ตอนที่ 41 อัพเกรดระบบ
“คณะกรรมการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมมีไว้เพื่ออะไร?” เย่เทียนถามต่อด้วยความสงสัย
“คณะกรรมการของเราแจกใบปลิวตามเวลาที่กำหนดในแต่ละสัปดาห์ เนื้อหาหลักคือการส่งเสริมการท่องเที่ยวสีเขีนว ป้องกันที่อยู่อาศัยและดูแลพระแม่ธรณี สโลแกนของเราคือ: ให้กำเนิดลูกน้อยลงและปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น ลงมือทำเพื่อคนรุ่นใหม่ ไห่จิงคือบ้าน สีเขียวขึ้นอยู่กับทุกคน...”
“กิจกรรมการกุศล?” เย่เทียนตะลึกอย่างกับได้เจอเทพ
หลี่เฟิงพยักหน้า “ใช่ สมาชิกคณะกรรมการของเราเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการทำกิจกรรม ประธานเย่อย่าให้ประธานฉินไล่ผมออกเลยนะครับ ผมยังต้องการเงินเดือนเพื่อทำให้โลกเขียวขจี...”
เย่เทียนมองหลี่เฟิงด้วยความชื่นชมทันที ในสังคมที่มีแต่คนใจร้อนมีน้อยคนนักที่จะมีความคิดแบบนี้
ฉินเยี่ยนถลึงตามองไปที่เขา “คิดว่าพูดแบบนี้แล้วฉันจะเชื่อหรือไง ถ้าฉันไล่นายออกเพราะความรู้สึกแล้วยังไงล่ะ โลกจะกลายเป็นทะเลทรายงั้นเหรอ?! แล้วฉันจะกลายเป็นคนบาปของแผ่นดินใช่ไหม?”
หลี่เฟิงหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผม…”
“การปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ดี มันเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของพวกเราแต่ละคน เหล่าฉินจะไม่สนใจเรื่องนี้ได้ยังไงกัน?”
ฉินเยี่ยน “อ่า” และรีบพูดตอบไป “ใช่ การปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ดี!”
“ฉันมีความจำไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถ้าน้องหลี่เฟิงไม่พูดขึ้นมาฉันคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ฉันจะสร้างมูลนิธิคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแล้วให้นายเป็นประธาน ฉันจะให้ทุนเริ่มต้นหนึ่งพันล้านแล้วกัน นายคิดว่าไงล่ะ?”
เงียบ!
รอบด้านกลายเป็นเงียบกริบ
หลังจากนั้นสักพัก
หลี่เฟิงถึงกับดึงหูให้ผายออก “คุณบอกว่าเท่าไรนะ?”
“หนึ่งพันล้าน เราควรทำอะไรสักอย่างเพื่อพระแม่ธรณีบ้าง”
ขาของหลี่เฟิงอ่อนยวบลง ถ้าไม่ใช่เพราะพนักงานสาวที่อยู่รอบๆ เขาคงลงคุกเข่าให้เย่เทียนแล้ว
หนึ่งพันล้าน!
เอาไปปลูกต้นไม้ได้กี่ต้นเนี่ย!
เอาไปปูพื้นที่สีเขียวได้กี่กิโล!
หลี่เฟิงหลั่งน้ำตาออกมา “คุณเย่! คุณเป็นคนที่มีความรักอันยิ่งใหญ่จริงๆ!”
“อย่าพูดแบบนั้นเลย นายจัดการมูลนิธิให้ดีแล้วไปปลูกต้นไม้ให้โลกเขียวขจีเถอะ”
“ผมจะไม่ทำให้ประธานเย่ผิดหวังแน่นอน! ผมขอรับประกันด้วยชีวิตเลย ทุกหยวนจะถูกใช้กับมูลนิธ!ฉันยินดีที่จะมอบหัวใจนี้ให้ประธานเย่!”
เขากำมือแล้ววางไว้ที่หัวใจ
ฉินเยี่ยนกับผางเหว่ย “???”
นายไปเอาท่าแบบนี้มาจากไหน? ไม่อายบ้างหรือไง?
“เอาล่ะ ไปคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า”
เย่เทียนจับไปที่ไหล่ของผางเหว่ยและฉินเยี่ยน “วันนี้ฉันพาเหว่ยเหว่ยกับสือสือมาเพราะฉันอยากให้พวกเธอและเสี่ยวเหยากับเสี่ยวถงร่วมทีมเกิร์ลกรุ๊ป งานนี้ฉันจะปล่อยให้พวกนายสองคนจัดการแล้วกัน”
ผางเหว่ยตบหน้าอ้วนๆของเขาอย่างแรง “พี่เย่เทียนใจเย็นๆก่อนนะ ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องเกิร์ลกรุ๊ปไม่ใช่หรือไง? ถ้าฉันได้ยินไม่ผิด คุณจะใช้เงินหนึ่งพันล้านเพื่อสร้างมูลนิธิคุ้มครองสิ่งแวดล้อมใช่ไหม? นั่นคือองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรนะ! มันไม่ได้กำไรเลย!”
“ใช่ แล้วไงล่ะ?”
เย่เทียนทำหน้าแปลกๆ “ฉันไม่ใช่นักธุรกิจสักหน่อย ทำไมต้องคิดเรื่องกำไรขาดทุนด้วย?”
“...”
ฉินเยี่ยนมองขึ้นไปฟ้า ความชื่นชมของเขาต่อเย่เทียนสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
นี่คือพระเจ้าที่แท้จริง!
สำหรับเขา เงินเป็นแค่เครื่องมือที่ทำให้เขามีความสุข ส่วนพวกเรา...เป็นทาสของเงิน! เพื่อกำไรเพียงไม่กี่หมื่นหรือไม่กี่ล้าน ก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่และทำให้ดีที่สุด
เย่เทียน!
ฉันขอเรียกคุณว่าพี่ใหญ่!!!
เนื่องจากเสี่ยวเหยาและเสี่ยวถงไปร่วมบันทึกรายการพวกเธอจึงกลับมาไม่ได้พักหนึ่ง หลังจากนั่งพักสักครู่เย่เทียนจึงพาสองสาวกลับบ้าน
ชื่อเดิมคือจ้าวเถี่ยจู้และตอนนี้เปลี่ยนเป็นจ้าวสือสือ เธอย้ายมาอยู่ในอ่าวอิมพีเรียลโดยไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น ส่วนสวีเหว่ยเหว่ยเปิดห้องนอนชั่วคราวบนชั้นสองหลังจากที่ลังเลอยู่นาน
สวีเหว่ยเหว่ยกำลังนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง
เพราะทันทีที่เธอหลับตา เสียงและรอยยิ้มของเย่เทียนก็ปรากฏขึ้นในใจของเธอ
หล่อ!
นิสัยดี!
นี่คือสามีในอุดมคติ!
แปะ แปะ แปะ!
สวีเหว่ยเหว่ยตีใบหน้าของเธออย่างแรงและพึมพำกับตัวเอง “อย่าคิดเรื่องนี้อีกเลย เย่เทียนเห็นด้านที่น่าเกลียดและอ้วนที่สุดของฉันแล้ว เขาคงไม่มีวันชอบฉันหรอก สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือ…มอบหัวใจให้กับชายที่ให้ชีวิตใหม่แก่ฉัน!”
สวีเหว่ยเหว่ยแอบตัดสินใจอยู่ลับๆ
...
ยามเช้า
เหลียงกวนมารับจ้าวสือสือไปทานอาหารที่โรงแรมเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในตอนเช้า นอกจากทีมทำความสะอาดบ้านของอากวงแล้วก็เหลือแค่สองคนในบ้านคือเย่เทียนกับสวีเหว่ยเหว่ย ส่วนพ่อและแม่ของเขาหลังทานอาหารเช้าเสร็จก็ไปเดินเล่นในชุมชน
ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ไม่ต้องทำงานหนัก พวกเขาก็มีสุขภาพที่ดีขึ้นและดูอ่อนเยาว์ลง พวกเขาเทียบได้กับหนุ่มสาวที่อายุสิบเจ็ดสิบแปดที่ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านได้เลย
“เหว่ยเหว่ย ถ้าวันนี้เธอว่างเธอช่วยพาฉันไปที่งานมอเตอร์โชว์หน่อยสิ พอไม่มีรถแล้วเดินทางไปไหนมันไม่ค่อยสะดวกน่ะ”
“ต้องว่างอยู่แล้ว นายลืมไปแล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นบอดี้การ์ดของนาย” สวีเหว่ยเหว่ยยิ้ม “นายไปไหนฉันก็จะไปด้วย”
“ดี”
เย่เทียนตรวจดูเวลา ตอนนี้ถึงเวลาลงชื่อเข้าใช้แล้ว
[ติ๊ง เนื่องจากคุณลงชื่อเข้าใช้เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน ระบบลงชื่อเข้าใช้มหาเทพจะได้รับการอัปเกรดโดยอัตโนมัติ]
[ระยะเวลาอัพเกรดคือ 29 วัน 23:59:59...]
อะไรนะ?!
เย่เทียนสับสบในทันที
ระบบลงชื่อเข้าใช้ได้รับการอัพเกรด!
ใช้เวลาอัพเกรด 30 วัน?!
เย่เทียนตื่นตระหนกและรีบไปหยิบโทรศัพท์มาทำแผนการเงินทันที หลังจากคำนวนเงินแล้วเขาก็รู้สึกโล่งใจ
แม้ว่าจะไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้อีก 30 วัน แต่ถ้าเขาใช้เงินแค่เล็กน้อยมันก็จะไม่มีปัญหา
ตอนนี้เขามีเงินอยู่ในธนาคาร 10,500 ล้าน เงินค่าขนมเฉลี่ยต่อวันของเขาอยู่ที่ 350 ล้าน
เฮ้อ!
ทำเอาฉันตกใจหมดเลย
“นายเป็นอะไรรึเปล่าเย่เทียน?” สวีเหว่ยเหว่ยเห็นว่าหน้าของเย่เทียนแปลกไปจึงถามเขา
“ไม่เป็นไร เราไปดูรถกันเถอะ! เธอชอบรถยี่ห้ออะไรเหรอเหว่ยเหว่ย?”
“ฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องรถเท่าไหร่เลยรู้จักแค่ไม่กี่ยี่ห้อ ฉันคิดว่ารถเป็นแค่พาหนะในการขนส่ง ขอแค่มันขับได้อย่างปลอดภัยก็ใช้ได้แล้ว”
“เข้าใจแล้ว ถ้างั้นฉันซื้อแลมโบกินี่มาด้วยแล้วกัน”
สวีเหว่ยเหว่ย “???”
ทั้งสองได้มาถึงจ่านสิง
ก่อนจะไปดูรถ เย่เทียนก็ได้เจอกับคนรู้จักของเขา “อู๋ตี๋?”
อู๋ตี๋หันกลับมาและพูดด้วยความประหลาดใจ “เย่เทียน?! นายมานี่ได้ไง!”
เย่เทียนยิ้มแล้วชกไปที่อกของอู๋ตี๋ “ทำไมนายมาอยู่ในไห่จิงได้ล่ะ?”
อู๋ตี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาลัยของเย่เทียน เนื่องจากครอบครัวของเขามีพื้นเพคล้ายกับของเย่เทียนจึงทำให้พวกเขาสนิทกันมาก และพวกเขายังเป็นเด็กเรียนเหมือนกันนั่นทำให้พวกเขามีมิตรภาพที่ลึกซึ้งต่อกัน
“ฉันมาไห่จิงเมื่อสองเดือนก่อนน่ะ บริษัทมอบหมายงานมาให้ นี่คือ...พี่สะใภ้?” อู๋ตี้อายุน้อยกว่าเย่เทียนไม่กี่เดือนจึงเป็นเรื่องปกติที่จะเรียกสวีเหว่ยเหว่ยว่าพี่สะใภ้
สวีเหว่ยเหว่ยหน้าแดง
เย่เทียนไม่ได้สนใจจึงไม่อธิบาย เขายิ้มและมองอู๋ตี๋ในชุดสูทสีดำ “เหล่าอู๋สุดหล่อ!”
“ถึงจะหล่อในชุดนี้แต่มันโครตร้อนเลย เหงื่อฉันออกเต็มไปหมดแล้ว” อู๋ตี้ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ไม่แยแส ๆดังมาจากด้านหลังพวกเขา “อู๋ตี้ คุณมาที่นี่เพื่อขายรถหรือมาเพื่อคุยกันแน่? บริษัทจ่ายเงินเดือนให้คุณนะ คุณจะเอาแต่คุยได้หรือไง?”