ตอนที่ 118 ช่วงนี้จะออกเดินทางไปที่ไหนหรือไม่
ตอนที่ 118 ช่วงนี้จะออกเดินทางไปที่ไหนหรือไม่
ในเช้าของวันถัดมาท่ามกลางทุ่งหญ้ากิรา แสงอาทิตย์แรกเริ่มสาดส่องขับไล่ความหนาวเย็นราวกับโลกของน้ำแข็งให้ออกไปอย่างช้า ๆ กาย มีอา ลิลี่ อาลีน่าและลูก้าต่างทยอยตื่นขึ้นและเตรียมเก็บข้าวของทุกอย่างขึ้นหลังม้าของใครของมัน
จัดการมื้อเช้าอย่างง่าย ๆ ด้วยเนื้อแห้งแข็ง ๆ และออกเดินทางกันในเวลาต่อมาทันที ก่อนที่อุณหภูมิความร้อนจะเพิ่มมากไปกว่านี้
จุดหมายปลายทางที่มุ่งหน้าไปกันนั้นคือเมืองเลมิสเหมือนเช่นเคย เนื่องจากมีอา ลิลี่ กับอาลีน่าและลูก้าต้องเอาหัวของสองโจรไปขึ้นค่าหัวเพื่อลงในผลงาน ส่วนกายนั้นแผนการล่าถัดไปของเขานั้นต้องใช้คนหนึ่งที่อยู่ที่นั่นเป็นตัวช่วย
ใช้เวลาราว ๆ 3 ชั่วโมงก็เดินทางมาถึงเลมิส พวกเขาผ่านเข้าทางถนนเส้นเดิมที่มีผ้าหลากสีผูกโยงแขนบังแดด ตลาดยามเช้าเริ่มคึกคักมากขึ้นมีอาหารและของหลากหลายขายกันอยู่อย่างเนืองแน่น
มาใกล้จะถึงสมาคมนักล่าค่าหัว ก็เป็นการบอกว่าพวกเขาต้องแยกกันตรงนี้แล้ว แต่ก่อนที่จะไปอาลีน่าก็กล่าวเตือนทุกคน
“พวกเจ้าต้องระวังตัวไว้ด้วย การที่กระทิงโลหิตมีปืนคาบศิลาใช้และเหรียญตรากักเก็บจิตวิญญาณนั้นแสดงว่าต้องมีเบื้องหลังบางอย่างอยู่แน่นอน”
“อืม...พวกเจ้าเองก็ระวังตัวด้วย” กายพยักหน้าเข้าใจ
มีอาและลิลี่พยักหน้าเข้าใจ
อาลีน่าและลูก้าแยกตัวออกไปก่อนจะหายไปยังถนนเส้นหนึ่งของเลมิส ตอนนี้จึงเหลือเพียง กาย มีอาและลิลี่สามคนเท่านั้น
“เดวิน เจ้ามีแผ่นการล่าแล้วใช่ไหม”
“ข้ามีแผนคร่าว ๆ แล้ว ไว้เราค่อยมาเจอกันหลังจากจัดการภารกิจเสร็จสิ้นก็แล้วกัน เจ้าทั้งสองเองก็ดูแลตนเองด้วย”
“เจ้าก็เช่นกันเดวิน ระวังตัวด้วย”
“แน่นอน”
กาย มีอาและลิลี่กล่าวลากันไม่กี่ประโยค
กายหันหลังเตรียมเดินไปยังอีกทางหนึ่ง แต่ตอนนั้นเองมีอายังกล่าวย้ำกับกายอีกครั้ง “ถ้ามีเรื่องติดต่อพวกเราทิ้งข้อความไว้ที่สมาคมนักล่าค่าหัวได้”
การฝากข้อความไว้ที่สมาคมนักล่าค่าหัวนั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาในหมู่นักล่าค่าหัว
เพราะเวลาออกไปทำภารกิจล่ามันจะยากต่อการติดต่อสื่อสารกัน ดังนั้นสุดท้ายแล้วจึงฝากข้อความทิ้งไว้ที่สมาคมนักล่าค่าหัวช่วยแจ้งข่าวให้
“แน่นอน” กายยกมือโบกไปมาขณะที่หันหลังให้กับมีอาและลิลี่ ก่อนจะหายไปท่ามกลางฝูงชน
หลังจากกายจากไป ลิลี่ยิ้มตาหยีถามมีอาด้วยน้ำเสียงซุกซนปนแซวเพื่อนสนิท “เฮ้...ถ้าเจ้าห่วงเขาแล้วทำไมเราต้องแยกกันทำภารกิจด้วยเล่า รีบไล่ตามเขาไปสิ”
“ข้าจะไปห่วงเขาได้ยังไง ไม่สิ...ก็แค่ห่วงในฐานะเพื่อนเหมือนกับที่ห่วงเจ้านะแหละ”
“เห้...ๆ ข้าแค่ถามทำไมใบหน้าเจ้าต้องแดงด้วยล่ะ” ลิลี่ยังยิ้มอย่างซุกซน
“แดดมันร้อนนะ” มีอารีบดึงผ้าพันคอของตนเองขึ้นมาปิดบังใบหน้าไว้หลังจากที่กล่าวแก้ตัว
มีอารีบเปลี่ยนเรื่องคุยไปประเด็นที่ลิลี่ถาม ก่อนจะอธิบายโดยไม่ให้ลิลี่มีโอกาสพูดแทรก
“เจ้าถามว่าทำไมเราแยกกับเดวินใช่ไหม ถึงแม้ว่าพวกเราจะรวมตัวกันมันจะดี...อะแฮ่ม ถึงพวกเรารวมตัวกันจะเป็นทีมที่แข็งแกร่ง แต่อย่าลืมภารกิจของเรามีเวลาจำกัด การจะหาโจรที่มีค่าหัวเกินหนึ่งพันรวมกันสามคนเยอะแบบพวกกลุ่มโจรกระทิงโลหิตมิใช่เรื่องง่าย ดังนั้นแยกกันไปและใช้ความถนัดของตัวเองล่ากลุ่มเดี่ยว ๆ ที่มีสมุนโจรไม่มาก แค่มีโจรค่าหัวเกินพันอยู่กลุ่มละคนจะเร็วกว่ามาก”
“อีกอย่างหนึ่งนี่คือภารกิจทดสอบของสถาบันศาสตร์นักรบมันไม่ใช่แค่การล่าหัวโจรธรรมดา แต่ยังหมายถึงการฝึกฝนด้วย เจ้าไม่อาจจะคอยแต่โยนหน้าที่ผู้นำให้เดวินทำตลอดได้ เพราะหลังจากจบไปแล้วอย่างต่ำเจ้าจะเป็นถึงหัวหน้าหน่วย จึงควรเรียนรู้เรื่องการเป็นผู้นำไว้บ้าง เจ้าควรจะฝึกสมองให้มาก ๆ มิเช่นนั้นจะเป็นแค่คิงคองสาวขนหยิกเอาได้นะ”
“ใครเป็นคิงคองสาวกัน ข้านะแข็งแกร่งยิ่งกว่าคิงคองธรรมดาซะอีก”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะก็คงเป็นราชินีคิงคองสินะ” มีอาอมยิ้มก่อนจะควบม้าเดินนำไป
“มีอาเจ้าเป็นเพื่อนข้าและเจ้าพูดกับข้า ถ้าข้าเป็นคิงคองเจ้าก็เป็นด้วยเช่นกัน” ลิลี่ทำปากมุ่ยรีบควบม้าตามมีอาไป
...
กายที่ตอนนี้หลังจากแยกกลุ่มออกมาคนเดียว เขากำลังมุ่งหน้าไปหาใครบางคน
นี่สินะเขตการค้าที่พวกพ่อค้ามาอยู่ที่นี่กัน หวังว่าเขาจะยังไม่ออกเดินทางไปไหนก่อน ไม่อย่างนั้นคงเสียเวลาแย่
กายหยุดเดินก่อนจะกวาดสายตาสำรวจไปรอบ ๆ เขาหยิบเอาเหรียญเงินขึ้นมาหนึ่งเหรียญก่อนจะดีดโชว์ไปหนึ่งครั้ง ไม่ใช่ว่ากายต้องการจะอวดรวยอะไร แต่เขากำลังจะหาคนช่วย
“นายท่าน ท่านกำลังมองหาอะไรหรือไม่ ข้าให้ช่วยหาได้ ข้าเกิดและโตที่เลมิส ทุกตรอกซอกซอยข้ารู้หมดไว้ว่าท่านจะหาอะไร ข้าจะพยายามหาคำตอบให้” ในตอนนั้นเองก็มีเด็กชายอายุราว ๆ 12-13 วิ่งเข้ามาหากายด้วยความรีบร้อน ก่อนจะหยุดห่างออกไปสองเมตร เพื่อรักษาระยะห่างตามมารยาทของที่นี่
เที่เลมิสทุกคนระวังตัวไม่ให้ใครเข้าใกล้เกินไป เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะตายไม่รู้ตัวด้วยน้ำเมื่อของคนที่เข้าใกล้
กายมองไปที่เด็กชายแต่งกายด้วยชุดสีน้ำตาลเข้ม เสื้อผ้าแม้ดูขาดและเก่า แต่ก็แต่งตัวมิดชิดและเรียบร้อย
กายพยักหน้า แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดในตอนนั้นก็มีเด็กแบบเด็กชายคนข้างหน้าของเขา รุมล้อมเข้ามาด้วยความกระตือรือร้นพยายามเสนอตัวเข้ามาเป็นคนนำทางกายไม่หยุด
“ข้าได้คนนำทางแล้ว พวกเจ้าถอยไปให้หมด” กายขมวดคิ้วพูดด้วยท่าทีดุดัน ก่อนจะจ้องไปที่ทุกคนด้วยความดุดัน เมื่อเด็กพวกนั้นเห็นก็พากันหุบปากถอยห่างด้วยความกลัว
“เอาละ ข้าควรแรกเจ้าว่าอะไร” กายถามเด็กที่วิ่งเข้ามาพูดกับเขาคนแรก
นกตื่นเข้าย่อมได้หนอนก่อนตัวอื่น คนที่กระตือรือร้นและขยันกว่าคนอื่นย่อมควรได้รับความตอบแทน
“ข้าชื่อ เกร็น ขอรับ ข้ายินดีพาท่านไปยังที่ต้องการ”
“เกร็น เจ้ารู้จักพ่อค้าที่ชื่อ ฟลินต์”
“พ่อค้าฟลินต์ ท่านรอข้าสักครู่เดี๋ยวข้ากลับมา”
“อืม ข้าจะรอตรงนั้น” กายพยักหน้าชี้ไปยังมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดที่ขายขาแกะย่าง เกร็นรีบวิ่งหายออกไปเพื่อไปตามหาข้อมูลของพ่อค้าฟลินต์
ส่วนกายนั้นก็เดินไปสั่งขาแกะย่างซอสเนื้อชุ่มฉ่ำมากินเพื่อเติมเต็มพลังงาน เพราะในตอนเช้าเขาฝืนกินเนื้อแห้งแข็ง ๆ รองท้องไป ตอนนี้ท้องของเขาต้องการมื้อหนักมาเติมเต็ม
“เจ้าของร้าน ข้าขอซื้อขาแกะย่างทั้งชิ้นเลยหนึ่งขา” กายวางเหรียญทองลงไปที่เขียงหันเนื้อของเจ้าของร้าน
“ได้ ๆ ท่านรอสักครู่ข้าจะห่อให้” เมื่อชายแก่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี รีบยื่นมือมาคว้าเหรียญทองตรงหน้าไป แต่ก่อนจะเก็บยังแอบกัดตรวจสอบเหรียญทองอย่างแนบเนียน เพื่อยืนยันก่อนว่าเป็นของจริง
กายแม้จะเห็นเช่นนั้นแต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรที่เจ้าของร้านทำแบบนั้น เพราะนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เหรียญทองมันจะไม่เหมือนกับโลหะปกติ คนที่ใช้พวกมันบ่อย ๆ แต่กัดเบา ๆ ก็รู้สัมผัสในทันที
หลังจากยืนยันว่าเป็นของจริง ชายแก่เจ้าของร้านก็เก็บเหรียญทอง ก่อนจะยกขาแกะชิ้นใหญ่สุดออกมาห่อด้วยใบไม้ขนาดใหญ่ที่ปกติไว้ใช้ใส่อาหารกัน ขาแกะย่างร้อน ๆ ถูกห่อย่างชำนาญสมกับที่เขาคือคนขายขาแกะย่างมานาน
ก่อนจะผูกด้วยเชือกและสิ่งให้กับกาย
กายยิ้มรับออกมาอย่างพอใจ เขาเอาขาแกะเก็บไว้ที่ช่องเก็บของที่อยู่บนตัวเจ้าถึก ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เด็กน้อยเกร็นวิ่งกับมาพอดี
“ได้เรื่องหรือไม่”
“ได้...ข้าเจอที่อยู่ของเขาแล้ว เชิญท่านทางนี้” เกร็นหอบหายใจเพราะวิ่งกลับมาเท่าที่จะเร็วได้ เด็กหนุ่มพยายามสูดหายใจเข้ารีบนำทางกายไป
กายพร้อมกับม้าสองตัวมายื่นอยู่หน้าอาคารหลังหนึ่ง ด้านในจะเป็นร้านค้า มีป้ายเขียนบอกกล่าวไว้เพียง “ซื้อขายและเปลี่ยน”
นอกจากนั้นก็มีคนเข้าออกบ้างในบางครั้ง แต่ละคนต่างมีสีหน้าผิดหวังบ่างยินดีต่างกันไป
“พ่อข้าที่ชื่อฟลินต์พักอยู่ที่นี่ขอรับ”
“อืม นี่เหรียญของเจ้า ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” กายดีดเหรียญให้กับเด็กหนุ่มเกร็น ก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน เด็กหนุ่มเกร็นรับเหรียญมากัดก่อนจะรีบเก็บซุกและวิ่งหนีหายไปในทันที ราวกับกลัวใครจะมาแย่งเหรียญไปจากมัน
ม้าสองตัวของกายถูกผูกไว้ข้าง ๆ ร้าน ก่อนที่เขาจะส่งเหรียญหนึ่งเงินไปให้กับคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นนั้นกำลังดูแลม้าอีกสองตัวอยู่
“เอาน้ำกับอาหารให้พวกมันที”
คนดูแลม้ารับเหรียญมาพยักหน้าไม่พูดไม่จา ก่อนจะเดินไปตักน้ำและเอาหญ้ามาให้กับเจ้าหมอกและเจ้าถึก
ตอนนี้กายเดินเข้ามาในร้านสิ่งแรกที่เห็นคือเครื่องเทศมากมายวางเรียงรายสองข้างทางเดิน ถัดมาด้านในเป็นเครื่องหนัง ชุดเกราะกระเป๋า แม้แต่เต็นท์หนังอย่างดีก็มีขาย ถัดมาในอีกเป็นเครื่องประดับที่วางโชว์ไว้ไม่กี่อย่าง
แน่นอนว่าของมีราคา มักจะเอาออกมาเมื่อมีคนต้องการซื้อเท่านั้น ส่วนที่วางโชว์ไว้ ก็แค่ให้คนรู้ว่าพวกมันมีขายเท่านั้น
ว่ากันว่าของในร้านของเมืองเลมิสกว่าครึ่งคือของไม่มีที่มาที่ไป...ดังนั้นการรับซื้อจึงราคาถูก แต่การนำไปขายจะราคาแพง โดยเฉพาะถ้าเอาออกไปขายนอกทุ่งหญ้ากิรา
กายตรวจสอบโดยไม่คาดหวังมากนักไปยังของรอบ ๆ แม้จะสนใจเครื่องประดับแต่ก็แค่บางสิ่งที่สามารถเอาไปสร้างอาวุธได้ แต่ดุเหมือนมันจะไม่มีให้เห็น
หลังจากรอนักล่าค่าหัวหนึ่งที่พยายามต่อราคาทับทิมขนาดนิ้วโป้งที่พึ่งได้มา ก่อนจะตกลงยอมขายให้กับร้านด้วยใบ้หน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ หลังจากผ่านการต่อราคากันอย่างดุเดือด
กายเดินเข้ามาบริกรของร้านก่อนจะกล่าวถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม “ข้าต้องการพบฟลินต์”
บริกรมองกายด้วยท่าทางระวัง เพราะกายแต่งตัวด้วยชุดเกราะเต็มตัว แม้จะไม่มีอาวุธติดตัวมาด้วย แต่ก็แสดงให้เห็นว่ากายไม่ใช่คนธรรมดา ในตอนนั้นสายตาของบริกรก็เหลือบไปเห็นว่ากายมีตราของนักล่าค่าหัวอยู่ จึงรีบถามกลับไปว่า
“ท่านเป็นอะไรกับนายท่านสองของเรา”
นายท่านสอง น่าจะหมายถึงคนถือหุ้นของร้านแห่งนี้ละดับสองสินะ ถ้าอย่างนั้นฟลินต์ก็เป็นหนึ่งในหุ้นของร้านแห่งนี้...กายทำความเข้าใจคำพูดของบริกร
“ข้ามีธุรกิจจะคุยกับเขา บอกไปว่านักล่าค่าหัวเดวินมาหาก็พอแล้ว” พูดจบกายก็เงียบไป ไม่กล่าวอะไรออกมา
“รอสักครู่” บริกรรีบเดินเข้าไปหลังร้าน ก่อนจะตรงไปยังอาคารใกล้ ๆ แถวนั้น กายเห็นมุมปากถึงกับกระตุกเบา ๆ
เด็กนั้นพาเรามาผิดที่ซะได้ ไม่สิ! ฟลินต์ในฐานะพ่อค้าคงไม่แจ้งที่อยู่ให้คนอื่นรู้ไปตัว บางทีเด็กนั้นคงรู้แค่ที่สามารถติดต่อไปหาพ่อค้าฟลินต์ได้
หลังจากนั้นไม่นานฟลินต์ก็เดินนำบริการมาหากายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มทักทายเขามาแต่ใกล้
“สวัสดียามบ่าย ท่านเดวิน มาหาข้ามีธุระอะไรหรือเปล่า”
“อืม ข้าถามท่านได้หรือไม่ว่าช่วงนี้จะออกเดินทางไปที่ไหนหรือไม่”
“ออกเดินทาง?” พ่อค้าฟลินต์ถึงกับงงกับคำถามของนักล่าค่าหัวหนุ่มตรงหน้าที่อยู่ ๆ ก็มาถามถึงตารางเดินทางของตน แต่หลังลังเลอยู่สองสามวินาทีก็กล่าวออกมา “วันพรุ่งข้าจะออกเดินทางไปแลกเปลี่ยนสิ่งของที่สุดของทุ่งหญ้ากิรา รอยต่อระหว่างนครดาราฟ้าและนครแสงเทวา”
...
Witterry : ตอนนี้ไรท์มีเพจเฟสบุ๊คแล้วนะ มากดติดตามเพื่อคอยรับข่าวสารหรือเข้ามาพูดคุยกันได้นะ จะมาติดตามทวงนิยายก็ได้ https://www.facebook.com/witterry.writer/ หรือพิมพ์ค้นหาในเฟสบุ๊ค witterry writer ได้เลยนะ