ่านไป เมอร์ลินลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาใช้เวลาทั้งวันก่อนที่จะทำความคุ้นเคยกับวิธีที่เพลิงวินาศรวมกับทะเลเพลิงแห่งการชำระ
ดังนั้น ตอนนี้เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับพลังธาตุไฟซึ่งอาจดูเหมือนไม่ค่อยมีประโยชน์ในตอนนี้แต่ถ้าเมอร์ลินเริ่มสร้างเวทมนตร์เป็นของตัวเองในอนาคต ความรู้พวกนี้จะช่วยเขาอย่างมากในตอนนั้น
"อืม? ยังไม่ยอมอีกเหรอ? ยังไงก็ทนได้ไม่นานหรอก”
เมอร์ลินจ้องไปที่พ่อมดแบมมูซึ่งอยู่ในเรือนจำเปลวเพลิง ใบหน้าของเขาซีดเผือด เขายังสั่นเล็กน้อยไปทั่ว เขากัดริมฝีปากของเขาราวกับว่าเขายังคงยึดมั่นกับสิ่งที่พูดไปอย่างเหนียวแน่น
อย่างไรก็ตาม ความเพียรดังกล่าวก็จะมีขีดจำกัดในที่สุด เมื่อถึงขีดจำกัดนั้นและพ่อมดแบมมูก็ไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป เขาจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านโดยกรงเพลิง
นี่เป็นเพียงวันแรกเท่านั้น เมอร์ลินตัดสินใจในเวลาสามวัน เขามั่นใจว่าขีดจำกัดของพ่อมดแบมมูคงอยู่ได้นานสุดสามวัน
...
“ข้ายอมแล้ว ข้าตกลงลงนามในสัญญาทาส!”
เสียงแผ่วเบามาจากกรงเพลิง เมอร์ลินซึ่งอยู่ด้านนอก ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วและหันไปมองพ่อมดแบมมู
ในขณะนั้น พ่อมดแบมมูถูกล้อมรอบด้วยเปลวไฟของกรงเพลิงอย่างสมบูรณ์ ชั้นของเปลวเพลิงที่ปกคลุมร่างกายของเขาเริ่มจางและอ่อนแอราวกับว่ามันจะหายไปได้ทุกเมื่อ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเมอร์ลิน มันเป็นเพียงสองวันครึ่งเท่านั้นแต่พ่อมดแบมมูก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“ดีมาก พ่อมดแบมมู การลงนามสัญญาทาสเป็นทางเลือกเดียวของคุณ!”
เมอร์ลินควบคุมเรือของนิโคล่าและลดความรุนแรงของเปลวไฟในกรงเพลิงลงทันที จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนต่อหน้าพ่อมดแบมมู
พ่อมดแบมมูรู้สึกได้ว่าเปลวเพลิงของกรงเพลิงนั้นอ่อนลงมาก จึงผ่อยคลายลงพร้อมกับหอบอย่างหนัก เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับความทุกข์ทรมานจากการทดสอบที่น่าสะพรึงกลัวตลอดวันครึ่งที่ผ่านมา จนถึงจุดที่เขาไม่ลังเลเลยที่จะตกลงลงนามสัญญาทาสกับเมอร์ลิน
พ่อมดแบมมูฟื้นแล้วและกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ข้ายินดีที่จะลงนามสัญญาทาสกับเจ้าแต่ต้องกำหนดเวลา สูงสุดคือหนึ่งร้อยปี! อีกร้อยปีเจ้าต้องปล่อยข้าไป นี่เป็นเงื่อนไขเดียวของข้า!”
เมอร์ลินจ้องไปที่พ่อมดแบมมูและความคิดนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นในหัวของเขา
สัญญาทาสในขั้นต้นเป็นสัญญาที่โหดร้ายที่สุด เมื่อคนหนึ่งลงนามสัญญาทาส ชีวิตของพวกเขาจะอยู่ในมือของเจ้านายของพวกเขา ไม่มีความหวังในการเป็นทาสเลย
อย่างไรก็ตามสำหรับนักเวทย์ระดับเจ็ดอย่างพ่อมดแบมมู การไม่มีความหวังนั้นเป็นสิ่งที่เหลือทน แม้ว่าพ่อมดแบมมูจะตกลงลงนามสัญญาทาสภายใต้แรงกดดันจากสถานการณ์ปัจจุบันแต่เขาก็ต้องรักษาความหวังไว้ ยิ่งไปกว่านั้น เวลาหนึ่งร้อยปีถือว่ายาวนานสำหรับเมอร์ลิน
อาจเป็นไปได้ว่าหลังจากผ่านไปร้อยปี พลังของเมอร์ลินจะเหนือกว่าพ่อมดแบมมูมากและเมอร์ลินก็ไม่ต้องการเขาอีกต่อไป
ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมอร์ลินทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เราจะเซ็นสัญญาทาสตามคำขอของคุณโดยมีเวลาจำกัดร้อยปี!”
เมื่อได้ยินข้อตกลงของเมอร์ลิน พ่อมดแบมมูก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่มีใครอยากตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาอดทนอย่างขมขื่นในกรงเพลิงมาสองสามร้อยปี แน่นอนว่าความปรารถนาของพวกเขาที่จะเอาชีวิตรอดจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ในตอนแรกมีนัดเวทย์อีกสองคนที่ถูกโยนลงในกรงเพลิงแต่ตอนนี้พวกเขาตายแล้ว พ่อมดแบมมูรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสผ่านไปแม้แต่น้อย
แม้ว่าการลงนามสัญญาทาสจะทำให้ชีวิตของเขาอยู่ในมือของคนอื่นแต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีความหวังอยู่บ้างด้วยเวลาจำกัดร้อยปี นี่เป็นทางเลือกเดียวของเขาจริง ๆ
“เรามาลงนามสัญญากันเร็วเข้า ข้าไม่อยากอยู่ในกรงเพลิงอีกต่อไปแล้ว!”
พ่อมดแบมมูต้องการออกจากกรงเพลิงให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเมอร์ลินจะคิดอะไรบางอย่างและส่ายหัวอย่างไร้เรี่ยวแรง “การลงนามสัญญาต้องใช้เอกสารสัญญาแต่ฉันขอโทษที่ต้องบอกว่าฉันไม่มีเอกสารสัญญาที่ว่านั่น ถ้าคุณมีก็เอาออกมา มิฉะนั้น ฉันสามารถทิ้งคุณไว้ที่นี่ในกรงเพลิงอีกสักพักจนกว่าฉันจะได้เอกสารสัญญาเพื่อลงนามในสัญญาทาส”
ใบหน้าของพ่อมดแบมมูเปลี่ยนไป เขาเดือดพล่านด้วยความโกรธอยู่ข้างใน ไม่เพียงแต่เขาต้องลงนามสัญญาทาสที่รุนแรงเช่นนี้เท่านั้นแต่ยังถูกคาดหวังให้จัดเตรียมเอกสารสัญญาด้วย
ถ้าเขาไม่ส่งเอกสารสัญญาให้เมอร์ลิน เขาไม่รู้ว่าเมอร์ลินจะได้มันมาเมื่อไหร่ อาจเป็นปีหรือสิบปี พ่อมดแบมมูไม่ต้องการอยู่ในกรงเพลิงอีกต่อไปแล้ว!
ดังนั้น เขาจึงดึงกระดาษแผ่นหนึ่งที่ส่องประกายด้วยแสงสีทองออกมาจากกองกระดาษสัญญาจ้างด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด เขากัดพูดด้วยเสียงต่ำ “นี่คือเอกสารสัญญาของเจ้า!”
เมอร์ลินเหลือบมองกระดาษที่ส่องแสงสีทอง พลังของมันคล้ายกับกระดาษสัญญาระดับสูงสุดที่ดินแดนมนต์ดำได้นำออกมา สิ่งนี้บ่งชี้ว่าเอกสารสัญญาฉบับนี้ไม่เหมือนกับเอกสารสัญญาทั่วไป
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ยอมให้พ่อมดแบมมูลงนามในสัญญาทันที แต่ได้แยกชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของแม็กซิมแห่งไฟออกจากจิตใต้สำนึกของเขาและส่งต่อไปยังเอกสารสัญญา
ใบหน้าของพ่อมดแบมมูมืดลงเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของแม็กซิมแห่งไฟ อันที่จริงเขายังคงมีความหวังเพียงเล็กน้อย เขาอาจโชคดีที่จะยกเลิกสัญญาได้ แม้ว่ามันจะเป็นราคาที่แพงแต่เขาก็ยอมจ่าย
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินได้รวมส่วนหนึ่งของแม็กซิมแห่งไฟไว้ในเอกสารสัญญา ทำให้เป็นสัญญาที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยุติ แม้ว่าพ่อมดแบมมูจะกลายเป็นจอมเวทย์ในตำนานในวันหนึ่ง เขาก็ยังไม่มีทางยกเลิกสัญญาได้
“พ่อมดแบมมู ลงนามสัญญาได้เลย!”
เมื่อเขาสังเกตเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของพ่อมดแบมมู เมอร์ลินก็รู้อย่างชัดเจนว่าพ่อมดแบมมูทราบถึงเหตุผลที่เขาหลอมรวมแม็กซิมแห่งไฟลงไปในเอกสารสัญญา
ตอนนี้ พ่อมดแบมมู ไม่มีทางยกเลิกสัญญาได้อีกต่อไป เขาทำได้เพียงมุ่งความสนใจไปที่การเป็นทาสของเมอร์ลินนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
พ่อมดแบมมูมองเมอร์ลินและสูดหายใจเข้าลึก ๆ พลังจิตขนาดมหึมาก็ปะทุขึ้นมาทันที พลังจิตนี้ทรงพลังจริง ๆ มันแข็งแกร่งกว่าพลังจิตของนักเวทย์ระดับเก้า พ่อมดอูโม่จากป้อมอูดอน เผลอ ๆ อาจจะเทียบเคียงจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้เลย!
“ข้าแบมมู ทาเรียน ตกลงที่จะรับใช้เป็นทาสของพ่อมดเมอร์ลินโดยมีเวลาจำกัดร้อยปี!”
*วิ้ง…*
ทันทีที่พ่อมดแบมมูพูด กระดาษสัญญาสีทองก็เริ่มส่องแสงเป็นประกาย หลังจากนั้น พลังจิตของพ่อมดแบมมูก็ถูกรวมเข้ากับเอกสารสัญญาด้วยเช่นกัน
*หวู่ม!*
ด้วยการโบกมือของเมอร์ลิน กระดาษสัญญาก็ตกลงมาอยู่ในมือของเขา ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในอกของเขาทันทีราวกับว่าเขาสามารถรับรู้ความคิดบางอย่างของพ่อมดแบมมูได้
สัญญาทาสเป็นสัญญาที่เอารัดเอาเปรียบมากที่สุด เมื่อลงนามแล้วชีวิตของคนหนึ่งจะอยู่ในมือของอีกคน ตอนนี้เมอร์ลินมีความรู้สึกเช่นนั้น จากเอกสารสัญญาฉบับนี้ เขาสามารถรู้ความคิดและความตั้งใจของพ่อมดแบมมูได้ ถ้าเขาเข้าไปลึกกว่านี้ เมอร์ลินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังจิตอันยิ่งใหญ่ของพ่อมดแบมมู
"อืม? พลังจิตที่ทรงพลังขนาดนี้ มีเพียงจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่สามารถมีพลังจิตได้! พลังจิตของคุณได้ทะลวงไปถึงระดับของจอมเวทย์ ทั้ง ๆ ที่อยู่ในเรือนจำเปลวเพลิง?”
เมอร์ลินสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของพลังจิตของพ่อมดแบมมูผ่านสัญญาทาส มันเปรียบได้กับจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่และนี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินรู้สึกถึงพลังจิตที่น่าเกรงขามเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพลังจิตของพ่อมดแบมมูจะแข็งแกร่งแต่เขาเป็นเพียงนักเวทย์ระดับเจ็ดและสี่ธาตุเท่านั้น ถึงกระนั้นก็มีคาถาธาตุไฟที่เขาสร้างขึ้นซึ่งโดดเด่นมากจนผิดปกติ มันเป็นคาถาระดับแปดและนี่เป็นคาถาระดับแปดเพียงคาถาเดียวในจิตใต้สำนึกของพ่อมดแบมมู
ท้ายที่สุด ในกรงไฟ มีเพียงธาตุไฟเท่านั้น ไม่มีพลังธาตุอื่นเลย ดังนั้นแม้ว่าพ่อมดแบมมูอยากจะสร้างคาถาอื่น ๆ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
“พ่อมดแบมมู บอกฉันสิ คุณอยู่ในกรงเพลิงมานานแค่ไหนแล้ว”
ดวงตาของเมอร์ลินสงบลงเมื่อจับจ้องไปที่พ่อมดแบมมู ด้วยสัญญาทาส พ่อมดแบมมูจะสามารถปกปิดความลับใด ๆ จากเมอร์ลินได้