321 - เมืองต้นกำเนิด
321 - เมืองต้นกำเนิด
ถ้าเขาไม่มีต้นกำเนิดตำราต้นกำเนิดสวรรค์ที่อยู่ในร่างกายของเขาก็ไม่สามารถฝึกฝนได้
ต้นกำเนิดระดับนี้ต่อให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีทางมอบให้ใครคนใดคนหนึ่งแม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเองก็ตาม
การเก็บเกี่ยวของเขาไม่สามารถกล่าวได้ว่าใหญ่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนิกายหลี่ฮัวที่แทบจะไม่มีต้นกำเนิดเลย
แต่ก็ยังดีที่พวกเขามีตำราฝึกฝนผนึกขุนเขาซึ่งเย่ฟ่านสามารถนำมาส่งเสริมวิชาผนึกแม่น้ำขุนเขาที่เขาเรียนรู้ได้
“หากข้าได้ต้นกำเนิดอีกเท่ากันข้าจะสามารถก้าวไปสู่อาณาจักรที่สามของตำหนักเต๋าได้” เย่ฟ่านจมอยู่ในภวังค์เขากำลังใช้ความคิดว่าจะเดินทางสู่ทะเลสาบหยกเลยหรือไม่
นิกายทั้งห้าถูกทำลาย และเขาก็ไม่กังวลว่าจะเกิดพายุขึ้น
นิกายเล็กๆเหล่านี้ล้วนเป็นนิกายที่เกิดขึ้นและแตกดับอยู่ตลอดเวลาของดินแดนภาคเหนือ โดยปกติจะไม่มีผู้ใดสนใจความเป็นความตายของพวกเขา
ดินแดนทางเหนือนั้นกว้างใหญ่มากจนแม้แต่ผู้ฝึกฝนก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนในการบินจากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง
บางนิกายแยกจากกันด้วยระยะทางหลายหมื่นลี้หรือมากกว่าหนึ่งล้านลี้ ซึ่งเป็นหนทางที่ยาวไกลอย่างยิ่ง
พื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ หากเป็นมหาอำนาจขนาดใหญ่ถูกทำลายจะต้องได้รับความสนใจอย่างมากมายแน่นอน แต่นิกายเล็กๆเช่นซวนเยว่และนิกายที่ถูกทำลายอื่นๆมหาอำนาจขนาดใหญ่ย่อมไม่มีความสนใจอยู่แล้ว
ดังนั้นเย่ฟ่านจึงไม่กังวลว่าพายุที่นี่จะดึงดูดความสนใจจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป เทพที่อยู่บนท้องฟ้าจะไม่สนใจมดที่ทำรังอยู่บนพื้น
มีพื้นที่ต้องห้ามของชีวิตเจ็ดแห่งในถิ่นทุรกันดารตะวันออก ดินแดนต้องห้ามโบราณในดินแดนทางใต้ และเหมืองโบราณต้นกำเนิดในดินแดนทางเหนือ ล้วนอยู่ในรายชื่อเหล่านี้
ถ้าเราพูดถึงเรื่องลึกลับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพื้นที่ต้องห้ามชีวิตในดินแดนทางเหนือแห่งนี้สามารถอยู่แถวหน้าได้
เดิมทีนี่เป็นเหมืองต้นกำเนิดศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อมีผู้คนมากมายเข้าไปตายในที่นั่นมันก็กลายเป็นดินแดนรกร้างที่ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไป
แต่ตามชื่อของมันแล้วย่อมหมายความว่าที่นั่นมีต้นกำเนิดศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมาย ถึงแม้จะถูกหวงห้ามไม่ให้ผู้คนเข้าไปแต่ในแต่ละปีก็ยังมีคนไม่น้อยที่เอาชีวิตของตัวเองไปทิ้งที่นั่น
มีตำนานกล่าวอ้างว่าเหมืองโบราณนี้ไม่ได้ถูกมนุษย์ขุดขึ้นมาเลย และมันมีอยู่มานานก่อนการเกิดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สถานที่แห่งนี้ก็ถูกห้าม ไม่ว่าคนที่เข้าไปในนั้นจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยมีใครสามารถรอดชีวิตออกมาจากส่วนลึกของเหมืองโบราณต้นกำเนิดได้
คนที่แข็งแกร่งที่สุดที่บุกเข้าไปในเหมืองโบราณต้นกำเนิดในรอบหลายปีที่ผ่านมาคือพระอนุชาของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เซี่ยของดินแดนภาคกลาง
ไม่มีใครรู้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นเมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนเขาก็สามารถสั่นสะเทือนดินแดนภาคเหนือให้แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่สุดท้ายเขาก็เป็นหนึ่งในวิญญาณที่ถูกฝังอยู่ที่นั่นตลอดกาล
นอกเหมืองโบราณต้นกำเนิด บนพื้นสีน้ำตาลแดงที่ไร้ขอบเขต มีเพียงเมืองเดียวที่สูงตระหง่าน ชื่อ เมืองต้นกำเนิด
ในบริเวณใกล้เคียงของเหมืองโบราณต้นกำเนิดมีเหมืองอีกมากมายที่ตั้งอยู่ เหมืองพวกนี้ไม่ใช่เหมืองของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาแต่เป็นของที่มหาอำนาจสร้างขึ้น
แน่นอนว่ามันยังห่างไกลจากเหมืองโบราณต้นกำเนิดอยู่บ้าง ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็มีระยะห่างจากเหมืองโบราณมากกว่าสามหมื่นลี้
เย่ฟ่านมาที่เมืองนี้เพราะเขาได้ยินมาว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกยังไม่กลับทะเลสาบหยกของนาง
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกยังคงอยู่ที่นี่ ข้าเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสมสักหน่อยถ้าข้าเข้าไปในทะเลสาบหยกก่อนเวลาด้วยจี้หยกของนาง ยังมีเวลาอีกนานก่อนการชุมนุมจะเริ่มขึ้น”
นอกจากนี้เขามีจุดประสงค์อื่น เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเหมืองโบราณต้นกำเนิดมานานแล้วและอยากเห็นมันอีกครั้งจากระยะไกล
เมืองต้นกำเนิดไม่ใหญ่มาก แค่เมืองเล็กๆที่สร้างด้วยก้อนหินสีน้ำตาลแดงที่กองเต็มไปหมด
ไม่นานหลังจากที่เย่ฟ่านมาถึงที่นี่ เขาได้ค้นพบทุกสิ่ง สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกได้ไปที่บริเวณชายขอบของเหมืองโบราณต้นกำเนิดและยังไม่ได้ออกมา
ในเวลาเดียวกันเขาได้เรียนรู้ว่าเหยาซีและบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็ไปกับนางด้วย
แน่นอนว่าบริเวณที่เรียกว่าขอบนั้นอยู่ห่างจากเหมืองโบราณอย่างน้อยพันลี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปเสี่ยงชีวิตโดยไม่จำเป็น
“เหมืองโบราณต้นกำเนิดนั้นเป็นสถานที่แบบไหนกันแน่?” เย่ฟ่านลูบคางและครุ่นคิดอย่างจริงจัง
บรรพบุรุษคนแรกของตระกูลจางกล่าวว่าความเสียใจที่สุดของเขาคือไม่สามารถเข้าไปในเหมืองโบราณต้นกำเนิดได้
“ดูอยู่ห่างๆ บางทีเราอาจจะค้นพบอะไรบางอย่างก็ได้” เขาเชื่อว่าปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ในอดีตต้องเคยเห็นอะไรบางอย่าง และนั่นเป็นสาเหตุที่เขาไม่กล้าเข้าไป
เขาต้องการยืนยันกับตำราต้นกำเนิดสวรรค์ว่าเขาจะมองเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่
เมืองต้นกำเนิดทั้งเล็กและล้าสมัย เป็นเมืองที่ใหญ่กว่าเมืองที่เย่ฟ่านเคยอาศัยอยู่กับปู่หลานตระกูลเจียงนิดหน่อย
เย่ฟ่านเดินเข้ามาในเมือง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เก่าแก่ซึ่งถูกผู้คนเหยียบย่ำมาตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา
“คุณชายผู้นี้เพิ่งมาใหม่ในเมืองตนกำเนิดใช่ไหม ต้องการซื้อหินต้นกำเนิดหรือไม่ เจ้าสามารถมาดูที่ร้านของข้าได้ว่ามีหินต้นกำเนิดที่เจ้าสนใจหรือไม่”
“นักพรตหนุ่มต้องการวัสดุดีๆที่ขนส่งมาจากขอบเหมืองโบราณหรือไม่ สินค้าเป็นของแท้เจ้าสามารถเข้ามาดูได้?”
มีร้านค้ามากมายสองข้างทางของถนนพวกเขากำลังขายหินต้นกำเนิดอย่างคึกคัก
เย่ฟ่านไม่กล้าพูดจาดูถูกคนเหล่านี้ อย่ามองว่าเล็กพวกเขาเป็นผู้ขายของอยู่ในร้านเล็กๆเท่านั้น ในความเป็นจริงทุกร้านที่นี่ล้วนเป็นสินค้าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
เขาเดินเข้าไปในร้านหินและพูดคุยกับเจ้าของร้านเกี่ยวกับราคาหินที่สูงมากจนน่าเหลือเชื่อ
เย่ฟ่านเดินโซเซ วัสดุหินเหล่านี้มีราคาแพงกว่าสิบเท่าของต้นกำเนิดที่แท้จริงซึ่งมีน้ำหนักเท่ากันด้วยซ้ำ
"มันแพงเกินไป!"
“นี่ไม่ใช่หินธรรมดา แต่เป็นวัสดุล้ำค่าที่จะส่งไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์ มันปนเปื้อนไปด้วยกลิ่นอายของผู้อมตะ” เจ้าของร้านแนะนำ
การพนันที่มีราคาแพงไม่ได้เกี่ยวกับต้นกำเนิดอีกต่อไป แต่เกี่ยวกับสิ่งล้ำค่าที่ผนึกอยู่ในหิน หลังจากที่เย่ฟ่านได้ศึกษาตำราต้นกำเนิดมันทำให้เขามีวิสัยทัศน์สูงขึ้นดังนั้นเขาจึงเลิกต่อรองราคา
“พี่ใหญ่ที่นี่มีเส้นทางสู่เหมืองโบราณหรือไม่ ข้าเพียงต้องการเห็นมันจากระยะไกลให้เป็นวาสนาสักครั้ง” เขาต้องการไปที่เหมืองโบราณต้นกำเนิดแต่เขาก็ต้องประสบปัญหา
พื้นที่ทำเหมืองนอกเหมืองโบราณต้นกำเนิดถูกแบ่งแยกตามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญ สถานที่อื่นๆนั้นพอจะเข้าไปได้ แต่เส้นทางเหล่านั้นล้วนอันตรายมีผู้คนมากมายต้องตายอยู่ตลอดทั้งปี
เย่ฟ่านไม่ใช่ทายาทของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นหากไม่มีทางอื่นเขาได้แต่ใช้เส้นทางนั้นแล้ว
“ข้าว่าน้องชายเจ้าไม่ควรไปที่นั่นดีกว่า แม้แต่ผู้อาวุโสที่อยู่ในระดับอาณาจักรลับที่สามก็ยังเสียชีวิตอยู่ในเส้นทางนั้น” เจ้าของหินรีบแนะนำ
เย่ฟ่านยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ไปรนหาที่ตาย ข้าแค่อยากเห็นมันจากระยะไกล นี่คือสถานที่อันยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกดังนั้นข้าต้องการเห็นมันสักครั้งก็เป็นความรู้สึกที่ดีแล้ว”
เจ้าของร้านหัวเราะ “ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่มีคนหนุ่มมากมายที่เป็นเหมือนเจ้า เมื่อพวกเขามองไปที่เหมืองโบราณพวกเขาจะถูกดึงดูดด้วยพลังบางอย่างและไม่ได้กลับมาอีกต่อไป”
“มีเรื่องแปลกๆเช่นนี้?” ดวงตาของเย่ฟ่านเป็นประกาย
“นักพรตน้อยข้าแนะนำว่าอย่าเสี่ยงจะดีกว่า ความอยากรู้อยากเห็นสามารถฆ่าคนได้ตลอดเวลา” เจ้าของหินยังคงเกลี้ยงกล่อม
“ได้โปรดเถอะพี่ใหญ่ ข้ารู้ดีถึงความสำคัญของชีวิตตัวเอง” เย่ฟ่านยืนกรานที่จะไป
“ในกรณีนั้น เจ้าไปหาชายที่ชื่อใบมีดผุ แต่ราคาที่เขาเรียกนั้นค่อนข้างสูงเจ้าต้องทำใจไว้ด้วย” เจ้าของร้านให้ข้อมูลชิ้นนี้แก่เย่ฟ่าน
หลังจากนั้นเขาเดินไปรอบๆเมืองต้นกำเนิดแห่งนี้เป็นเวลานานและในที่สุดก็รู้ว่าใครชื่อใบมีดผุ
นี่เป็นงูเจ้าถิ่นของเมืองนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่พวกอันธพาลในหมู่มนุษย์ แต่เป็นนักเลงเก่าที่หากินอยู่ในเมืองซึ่งครอบครองธุรกิจหลายอย่าง
ใบมีดผุอาศัยอยู่ในเมืองทางใต้แต่บ้านของเขาค่อนข้างทรุดโทรมไม่สมกับที่คนร่ำลือ
เขาไม่มีลักษณะเหมือนนักเลงเจ้าถิ่นแม้แต่น้อยแต่เป็นเหมือนชาวนาชราคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยย่น มือที่หยาบกร้านของเขาชี้ไปที่เก้าอี้ผุพังให้เย่ฟ่านนั่ง
“ตอนนี้ไม่ใช่วันรวมกลุ่ม รอให้ผู้คนมากกว่านี้หน่อยข้าจะติดป้ายประกาศเอง”