อสูรมังกรฟ้า เล้งซาน ตอนที่ 10 หลี่เย่กวน
"เจ้ารู้ได้อย่างไร ว่ามีเทือกเขาไท่จู อยู่ในทิศใต้ของทวีป? ในเมื่อเราพึ่งมาถึง ณ ดินแดนนี้เพียง หนึ่งวัน" น้ำเสียงแฝงความสงสัยเป็นล้นพ้นของเฟรย่าดังขึ้นในจิตใจ
เล้งซานที่ยังมีสีหน้าสลด มิได้เปลี่ยนสีหน้าของมันตามคำถามของเฟรย่า แต่ได้ตอบกลับภายในจิตใจเช่นกันว่า...
"ข้าจะไปรู้จักเขาไท่จูได้อย่างไรเล่า ข้าก็พูดส่งๆ ตั้งชื่อลอยๆ ไปอย่างนั้นแหละ ยังไงซะทิศใต้ของทวีปมีเขานับหมื่น นับแสนลูก พวกมันมิอาจจดจำได้หมดแน่นอน และระยะทางจากที่นี่ไปยังแดนใต้ นับว่าห่างไกลกันมาก เดินทางมิต่ำกว่าครึ่งปี ใครจะบ้าถ่อไปยังที่แบบนั้น เพื่อตรวจสอบเรื่องของผู้เยาว์คนเดียว"
"เจ้า นี่มัน!!"
"ข้าทำไมรึ?"
"เจ้าคนปลิ้นปล้อน!!"
"ฮ่าๆ เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับคำเชยชมจากธิดาแห่งราชาเผ่าเทพ"
เซี่ยวหลินหลุน หรี่ตามองมายังเล้งซาน พลางครุ่นคิด เซี่ยวหลินเยว่ ยังคงมีเศษเสี้ยวความสงสัยอยู่ในคำตอบที่เล้งซานบอกออกมา และเมื่อนางเห็นบิดาแน่นิ่งไปจึงแย้งขึ้น
"ท่านมีหลักฐานอันใดเพื่อแสดงตัวว่าเป็นคนของสำนักเทือกเขาไท่จู หรือไม่?" เซี่ยวหลินเยว่ยังคงมิปักใจเชื่อ
"เรียนคุณหนู ตัวข้านั้นหาได้มีสิ่งของใดยืนยันคำกล่าว มีเพียงวรยุทธที่เรียนมาแสดงให้ดู หากวรยุทธที่ข้าใช้คล้ายคลึงสำนักใดที่ท่านรู้จักในดินแดนตอนเหนือแห่งนี้ ข้ายินดีรับการลงโทษในทันที แต่หากคุณหนูยังมิเชื่ออีก ข้านั้นก็จนใจ และยอมรับการลงโทษเรื่องที่เคยโป้ปดผู้อาวุโสหลี่ซุน และยอมจากหมู่บ้านไปแต่โดยดี"
เล้งซาน ประสานมือ โค้งตัวเล็กน้อย ด้วยท่าทีอ่อนน้อม ด้วยคำกล่าวเมื่อครู่มันแสดงจุดยืนให้เห็นชัดเจนว่า มันสำนึกผิดและยอมรับความผิดแค่ที่มันโกหกหลี่ชุนเท่านั้น!! นอกเหนือจากนั้นมันมิได้ผิดอันใด ส่วนเรื่องที่มันกล้ากล่าวท้าทายด้วยเพลงยุทธนั้นเพราะ วรยุทธประจำตระกูลเล้งของมัน ย่อมไม่มีผู้ใดในทิศเหนือนี้ลอกเลียนแบบได้แน่นอน และมิใช่เฉพาะทิศเหนือทวีปเต่าทมิฬ ต่อให้หาทั่วทั้ง 4 ทวีป มันก็มั่นใจว่าไม่มีทางเจอ
"ถ้างั้นข้าขอถามเจ้าอีกสักข้อ..."
"พอเถอะลูกเยว่"
มิทันที่เซี่ยวหลินเยว่ จะกล่าวจบก็ถูก เซี่ยวหลินหลุนห้ามปรามไว้
"พ่อไม่เห็นว่ามันจะมีความจำเป็นใดโป้ปดเรา หรือลูกเยว่คิดว่ามันเป็นคนจากสำนักอื่นในเมือง เมฆคราม แฝงตัวเข้าหมู่บ้านมาเป็นตัวแทนประลองอย่างนั้นหรือ?? พ่อกลับเห็นว่าการจะมาทำลายชื่อเสียงเราก็ไม่จำเป็นต้องลำบากเยี่ยงนั้น เพราะอย่างไรซะเรานั้นไร้ซึ่งอัจฉริยะที่เข้าร่วมอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะมีที่มาเยี่ยงใด หากมีฝีมือจริงก็ล้วนแล้วแต่เกิดผลดีกับเราทั้งสิ้น หากแพ้ก็แค่เสมอตัวยังไงซะที่ผ่านมาหมู่บ้านเราล้วนแต่ตกรอบแรก"
เซี่ยวหลินเยว่ จนในคำพูดแม้นางมิเชื่อเล้งซานนัก แต่ก็เป็นจริงดั่งที่บิดานางพูด เล้งซานเมื่อเห็น หญิงสาวยอมเชื่อบิดา ก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
"ขอบคุณนายท่านที่ยังให้การสนับสนุนข้า ข้าจะมิทำให้ท่านผิดหวัง"
"อย่าใจร้อนนักสิเจ้าหนุ่ม แม้ข้าจะกล่าวไปเยี่ยงนั้น แต่ข้ายังมิได้ตัดสินใจว่าจะให้เจ้าลงประลองหรือไม่ จริงอยู่ว่าการพ่ายแพ้ในงานประลองสำหรับข้าถือว่ามิใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเจ้ามิได้มีฝีมืออย่างที่ชุนเกียงตู้พูดมา การส่งเจ้าที่มีลมปราณอ่อนหัดเช่นนี้เข้าประลอง ข้ามิกลายเป็นตัวตลกในงานหรอกหรือ?"
"ถ้าเช่นนั้นท่านจะให้ข้าทดสอบเช่นใด?"
เซี่ยวหลินหลุนแสยะยิ้มเล็กน้อย แต่มิได้กล่าวสิ่งใด มันเพียงแค่มองสำรวจมาที่ เล้งซาน
'เด็กหนุ่มผู้นี้ บุคลิกองอาจสมชาย หน้าตาหล่อเหลาหมดจด ดูเยี่ยงไรก็มิใช่คนที่จะหนีตายมาร่วมครึ่งปี หากบอกว่ามันพึ่งออกจากตระกูลใหญ่ มาเยี่ยมชมหมู่บ้านข้า ยังเชื่อง่ายกว่าการที่มันมาขอเป็นคนสวนเสียอีก'
ทันใดนั้นเอง ชุนเกียงตู้ก็เดินเข้ามาที่ห้องโถง พร้อมผู้เยาว์ผู้หนึ่ง ตัวสูงใหญ่ผิวคล้ำดำแดง หน้าตาดุดัน มันมองมาที่เล้งซานเล็กน้อย และยิ้มที่มุมปาก
"เรียนนายท่าน ผู้นี้คือ หลี่เย่กวน บุตรชายของหัวหน้าทหารเฝ้าประตูทิศใต้"
"หลี่เย่กวน คารวะท่านหัวหน้าหมู่บ้าน"
เซี่ยวหลินหลุน พยักหน้าเล็กน้อย
"พวกเจ้าทุกคน ออกมากับข้าที่สวนตะวันออก"
กล่าวเสร็จ เซี่ยวหลินหลุน ก็ลุกจากเก้าอี้ เดินนำไปที่สวนทิศตะวันออกทันที คนในห้องโถงทุกคนล้วนเดิมตามไป
ที่สวนตะวันออก ณ บริเวณที่เล้งซานรับ 3 ฝ่ามือจากชุนเกียงตู้เมื่อเช้า เป็นที่โล่งกว้างพอสมควร ทุกคนมารวมกัน ณ ที่แห่งนี้
"เอาล่ะ ข้าจะทำการทดสอบพวกเจ้าว่ามีคุณสมบัติพอจะเข้าร่วมการประลองในเมือง เมฆคราม หรือไม่ เล้งซาน หลี่เย่กวน พวกเจ้าทั้งคู่ก้าวออกมา!!"
เล้งซาน และ หลี่เย่กวน สบตากันเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวออกมาพร้อมกัน เซี่ยวหลินหลุน ชายตามองทั้งคู่เล็กน้อย และแสยะยิ้ม
"พวกเจ้าจงประมือกับ ข้าให้เวลา 1 ก้านธูป หลี่เย่กวน ขอให้เจ้าลงมือเต็มที่ห้ามออมมือเด็ดขาด!!"
หลี่เย่กวน ขมวดคิ้วทันที ประสานมือและกล่าวตอบ
"ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน จะดีหรือที่ให้ข้าลงมือเต็มที่ น้องชายผู้นี้อยู่เพียงขั้นกลางของลมปราณสีม่วงเท่านั้น ข้าเกรงว่า..."
"ขอพี่หลี่อย่าได้ออมมือ โดยเห็นว่าผู้น้อง ลมปราณอ่อนด้อยกว่า ตัวข้านั้นเป็นหนี้บุญคุณผู้อาวุโสหลี่ซุนอยู่ ข้ามิทำร้ายท่านบาดเจ็บแน่นอน"
เล้งซานประสานมือ โค้งตัวเล็กน้อย ดูท่าทางอ่อนน้อมแต่การที่มันพูดขัดขณะที่หลี่เย่กวนยังมิทันกล่าวจบ อีกทั้งคำพูดที่มันใช้ ก็เปรียบดังสายฟ้าฟาดใส่คู่แข่ง ราวกับมันจะออมมือให้ หลี่เย่กวน ทั้งที่ขั้นลมปราณอ่อนกว่า ถึง 6ขั้น!! หลี่เย่กวน หน้าแดงก่ำในทันที เพราะคำกล่าวเช่นนี้ดูถูกมันอย่างเห็นได้ชัด
เซี่ยวหลินหลุนหันมามองเล้งซาน จากนั้นก็แสยะยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง และแววตาของเซี่ยวหลินหลุนก็ได้ฉายออกมาทางเล้งซานอย่างแปลกๆ จนทำให้เล้งซาน เกิดจิตใจสั่นสะท้านเล็กน้อยอย่างไม่อาจอธิบาย แต่มันก็ยังคงเก็บอาการทั้งหมดมิได้แสดงออก จากนั้นเซี่ยวหลินหลุน ก็กล่าวต่อ...
"อย่าต้องให้ข้าพูดซ้ำ หลี่เย่กวน ห้ามออมมือเด็ดขาด ส่วนเล้งซาน ในช่วงเวลาประลอง 1 ก้านธูป...เจ้าห้ามตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น!!"
.............................................